เกี๊ยว อาหารมงคลเพื่อความเจริญรุ่งเรืองอายุยืนยาว

เกี๊ยวเป็นอาหารจีนชนิดหนึ่งในชุดของติ่มซำ เกี๊ยวจัดเป็นอาหารมงคลของชาวจีนที่รับประทานกันตั้งแต่ชนชั้นกษัตริย์ไปจนถึงระดับชาวบ้านสามัญชน โดยมากจะรับประทานในเทศกาลตรุษจีนหรือช่วงวันขึ้นปีใหม่เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ให้มีความเจริญรุ่งเรืองและมีอายุยืนยาว

เหตุผลที่ชาวจีนถือว่าเกี๊ยวเป็นอาหารมงคลเพื่อส่งเสริมเรื่องสุขภาพและต่ออายุสืบเนื่องมาจากในสมัยก่อนมีแพทย์จีนชื่อ เจียว เอ่อ จังจุ้งจิ่ง เป็นชาวเมืองหนานหยาง มณฑลเหอหนาน เขาเป็นปรมาจารย์ทางการแพทย์ที่มีความสามารถในการรักษาโรคทุกชนิด และเป็นแพทย์ที่มีจรรยาบรรณโดยแท้ คือไม่แบ่งชนชั้นคนไข้ ไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไรก็รักษาด้วยมาตรฐานเดียวกัน ด้วยเหตุนี้จังจุ้งจิ่งจึงเป็นแพทย์ที่ประชาชนศรัทธานับถืออย่างมาก 

ต่อมาเขาได้เดินทางกลับบ้านเกิดที่มณฑลเหอหนาน ในระหว่างการเดินทางเป็นช่วงฤดูหนาว จังจุ้งจิ่งได้พบชาวบ้านที่ยากจนที่ขาดแคลนอาหารและเครื่องนุ่งห่มกันหนาวต้องทนอดอยาก และทนต่อความหนาวเย็นทำให้เจ็บป่วย ใบหูก็เปื่อยเพราะถูกความหนาวเย็นกัด เมื่อเขาเดินทางมาถึงบ้านจึงสั่งให้ลูกศิษย์ตั้งหม้อยาและคิดค้นสูตรยาเพื่อรักษาชาวบ้านทันที สูตรยาที่คิดค้นขึ้นคือการต้มเนื้อแพะ พริกและสมุนไพรที่ช่วยเพิ่มความอบอุ่นแก่ร่างกายในหม้อใบใหญ่ จากนั้นก็ตักเนื้อแพะมาสับให้ละเอียดและใช้แป้งที่นวดไว้ห่อเนื้อแพะสับ โดยจีบให้เหมือนรูปหู เพื่อเป็นการแก้เคล็ด แล้วนำไปต้มให้สุก เสร็จแล้วเขาก็ทำน้ำซุปไว้กินคู่กับยาที่ทำขึ้น แล้วนำไปแจกจ่ายชาวบ้านโดยไม่คิดเงิน เมื่อชาวบ้านได้กินยาของจังจุ้งจิ่งก็รู้สึกอบอุ่นไปทั้งร่างกาย เมื่อกินต่อเนื่องใบหูที่เคยเน่าเปื่อยก็เริ่มมีสภาพดีขึ้น จังจุ้งจิ่งก็เลยทำยาให้กินต่อไปจนถึงวันตรุษจีนทำให้ชาวบ้านหายป่วยร่วมฉลองเทศกาลตรุษจีนกับครอบครัวได้

จากนั้นเป็นต้นมาชาวจีนจึงดัดแปลงทำเป็นแป้งจีบห่อไส้ให้คล้ายกับตัวยาของจังจุ้งจิ่งเอาไว้รับประทานกันในวันตรุษจีน และเรียกอาหารนั้นว่าจังจุ้งจิ่งตามชื่อของนายแพทย์ผู้มีความเมตตา เพื่อเป็นการรำลึกถึงบุญคุณที่มีต่อพวกเขาตลอดไป

ต่อมาได้มีการดัดแปลงสูตรของจังจุ้งจิ่งมาเรื่อยๆและในที่สุดก็เปลี่ยนชื่อจากจังจุ้งจิ่งเป็น "เกี๊ยว" ด้วยความอร่อยของเกี๊ยวทำให้กลายเป็นอาหารที่คนทั่วโลกรู้จักและนิยมรับประทาน รสชาติของเกี๊ยวจึงเปลี่ยนแปลงไปตามวัฒนธรรมของแต่ละชาติ

