ช่วงอยู่บ้านเพื่อร่วมกันรักษาระยะห่างทางสังคมป้องกันการแพร่โควิด ๑๙ ตามนโยบายรัฐบาล และขององค์การอนามัยโลก ผมมีระยะประชิดทางสังคมแบบ virtual เกือบทุกวัน เป็นชีวิตที่สนุกและได้เรียนรู้มาก เพราะไม่ต้องออกไปเผชิญรถติด
ช่วง ๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๓ ผมมีนัดประชุมออนไลน์กับทีมงานของมูลนิธิสยามกัมมาจล เพื่อเตรียม การจัด online PLC ของโรงเรียนนำร่องจำนวน ๒๐ โรงเรียน ที่จะจัดเมื่อโรงเรียนเปิดเทอมแรกปีการศึกษา ๒๕๖๓ เป็นการประชุมเตรียมการครั้งที่ ๒ โดยครั้งที่ ๑ จัดเมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ใช้เวลา ๓ ชั่วโมง เป้าหมายหลักของการประชุมคือ เตรียมความพร้อมให้แก่ทีมงานที่ลงไปทำงานในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ที่จะเป็นทีมจัดการ online PLC
เป้าหมายหลักของการประชุมวันนี้ เพื่อทำความเข้าใจหนังสือ ครูเพื่อศิษย์ สอนสู่รู้เชื่อมโยง บทที่ ๖ – ๘ สำหรับนำไปใช้เป็นเครื่องมือชิ้นหนึ่ง ในการหนุนให้ครูจัดกระบวนการเรียนรู้ให้ศิษย์ทุกคนได้บรรลุผลลัพธ์การเรียนรู้ในมิติที่ลึกและเชื่อมโยง
การเตรียม online PLC นี้เราคิดก่อนโควิดมานะครับ พอโควิดมาแผนดำเนินการของเราก็นำแฟชั่นทันที
พอเริ่มการประชุม ออนไลน์ ผมก็ถามว่า ใครเป็น facilitator ของการประชุม และการประชุม ๓ ชั่วโมงนี้มีเป้าหมายอะไรบ้าง มีเกณฑ์วัดความสำเร็จอย่างง่ายๆ อย่างไรบ้าง และแบ่งเวลาทำกิจกรรม ๓ ส่วน คือ (๑) กิจกรรมนำเข้าสู่ประเด็น (๒) เนื้อหาสาระ และ (๓) สะท้อนคิดและสรุป อย่างไร ซึ่งหมายความว่า facilitator ต้องเตรียมมาก่อน และนำมาขอความเห็นจากที่ประชุมในช่วงที่ (๑) ผมบอกที่ประชุมว่า การประชุมต้องใช้โครงสร้างนี้จนเป็นนิสัย ซึ่งก็หมายความว่า เราต้องการฝึกนิสัยนี้แก่ครู นิสัยทำอะไรต้องมีเป้าหมายชัดเจน และมีเกณฑ์ในการวัดผลสำเร็จตอนจบกิจกรรม
วันนี้เราแชร์ความเข้าใจเนื้อหาในต้นฉบับหนังสือตอนที่ ๖ การเรียนรู้ระดับลึก และตอนที่ ๗ การเรียนรู้ระดับเชื่อมโยง โชคดีที่มีคนเอาวิดีทัศน์เรื่อง การสอนภาษาไทยผ่านวรรณกรรม ของโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา ตอน หน่วยวรรณกรรม ช่อมะไฟ สอนโดยครูยิ้ม ศิริมา โพธิจักร (๑) เราจึงใช้วิดีทัศน์นี้เป็นรูปธรรมของการเรียนรู้ระดับลึกและระดับเชื่อมโยง และเอาสาระในต้นฉบับหนังสือเป็นทฤษฎี ในการประชุมเราร่วมกันตีความรูปธรรมเข้าหาทฤษฎี และตีความทฤษฎีเข้าหารูปธรรมหรือการปฏิบัติจริง สนุกมาก
ที่จริงการสอนให้นักเรียนได้เรียนรู้ระดับลึกและเชื่อมโยง ไม่ใช่เรื่องลี้ลับยากเย็นอะไร แค่จัดการเรียนให้เป็น active learning ก็ได้การเรียนรู้ระดับลึกและเชื่อมโยงแล้ว แต่ในต้นฉบับหนังสือ ครูเพื่อศิษย์ สอนสู่รู้เชื่อมโยง มีรายละเอียดเพื่อช่วยให้ครูจัดการเรียนรู้ตามลำดับขั้น ไปสู่การรู้ลึกและรู้เชื่อมโยงแบบไม่รู้ตัว ไม่หยุดอยู่แค่รู้ระดับผิว
ความสนุกอยู่ที่ ความลึกและความเชื่อมโยงมันมีหลายระดับ และหลายมิติ สามารถพัฒนาได้ไม่มีจบสิ้น ทฤษฎีและวิธีการในต้นฉบับหนังสือ ครูเพื่อศิษย์ สอนสู่รู้เชื่อมโยงเป็นเพียงส่วนหนึ่งของตัวช่วยครู ในการบรรลุ “สอนสู่รู้เชื่อมโยง”
ผมจึงเตือนทีมงานของมูลนิธิสยามกัมมาจลว่า ในการไปทำงานกับครู อย่ายึดต้นฉบับหนังสือ ครูเพื่อศิษย์ สอนสู่รู้เชื่อมโยง เป็นคัมภีร์ อย่าไปชักจูงให้ครูปฏิบัติตามคัมภีร์ ให้ยึดผลลัพธ์การเรียนรู้ของนักเรียนเป็นเป้าหมาย เข้าไปทำความเข้าใจกับครูว่าเป้าหมายผลลัพธ์การเรียนรู้ที่ครูกำหนดนั้นเป็นอย่างไร เป็นผลลัพธ์ระดับผิว หรือระดับลึก หรือระดับรู้เชื่อมโยง หากต้องการให้ศิษย์รู้เชื่อมโยงต้องตั้งเป้าอย่างไร และจัดกระบวนการเรียนรู้อย่างไร วัดผลได้อย่างไร
คือให้เอานักเรียนเป็นตัวตั้งหรือเป้าหมาย อย่าเอาการปฏิบัติตามหนังสือเป็นเป้าหมาย
ผมเตือนว่า ทีมงานของมูลนิธิสยามกัมมาจลต้องใช้ต้นฉบับหนังสือ และกระบวนการ ลปรร. ทางออนไลน์ที่เรากำลังทำอยู่นี้ เพื่อให้ตนเองเข้าใจเรื่องการเรียนรู้ระดับผิว ระดับลึก และระดับเชื่อมโยง เข้าใจอย่างถ่องแท้ แต่เมื่อไปทำงานกับครู ต้องไม่เอาความรู้ความเข้าใจของตนไปสอนหรือบอกครู แต่ต้องแปรความเข้าใจของตนเป็นคำถามที่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่ครูกำลังทำงาน ให้ครูได้คิดและตระหนัก หรือนำไปลองปฏิบัติเอง เพื่อให้ครู “รู้เชื่อมโยง” ในเรื่องการทำหน้าที่ของตนต่อการทำให้ศิษย์ “เรียนสู่รู้เชื่อมโยง”
ซึ่งหมายความว่าครูเรียนรู้โดยการปฏิบัติแล้วคิด
Online PLC ที่เราจะจัด มีเป้าหมายเพื่อหนุนการเรียนรู้จากการปฏิบัติ ตามด้วยการใคร่ครวญสะท้อนคิด ของครู
ประชุมเสร็จเที่ยงครึ่ง บ่ายแก่ๆ คุณภาพพิมพ์ก็ส่งสรุปประเด็นจากการประชุมมาให้ ดังนี้ (ไฟล์สรุป SCBF) online PLC ที่เราทำกับครูจะต้องมีคนคอยสรุปแบบนี้ทุกครั้งของกิจกรรม (จัดเดือนละ ๒ ครั้ง) และน่าจะมีข้อสรุปรายไตรมาสด้วย
เราคุยกันว่า ยังไม่รู้ว่ากิจกรรมจริงจะเริ่มได้เมื่อไร ผมบอกว่า รู้ว่าเปิดเทอมเมื่อไร เราเริ่มล่วงหน้า ๑ เดือน
วิจารณ์ พานิช
๑ เม.ย. ๖๓
ไม่มีความเห็น