หนองอีด่อน : กัมปนาทแห่งเสียงปืนกับการฆ่าล้างแค้น


บทความวิจารณ์วรรณกรรมประเภทเรื่องสั้นเรื่อง หนองอีด่อน : กัมปนาทแห่งเสียงปืนกับการฆ่าล้างแค้น

หนองอีด่อน เป็นเรื่องสั้นในหนังสือรวมเรื่องสั้นชุดไร้สัญชาติและตัวละครอื่น ๆ หนังสือที่ถ่ายทอดความเป็นจริงของชีวิต สะท้อนภาพสังคมในปัจจุบัน โดยเฉพาะปัญหาไร้สัญชาติของคนชายขอบ ซึ่งเป็นปัญหาที่เราอาจมองข้ามความสำคัญ ปล่อยละเลยจนกลายเป็นความเคยชิน ทว่าบัญชา อ่อนดี กลับเล็งเห็นปัญหาของเรื่องราวนั้น ๆ อย่างลึกซึ้งจึงเกิดการเรียงร้อยถ้อยความออกมาเป็นเรื่องสั้นหลายเรื่องในหนังสือเล่มนี้ ทั้งยังได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 2 จากเวทีเซเว่นบุ๊กอวอร์ดอีกด้วยเรื่องราวของหนุ่มโหดนามว่า แดงควาย นักเลงที่พร้อมฆ่าได้ตลอดเวลา เพียงแค่มีคนมาบอกเขาพร้อมที่จะจัดการทันที แดงควายฆ่าสารวัตรกำนันทั้ง ๆ ที่ไม่เคยมีปัญหากันมาก่อน เพียงเพราะรุ่นน้องที่รู้จักไม่กี่วันมาบอกว่าสารวัตรกำนันทำร้าย เขาจึงบุกเข้าไปยิงสารวัตรกำนันตายอย่างอนาถท่ามกลางงานวัด และแดงควายก็หนีไป เรื่องราวการถูกฆ่าเกิดขึ้นเรื่อย ๆ ในหนองอีด่อน เขาเล่าเหตุการณ์ย้อนกลับไปเรื่องเสือวิน เกิดความสงสัยว่าใครฆ่าเสือวินตาย และด้วยเหตุผลหลาย ๆ อย่างทำให้ตัวละครผมรู้ว่าคนที่ฆ่าก็คือ พี่เพิกนั่นเอง จากนั้นพี่เบ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่วินก็ตายไปตาม ๆ กัน หลังจากนั้นพี่เพิกก็ถูกยิงกลางไร่จนเสียชีวิต คนในน้องอีด่อนไม่กล้ากลับไปยังหมู่บ้าน เพราะกลัวพี่ซัน แต่มีครอบครัวหลายครอบครัวอพยพไปอยู่หมู่บ้าน พี่สันฆ่าลูกชายของครอบครัวหนึ่ง และใส่ร้ายว่าลูกของครอบครัวนี้ขโมยเครื่องมือทำมาหากินไป พ่อผู้สูญเสียลูกชายแค้นมาก จนกระทั่งสามารถฆ่าพี่ซันเพื่อล้างแค้นแทนลูกชายได้สำเร็จ ต่อมาควายแดงกลับตัวกลับใจมาบวชอยู่วัด แต่แดงควายก็ถูกฆ่าตายโดยไม่อาจรู้ว่าใครเป็นคนยิงผู้เขียนต้องการแสดงให้เห็นถึงความโหดเหี้ยมของมนุษย์ สามารถฆ่ากันได้แม้กระทั่งคนที่รู้จักและคนที่ไม่รู้จัก สะท้อนให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมหรือสังคมบ้านนอกที่ไม่มีการศึกษา ผู้คนจึงมักถูกสภาพแวดล้อมรอบตัวชักจูงไปในทางที่ไม่ดีได้ง่าย หากพิจารณาชื่อเรื่องแล้ว ข้าพเจ้าคิดว่าผู้แต่งต้องการให้ชื่อเรื่องบ่งบอกถึงสภาพความเป็นอยู่ในชนบทเพราะคำว่า “หนองอีด่อน” ทำให้ผู้อ่านได้สัมผัสถึงความเป็นชนบทแล้ว ผู้แต่งจึงใช้สภาพชีวิตในชนบทที่ผู้คนไร้การศึกษา