ส่วนไทยเรารับประทานเกี๊ยวหลายรูปแบบ ทั้งเกี๊ยวน้ำหมูแดง เกี๊ยวปูหมูแดง บะหมี่เกี๊ยว เกี๊ยวจิ้มน้ำจิ้มรสเด็ดและเกี๊ยวทอดกรอบแสนอร่อย จึงเป็นที่มาของเมนูอาหารในวันนี้ เกี๊ยวน้ำและเกี๊ยวนึ่ง

ก่อนจะทำเป็นเกี๊ยวน้ำและเกี๊ยวนึ่ง เราจะต้องทำไส้เกี๊ยวแล้วนำมาห่อกับแผ่นแป้งเสียก่อน ซึ่งแป้งเกี๊ยวมีขายสำเร็จรูปหาซื้อได้ทั่วไป ส่วนประกอบของไส้ประกอบด้วย เนื้อหมูติดมันสับละเอียดปนกับเนื้อกุ้ง หรือเนื้อปู ปรุงรสด้วยกระเทียม พริกไทย รากผักชีโขลกละเอียด น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว แป้งมัน และน้ำมันหอย คลุกเคล้าให้เข้ากันหมักไว้อย่างน้อย 30 นาที จากนั้นก็นำมาห่อกับแป้งเกี๊ยว วิธีการห่อ ตักไส้ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะวางตรงกลางแผ่นแป้งซึ่งเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส พับมุมเข้าหากันให้กลายเป็นรูปสามเหลี่ยม ใช้น้ำทาที่แผ่นแป้งก่อนจะพับมุมเข้าหากัน แล้วจึงพับเก็บมุมให้กลายเป็นรูปสี่เหลี่ยม ห่อไปเรื่อยๆจนหมดไส้ที่เตรียมไว้

เริ่มทำเกี๊ยวน้ำโดยต้มน้ำซุปด้วยกระดูกหมูหรือโครงไก่ นำผักกวางตุ้งที่ล้างสะอาดแล้วหั่นเป็นท่อนขนาดประมาณ 3 เซนติเมตร นำไปลวกในน้ำเดือด ใส่เกลือ และน้ำมันพืชลงไปเล็กน้อย ลวกพอสุกนำขึ้นมาแช่ในน้ำเย็นก่อนจะตักขึ้นใส่ชามไว้ จากนั้นนำเกี๊ยวไปต้มในน้ำเดือด เมื่อเกี๊ยวสุกจะลอยขึ้นมา ตักเกี๊ยวขึ้นมาใส่ในชาม ตักน้ำซุปราดให้ท่วมเกี๊ยว โรยต้นหอมผักชี กระเทียมเจียว ถ้าชอบตั้งฉ่ายจะใส่ลงไปด้วยก็ได้ เกี๊ยวน้ำพร้อมเสริฟแล้วค่ะ

เกี๊ยวที่เราห่อไว้สามารถนำไปทำเมนูเกี๊ยวนึ่งเป็นอาหารว่างง่ายๆเพียงนำเกี๊ยวไปนึ่งในลังถึงที่ปูด้วยใบตองทาน้ำมันเล็กน้อย ถ้าแป้งเกี๊ยวมีลักษณะแข็งใช้น้ำพรมให้ชุ่มชื้นก่อนนำไปนึ่ง ใช้เวลานึ่งประมาณ 10 นาที นำเกี๊ยวมาจัดใส่จาน ทาด้วยน้ำมันกันเกี๊ยวแห้งเกินไป โรยด้วยต้นหอมซอยและกระเทียมเจียว รับประทานกับผักสด จิ้มกับซอสเปรี้ยว (จิ๊กโฉ่ว) หรือจะใช้น้ำจิ้มแบบขนมกุยช่ายก็อร่อยไปอีกแบบหนึ่งค่ะ

วันนี้เสริฟเกี๊ยวนึ่งเป็นอาหารว่างยามบ่าย คู่กับเครื่องดื่มเย็นซาบซ่า แตงโมสไปรซี่ ช่วยดับร้อน ผ่อนกระหาย ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นได้ในยามบ่ายที่อุณหภูมิอยู่ที่ 37° แต่ความรู้สึกเหมือน 44°