ม้าน้ำสีทอง : สายสัมพันธ์แห่งท้องทะเล

ชื่อหนังสือ ม้าน้ำสีทอง
ผู้แต่ง เอกอรุณ
จำนวนหน้า ๙๔ หน้า
เรื่องย่อ สนและโต้เป็นเพื่อนรักกัน ทั้งคู่เป็นลูกหลานชาวประมง ฐานะทางบ้านไม่ค่อยดีนัก พ่อแม่จึงไม่เหลือเงินพอที่จะซื้อชุดนักเรียนให้ใหม่ ต้องใส่ชุดที่มีรอยปะชุน ใส่แล้วอายเพื่อน ถูกเพื่อนล้อ พวกเขาอยากได้ชุดนักเรียนใหม่ จึงชวนกันไปเก็บปลาที่ตกตามเรือประมงมาขาย เพื่อจะเก็บเงินไปซื้อชุดนักเรียน
เมื่อทดลองไปเก็บปลาวันแรก ก็พบปัญหา เพราะการเก็บปลาตกไม่ใช่เรื่องง่าย มีทั้งเรือลำใหญ่ และผู้คนที่คับคั่ง แต่เมื่อพวกเขาได้รู้จักกับชิต ชิตก็ทำอวนใส่ปลาเล็กๆให้ ชิตพาไปช่วยงานบนเรือจนได้ปลามาขายและมีเงินพอที่จะซื้อชุดนักเรียนใหม่
ครั้งหนึ่ง เมื่อสนและโต้ได้เห็นม้าน้ำเป็นครั้งแรก ชิตบอกว่าม้าน้ำขายได้ราคาดี ทั้งสองจึงคิดจะนำม้าน้ำมาเลี้ยง เพาะพันธุ์ขาย จึงไปขอซื้อม้าน้ำจากป้าหลีจู ป้าหลีจูเลี้ยงม้าน้ำจำนวนมาก จึงแบ่งม้าน้ำให้และช่วยสอนวิธีการเลี้ยงแก่สนและโต้
ธุรกิจการเลี้ยงม้าน้ำของพวกเขาเกิดขึ้นที่ใต้ถุนบ้านของสน ทั้งสองหมั่นให้อาหารและช่วยกันดูแลม้าน้ำ เมื่อม้าน้ำตั้งท้องและออกลูกตัวน้อยเป็นร้อยๆตัว ครูและเพื่อนๆก็ต่างมาดูม้าน้ำ ครูเห็นความสำคัญของสัตว์น้ำที่กำลังลดจำนวนลงมาก จึงชักชวนให้สนและโต้มาช่วยดูแลโครงการเพาะสัตว์น้ำของโรงเรียนและขอซื้อม้าน้ำของพวกเขาไปเพาะเพื่อนำไปปล่อยลงสู้ทะเล พวกเขาจึงไปเล่าให้ป้าหลีจูฟัง ป้าหลีจูก็เห็นดีด้วยและฝากม้าน้ำที่ตนเพาะไปปล่อยลงทะเล
สนออกเรือไปปล่อยม้าน้ำกับอาเอกโดยไม่มีโต้ติดตามไปเพราะโต้กลัวทะเลและว่ายน้ำไม่เป็น สนเพลิดเพลินกับการดูเหล่าม้าน้ำที่พากันแหวกว่ายในทะเลซึ่งเป็นบ้านหลังใหญ่ของพวกมัน การปล่อยม้าน้ำสำเร็จด้วยดี จนกระทั่งตอนกลับ คลื่นลมแรงซัดเรือของพวกเขาล่มกลางทะเล พวกเขาจมสู่ทะเลลึกแต่ฝูงม้าน้ำหลากสายพันธุ์นับล้านตัวมาช่วยไว้ ทำให้พวกเขารอดขึ้นฝั่งได้อย่างปลอดภัย

หนังสือเล่มน้ให้แวคิดด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไม่ใช่หน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นหน้าที่ของมนุษย์ทุกๆคนที่ควรช่วยและร่วมใจกัน ถ้าเราร่วมใจกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เราก็จะมีสิ่งแวดล้อมที่ดีรอบกายเรา และมีธรรมชาติที่สวยงามอยู่ให้ชื่นชมไปชั่วลูกชั่วหลาน

หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องราวสะท้อนวิถีชีวิตของชาวประมง ทะเลเปรียบเสมือนจิตวิญญาณของพวกเขา ผู้แต่งเน้นย้ำเรื่องการอนุรักษ์สัตว์ทะเลและสิ่งแวดล้อมให้ผู้อ่านได้ตระหนักถึงการอนุรักษ์ว่ามีความสำคัญ หนังสือเล่มนี้อ่านเข้าใจง่าย ดำเนินเรื่องเรียบง่ายแต่ไม่น่าเบื่อ