สภาพแวดล้อมอันเต็มไปด้วยสารเสพติด ทำให้ผู้อ่านได้รับรู้ถึงผลของการไม่ได้รับการศึกษา บุคคลที่มีจิตใจต่ำช้า ฆ่ากันดังผักปลา เห็นว่าการฆ่ารันฟันแทงเป็นเรื่องปกติ จนกลายเป็นความเคยชิน เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความไร้ศีลธรรมของมนุษย์ นั่นก็เป็นเหตุผลที่บ่งบอกได้ว่าผู้แต่ง ตั้งชื่อเรื่องให้สมกับคำว่า หนองอีด่อนนอกจากนั้นแล้วยังให้ทัศนะต่อชีวิต ในเรื่องของการถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้มีอำนาจ ปกติแล้วคนเรามักไม่ชอบการเอาเปรียบกัน เมื่อเกิดการเอาเปรียบจึงเกิดความแค้น เมื่อเกิดความแค้นก็มักจะแก้แค้นโดยไม่คำนึงถึงศีลธรรมอันดี ข้าพเจ้าขอยกตัวอย่างจากเนื้อเรื่องให้ได้เห็นอย่างชัดเจน คือ ตอนที่สารวัตรกำนันตบบ้องหูเด็กชายคนนั้น แต่เรื่องนี้กลับไม่ถูกพูดถึง เพราะสารวัตรกำนันเป็นผู้มีอำนาจในหมู่บ้าน เพียงแค่ตอนนี้ก็สะท้อนให้เห็นแล้วว่า ผู้ที่มีอำนาจสามารถทำอะไรก็ได้โดยที่ไม่ผิด เมื่อย้อนกลับมาคิด ในสังคมยุคปัจจุบัน ทำให้เห็นว่าเรื่องราวเหล่านี้ก็ยังเกิดขึ้นให้ได้เห็นบ่อย ๆ โดยเฉพาะในสังคมของการเมือง เรื่องของการกดขี่ข่มเหงประชาชนให้อยู่ภายใต้อำนาจของตนโครงเรื่อง หนองอีด่อน แสดงให้เห็นถึงผู้คนในชนบท หมู่บ้านที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของการ “ฆ่า” ผู้ที่อยู่ในสภาพสังคมที่โหดร้าย ติดสารเสพติด ไม่ได้รับการศึกษา ด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงทำให้สภาพจิตใจของคนในสังคมคนต่ำช้าอย่างคาดไม่ถึง เรื่องราวจึงเต็มไปด้วยการฆ่าอย่างต่อเนื่อง เนื้อเรื่องจึงดำเนินไปด้วยความซับซ้อนแต่ก็มีความเชื่อมโยงกันอยู่ดังจะกล่าวต่อไปนี้ ผู้แต่งเปิดเรื่องโดยการใช้ประโยคคำพูดของตัวละคร ที่พูดว่า “ปืนกู กูต้องยิงเอง” เพียงแค่ประโยคคำพูดนี้ผู้อ่านก็พอทราบแล้วว่าเรื่องราวที่จะอ่านต่อไปเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการฆ่าอย่างแน่นอน หลังจากประโยคนี้ผู้แต่งแนะนำตัวละคร เจ้าของคำพูดคือ แดงควาย ใช้ตัวละคร“ผม”เล่าเรื่องย้อนอดีตไปยังสมัยเด็ก บรรยายให้เห็นถึงลักษณะนิสัยของแดงควาย ตัวอย่างที่บรรยายที่เห็นได้อย่างเด่นชัด หน้า 161-162 ความว่า
