กระดาษทรายขูดไม้เปรียบได้ดั่งการพิจารณาใจเพื่อทำจิตให้ละเอียด เพราะการทำจิตใจให้ละเอียดนั้นเป็นวิธีขัดเกลากิเลส...
การทำงานต้องมีพรหมวิหาร 4 คือธรรมของผู้เป็นใหญ่ มีเมตตาต่อเพื่อนร่วมงาน มีเมตตาต่อนักศึกษา มีความกรุณาเอื้ออารีให้กันและกันทั้งกับเพื่อนร่วมงานและนักศึกษา มีความมุทิตาแก่กัน เมื่อผู้อื่นได้ดีมีสุข ก็ควรจะยินดีกับเขา แสดงถึงจิตใจที่ดีงาม อุเบกขา การวางเฉย คือการปล่อยวางบางสิ่งบางอย่างในทางความรู้สึกนึกคิด แม้จะไม่สามารถปล่อยวางละทิ้งได้ทั้งหมด ก็ควรจะพิจารณาละทิ้งบางเรื่องที่ไม่สำคัญหรือจำเป็น เพื่อจะได้ลดละความเครียด ความไม่สบายใจ หรือแม้แต่การวางเฉยต่อคำพูดว่าร้ายที่อาจจะทำให้เราโกรธ เพื่อไม่ให้ความโกรธมายั่วยุจิตใจ เช่น การวางเฉยต่อคนรอบข้าง หากเขามากระทบกระทั่งร่างกายหรือจิตใจ ก็อาจจะต้องมีอุเบกขา กับสามี ภรรยา ญาติมิตร เพื่อไม่ให้ความโกรธมาทำลายความสัมพันธ์
การเจริญเมตตาบ่อย ๆ ก็เป็นสุข ใจเราจะเป็นสุข ทำบุญ ทำทาน หรือการมอบสิ่งดีงามให้กัน ก็ย่อมจะส่งผลดีต่อใจ ใจเราก็เป็นสุข
ฟังธรรมแล้วก็เขียนสรุป บันทึกไว้.... ท่านมหาวสันต์ พูดแซวว่า วันนี้ก็ขออนุโมทนากับการถวายภัตตาหารเพล ซึ่งทำให้พวกเราได้มาพบปะกัน ไม่รู้ว่าด้วยโอกาสอะไรเหมือนกัน?
โยมพี่ผู้นิมนต์ก็ได้แต่นั่งหลับตาฟังแล้วอมยิ้ม เพื่อน ๆ น้องกัลยาณมิตร รวมถึงแม่บ้านที่หอพัก ก็กล่าวว่า จะทำบุญถวายนภัตตาหารก็ไม่บอกบุญกันล่วงหน้า จะได้จัดหาจัดเตรียมร่วมทำบุญถวายทานร่วมกัน เพราะนานทีปีหนจะได้ทำบุญ... โยมพี่ก็ได้แต่กระหยิ่มยิ้มย่องในใจ
ปฐมเหตุแห่งการถวายภัตตาหารในคราวนี้ ก็ด้วยว่าไม่ได้พบ ไม่ได้กราบพระน้องนานหลายเดือน และในโอกาสที่พระน้องสำเร็จการศึกษาปริญญาโทตั้งแต่ปีกลาย รวมถึงการสอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยคเมื่อต้นปี แต่ต้องมาติดโควิด จึงไม่ได้มีโอกาสพบปะถวายภัตตาหาร จึงได้นัดหมายนิมนต์ให้มาโปรดโยมพี่โยมน้องที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ทีแรกว่าจะไปถวายที่ร้านอาหารก็เกรงจะไม่เหมาะในสถานที่ อีกอย่างก็คิดว่าหากจัดสำรับอาหารคาวหวานมาถวายที่หอพักก็คงเป็นการดี จะได้มาเสริมบารมีให้แก่ชาวหอพักและญาติธรรมทั้งหลายด้วยในคราวเดียวกัน...
วันนี้จึงอิ่มใจที่ได้ร่วมถวายภัตตาหาร มีกัลยาณมิตรได้ร่วมเป็นเจ้าภาพอาหารและเครื่องดื่ม และร่วมถวายปัจจัย เพื่อสงเคราะห์แก่พระสงฆ์ผู้เป็นนิสิตปริญญาเอก แม้เพียงน้อยนิด แต่ก็ถือว่า “เอาบุญ” ด้วยกัน อีกทั้งการได้พบเจอกันก็ถือเป็น “บุญ” ที่นำพาเรามาพบปะกัน
ญาติธรรมบางคนก็ถึงกับเอ่ยปากว่า จัดอีกนะ รวมถึงพระท่านก็ว่าหากมีโอกาสก็อยากจะมาคุยธรรมะหรือร่วมทำวัตรค่ำด้วย โยมพี่จึงกล่าวว่า “เป็นหอพักที่มากกว่าหอพัก” และหากมีโอกาสก็จะพยายามทำแบบนี้อีก คือการทำบุญและทานข้าวด้วยกัน
ขออนุโมทนากับคณะญาติธรรมที่ร่วมบุญ ขอบคุณแม่แป๋ว (คุณยาย) มินิมาร์ทใต้หอพักที่ร่วมบุญน้ำดื่ม น้ำเปล่าและน้ำแข็ง อนุโมทนากับแม่บ้านหอ 11-12 ที่ร่วมถวายภัตตาหาร
วันที่ 14 ตุลาคม 2563
ไม่มีความเห็น