สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ
. กรรรม เป็นอะไรที่เราได้ยินจนชิน แล้วกรรมคืออะไร นั้นหลายๆ ท่านก็คงรู้ความหมายอยู่แล้วกรรม คือการกระทำของคนทั้งกรรมดีกรรมชั่วปะปนกันไป ในทางพระพุทธศาสนา ได้สอนให้ทุกท่านทราบดีอยู่แล้วว่า ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชัวใช่ไหม แต่บางท่านก็พูดติดตลกว่า ทำดีได้ดีมีที่ไหนทำชั่วได้ดีมีถมไป ผมก็คิดว่าอาจจะจริงก็ได้ในสังคมปัจจุบันที่ มนุษย์ที่ควรจะแยกแยะความดีความชอบ การรู้จักผิดชอบชั่วดีนั้นกลับกระทำกรรมชั่วอยู่ทุกวันอันจะเห็นได้ตามข่าวหน้่านังสือพิมพ์ หรือ ทีวี พอพูดมาถึงตรงนี้ก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้ผมตั้งใจจะเขียนเรื่องของตัวเอง นอกเรื่องไปไกลเลยเรา กลับมาเข้าเรื่องสักที
. ในการเรียนรู้ของมนุษย์นั้น มีทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดี ตัวผมเองก็เช่นกัน ผมเชื่อว่าคนเราไม่ได้เลว และดี แต่คนเราจะมีทั้งเลวและดีปะปนในตัวทุกคนใช่ไหมครับ ตัวผมเองก็เป็นคนธรรมดา ดังนั้นก็เลยต้องมีและเลวปนอยู่ กรรมที่ผมกระทำ ก็มีทั้งดีและไม่ดีปนกันไป แต่สิ่งที่กระทำลงไปนั้นส่วนใหญ่เราจะเอาความพึงพอใจของเราเป็นการตัดสินในสิ่งที่ทำใช่ไหมครับ ดังนั้นทุกคนย่อมมีการเห็นแก่ตัวอยู่แล้ว ผมคนหนึ่งมียังมีความเชื่ออยู่ว่าการทำดีได้ดีทำชั่วได้ชัวมีอยู่จริง อันนี้พิสูจน์ ได้ด้วยตัวเอง คือผมเป็นคนที่ต้องสวดมนต์อยู่ทุกคืนก่อนนอนไม่อย่างนั้นจะไม่มีเงิน มีตังใช้ อันนี้แปลกมาก ครั้งหนึ่งสวดมนทุกวัน แล้วธุระกิจ เสริม ที่ทำนอกเวลางาน กลับทำเงินได้เยอะกว่างานประจำ ถึงขั้นอยากลาออกงานประ เพระาธุระกิจสามารถทำเงินให้ได้อาทิตย์หนึงหลักแสน เดือนเป็นหลักล้าน เมื่อมีเงิน เข้ามาขนาดนั้น ในสถานะการณ์ที่ทุกคนว่า เศรษฐกิจไม่ดี เมื่อมีเงินถ้าขาดสติเงินก็หมด ผมเองก็เช่นกัน สติหลุด ปัญญาไม่เกิด เลิกสวดมนต์ เลิกบำเพ็ญกรรดี เพราะมัวแต่วุ่นวายกับธุระกิจของตัวเอง จนไม่เป็นอันทำอะไร ใช้เงินประหนึ่งว่าสามารถพิมพ์เงินเองได้ ไม่คิดถึงวันที่ตัวเองจน จนมาวันหนึ่งที่ ธุระกิจเริ่มถดถอย ลูกค้าที่วันวันหนึ่งมานับสิบคนกลับเริ่มลดลงราคาสินค้าที่อยู่หลักหมื่นต่อชิ้น เริ่มเหลือ หลักพัน ลูกค้าที่ติดต่อที่ ดิวกันไว้ในสินค้าราคาอยู่หลักล้าน อยู่ ๆ ก็เลิก ราคาสินค้าอยู่หลักแสนต้นๆ ผมยังไม่ได้สติ ยังทำตัวปกติใช้เงินแบบไม่คิดต่อไป มาช่วง สองปีที่แล้ว ลูกค้าหาย รายได้ที่มีเข้ามาหด เงินเก็บเริ่มหมด เริ่มเป็นหนี้ เพราะยังคิดว่าเดียวก็มีเข้ามา จนสุดท้ายคชต้องพยุงในตัวเองรอดไปวัน ๆถึงคิดได้ว่าเราใช้เงินไปกับเรื่องที่ไม่จำเป็น และคิดได้ว่า ถ้าวันหนึ่งเราใช้เงินไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็นเราจะได้ขายสิงจำเป็น สติเริ่มมาตอนเป็นหนี้เรียบร้อยแล้ว ไปกราบพระหวังพึ่งทางธรรม พระท่านก็บอกสวดมนต์ แผ่เมตาบ้าง นั่งสมาธิบ้างเลยกลับมาคิดช่วงที่เราสวดมนต์เรามีเงินใช้ ตลอด เลยกลับมาทำอีกครั้ง ครั้งนี้กลับมาทำใช่ว่าจะได้ปุ๊บปับ ต้องค่อย ๆ สะสมไปวันละนิด ตอนนี้ธุระกิจที่ผมทำเริ่มกลับมามีลูกค้าเข้ามา เดือนหนึ่งสามารถทำเงินหลักแสนให้ผมอีกครั้ง และหวังงว่าจะกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง และผมก็ได้รับบทเรียนไปเรียนร้อย ทุกครั้งต้องเตือนตัวเองเรื่องสติอยู่ตลอด และท่องไว้เสมอว่า "สติมาปัญญาเกิด" ขอคุณผู้อ่านที่ติดตามมาจนถึงตรงนี้น สวัสดีครับ
เขียนได้ดีมากค่ะ เป็นกำลังใจให้ สู้ ๆ ต่อไปนะคะ คุณทินวัฒน์
สู้ต่อไปค่ะ น้องเป็นกำลังใจให้พี่เสมอนะคะ
ขอบคุณคุณจีรภา หลวงมะลิ มากครับ
ขอบคุณ คุณนภัสวรรณ ถาวรรณา เช่นกันครับ
ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องราว คติธรรม คำสั่งที่สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตนะครับ
ขอบคุณ คูณกรกต กลิ่นเดช มากๆเลยครับ
ชอบบทความที่คุณทินวัฒน์เขียนมากค่ะ
เป็นกำลังใจให้ในทุกๆเรื่องนะคะ :)
สวัสดีค่ะ คุณทินวัฒน์ เป็นกำลังใจให้กับงานเขียนของคุณนะคะ ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณ คุณเปรมประภา ศรีทา มากครับ
ขอบคุณ คุณอังคณาภัค ทำการดี มากครับ
ขอบคุณ คุณสุนิสา พรมใจ มากครับ
สวัสดีค่ะ คุณทินวัฒน์ เป็นงานเขียนที่เตือนสติผู้อ่านได้อย่างดีเลยค่ะ
สวัสดีครับคุณทินวัฒน์ เขียนได้ดีครับ สู้ ๆ นะครับ
สวัสดีครับ คุณทินวัฒน์ เป็นกำลังใจให้ครับ