“ตั้งแต่เริ่มนมแตกพานแดงควายระรานทุกคนไปทั่ว สันดานประจำตัวของมันขาดเสลดในลำคอก่อนจะถมถุยน้ำลายโดยไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น ตัวมันหนาตัน อารมณ์หุนหันพลันแล่น ขนาดคนเป็นพ่อ แดงควายยังเตะสลบเหมือด ส่วนคนเป็นแม่มันแค่ฝนมีดพร้าระหว่างนางพระวิงวอนอ้อนขอให้เราเรื่องยาเสพติดลงบ้าง” จากบทความข้างต้นเห็นได้ว่า ผู้แต่งบรรยายให้เห็นถึงลักษณะของตัวละครที่บ่งบอกถึงความเป็น คนอำมหิต จากนั้นก็เล่าเรื่องราวการฆ่าที่เกิดจากฝีมือของแดงควาย การฆ่าสารวัตรกำนัน ผู้แต่งพรรณนาให้เห็นถึงการถูกยิงของสารวัตรกำนัน ซึ่งอ่านแล้วทำให้ผู้อ่านรู้สึกเวทนาไปกับตัวละครที่ถูกฆ่าได้อย่าง พิจารณาได้ว่าผู้แต่งใช้การพรรณนาให้เห็นภาพได้เป็นอย่างดี ข้าพเจ้าเมื่ออ่านแล้วรู้สึกสยองและหดหู่ไปกับการเล่าของผู้แต่ง เรียกได้ว่า ใช้ภาษาเรียบง่ายแต่เห็นภาพได้อย่างชัดเจนในส่วนของการดำเนินเรื่อง ผู้แต่งใช้เหตุการณ์การฆ่า เป็นจุดสำคัญในการดำเนินเรื่องหลังจากที่แดงควายฆ่าสารวัตรกำนัน เพียงเพราะรุ่นน้องที่รู้จักถูกสารวัตรกำนันตบบ้องหูแล้วไปฟ้องว่าสารวัตรกำนันทำร้าย แดงควายก็พร้อมที่จะฆ่าคนทำร้ายคนที่ทำกับรุ่นน้องตนได้เสมอ เป็นเหตุให้แดงควายฆ่าสารวัตรกำนันทั้งที่ตนกับสารวัตรกำนันไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน ในขณะที่ผู้แต่งเล่าถึงการฆ่าสารวัตรกำนัน ผู้แต่งยังแทรกความเชื่อของคนในชนบท เรื่องของการพกเครื่องรางของขลังติดตัว มีความเชื่อว่าเครื่องรางของขลังสามารถช่วยให้รอดชีวิตได้ ตัวอย่างจากเนื้อเรื่องหน้า 162 ความว่า “สารวัตรกำนันห้อยพระรอดติดคอไปพร้อมกับเหรียญเกจิดัง พระผงพุทธคุณซึ่งเลี่ยมกรอบอีกนับสิบ บริเวณต้นคอยังแขนจตุคามรามเทพคุ้มครองหลังกระเป๋าเสื้อตรงหน้าอกซ้ายยัดไว้ด้วย หนุมานกั้นเมฆ” จากความในเนื้อเรื่องข้างต้นแสดงให้เห็นว่าผู้แต่งใช้เครื่องรางของขลังมาเป็นสื่อให้เราเห็นถึงความเชื่อว่า พระสามารถคุ้มครองให้ปลอดภัยได้ หรือสามารถเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้คนที่พกติดตัวสบายใจในขณะเดียวกันสารวัตรกำนันก็อาจจะระแวงผู้อื่นว่าจะมาทำร้ายตน ผู้แต่งผูกปมของเรื่องโดยการสร้างความขัดแย้งที่เกิดจากตัวละคร จึงนำไปสู่เหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ ดังตัวอย่างในเนื้อเรื่องหน้า 172 ความว่า “พี่ไม่เคยฆ่าใครเพราะเงิน คนที่พี่ฆ่าต้องมาจากความแค้นอย่างเดียว” จากประโยคที่ตัวละคร “พี่เพิก” พูดกับตัวละคร “ผม” แสดงให้เห็นว่าพี่เพิกมีความขัดแย้งกับพี่วินเพราะพี่เพิกแอบไปลักไก่พี่วิน แต่พี่วินจับได้ว่ามีคนมาขโมยไก่ ขณะเดียวกันพี่วินไม่รู้ว่าคนที่ไปขโมยคือ พี่เพิก พี่วินจึงไล่ยิงพี่เพิก ทำให้พี่เพิกแค้นมาก จึงตามมาล้างแค้นด้วยการฆ่าพี่วินและสาเหตุที่ทราบว่าพี่เพิกฆ่าพี่วินเพราะข้างศพพบรองเท้ายี่ห้อดังต่างประเทศ นั่นคือ รองเท้ายี่ห้ออะดิดาส ที่พี่เพิกขอตัวละคร “ผม” ในร้านข้าววันนั้น ความขัดแย้งของพ่อที่เสียลูกชายไปสองคน เพราะพี่ซันยิงจนเสียชีวิต ทำให้พ่อมีความขัดแย้งกับพี่ซันจึงเกิดการแก้แค้นเพื่อลูก โดยยิงที่ซันตาย ด้วนเหตุว่า ครอบครัวนี้อพยพจากหนองอีด่อนมาอยู่ในหมู่บ้าน ลูกของพ่อจึงถูกที่สั้นใส่ร้ายว่า ขโมยเครื่องมือทำมาหากินของชาวบ้าน ทำให้พ่อต้องเสียลูกชายทั้งสองคนไปความแค้นจึงถูกแก้แค้นด้วยการ ฆ่า เมื่อพิจารณาการสร้างปมความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับมนุษย์แล้ว จะเห็นได้ว่าผู้แต่งใช้ความขัดแย้งที่ทำให้ผู้อ่านได้เห็นอย่างชัดเจน ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นของตัวละครนั้นและมีความสัมพันธ์และเชื่อมโยงกัน ทำให้ผู้อ่านทราบว่าเหตุผลที่ตัวละครฆ่ากัน ทั้งยังทำให้ผู้อ่านเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครอีกด้วย นอกจากนั้นยังมีปมความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับสังคม คือ ความขัดแย้งของแดงควายกับคนในหมู่บ้าน แดงควายเป็นผู้ที่ชอบระรานผู้อื่น คนในหมู่บ้านจึงไม่ชอบแดงควาย และความขัดแย้งของพี่ซันกับชาวบ้านที่อพยพมาอยู่ในหมู่บ้าน พี่ซันพูดข่มขู่ชาวบ้าน เพราะไม่ให้ย้ายมาเข้ามาอยู่หมู่บ้าน ชาวบ้านจึง ไม่ชอบพี่ซัน การดำเนินเรื่องผู้แต่ง หน่วงเรื่องโดยการเล่าถึงการตายของพี่เบและใช้ตัวละคร “ผม”เล่าเหตุการณ์ตอนเด็ก เพื่อให้ผู้อ่านได้ย้อนกลับไปในเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้รู้ว่าพี่เบ ผู้มีฉายาว่า “กระดอทองแดง” คือผู้ชายที่มีลูกอัณฑะข้างเดียว เชื่อกันว่าจะฆ่าไม่ตาย ท้ายที่สุดแล้วพี่เบก็ถูกฆ่า ทั้งยังเล่าเหตุการณ์ผมในวัยเด็ก ชอบไปเล่นกับพี่เบ พี่วิน พี่เพิก ดังตัวอย่างหน้า 167 ความว่า “มึงเป็นเด็กนักเรียน อย่ามาเล่นกับพวกกู บอกเท่านี้ ก่อนทุกคนจะพากันเข้าไปในป่าหลังบ้านปล่อยให้ผมเกาะแข้งเกาะขาอยู่กับพี่วิน หรือไม่ก็เป็นพี่เบที่เรียกผมหนูเล็กทุกคำ แถมยังคอยปะเหลาะเพราะป้าสายยังไม่ยอมกลับบ้าน”จากเนื้อเรื่องข้างต้น ผู้แต่งใช้การเล่าโดยย้อนอดีตทำให้ทราบว่า สมัยเด็กทั้งสี่คนเคยเป็นเพื่อนเล่นด้วยกัน พอทุกคนโตกลับมาฆ่ากันเอง เพียงเพราะการไร้ซึ่งการศึกษา ผนวกกับสภาพแวดล้อมที่มีสารเสพติด ทำให้ผู้คนจิตใจต่ำช้า ฆ่าได้แม้กระทั่งเพื่อนหรือญาติของตนเอง ในส่วนของผมนั้นได้รับการศึกษาจึงทำให้เขาประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่เขาไม่สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในหนองอีด่อนได้จุดสุดยอดของเรื่องนี้อยู่ในตอนที่ชาวบ้านอพยพจากหนองอีด่อนมาอยู่ในหมู่บ้าน หลังจากงานเผาศพพี่เพิกเสร็จ ทุกคนต่างคนต่างหวาดระแวงกันว่า ถ้าวันใดวันหนึ่งใครสักคนเกิดระแวงต่อความปลอดภัยของชีวิตขึ้นมา การลงมือฆ่ากันเองย่อมอุบัติขึ้น นอกจากนั้นผู้แต่งยังใช้ที่ตอนของพี่ซัน ผู้ที่ฆ่าลูกชายของพ่อ ซึ่งเป็นครอบครัวหนึ่งที่อพยพมาจากหนองอีด่อน ทำให้พ่อคิดที่จะแก้แค้นแทนลูก สุดท้ายแล้วชายชราก็สามารถฆ่าพี่ซันเพื่อล้างแค้นได้สำเร็จ แล้วชายชราก็หายไปจากหมู่บ้าน ผู้แต่งคลายปมปัญหา โดยเล่าถึงแดงควายกับการกลับตัวกลับใจมาบวชอยู่วัด แดงควายในผ้าเหลืองเปลี่ยนสถานะเป็นภิกษุ และผู้แต่งยังเล่าต่อไปว่าแม้พระแดงจะกลายเป็นคนใหม่ แต่ก็ยังมีนิสัยชอบขากเสลดก่อนถมน้ำลายอย่างเดียว จากการคลายปมปัญหา ผู้แต่งบอกเพียงแค่ว่าแดงควายกลับตัวกลับใจ แต่นิสัยที่ ติดตัวมานั้นก็ยังเหมือนเดิม ผู้แต่งยังแต่งเรื่องราวต่อไปว่า แม้แดงควายจะกลับตัวกลับใจมาบวชแต่ก็มีนักฆ่า ลอบฆ่าแดงควายได้สำเร็จ ซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นใคร เมื่อพิจารณาแล้วเห็นได้ว่าผู้แต่งคลายปมปัญหาเพียงแค่ปมเดียว แต่ทิ้งท้ายให้ผู้อ่านได้พินิจว่าใครเป็นคนฆ่าพระแดงในส่วนของการปิดเรื่อง ผู้แต่งปิดเรื่องด้วยการเล่าถึงการโทรคุยของเพื่อนกับผม โดยในบทสนทนาทราบได้ว่าผมมีครอบครัวอยู่ต่างจังหวัดและผมได้รับตำแหน่งยศใหญ่ แต่ผู้แต่งปิดเรื่องโดยให้ผู้อ่านคิดต่อว่า ลูกของผมใน 2 ปีก่อนได้ไปก่อเหตุการณ์อะไรในหนองอีด่อนและไม่อาจทราบว่าผู้ที่เป็นมือปืนฆ่าพระแดงคือใคร เป็นการปิดเรื่องโดยการทิ้งท้ายให้คนคิด หากกล่าวโดยรวมแล้วทั้งแก่นเรื่องและโครงเรื่องมีความสมบทบาท เพราะเป็นเรื่องต้องการถ่ายทอดให้ผู้อ่านได้เห็นถึงความโหดเหี้ยมของมนุษย์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นปัญหาของคนชายขอบ ผู้ที่ไม่ได้รับการศึกษา อยู่ในสภาพแวดล้อมชนบทและติดสารเสพติด ฉะนั้นเรื่องการฆ่ากันจึงเป็นเรื่องปกติ ทั้งยังมีการดำเนินเรื่องไปอย่างสอดคล้องและเป็นเหตุเป็นผลกันตลอดทั้งเรื่อง โดยสุดท้ายผู้แต่งได้ทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านได้ขบคิดต่อไป

หมายเลขบันทึก: 688143เขียนเมื่อ 6 มกราคม 2021 23:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 มกราคม 2021 23:11 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท