ปีนี้การประชุม PMAC 2020 จัดร่วมกับ UHC 2020 ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพ และตกลงกันว่า ให้ฝ่ายญี่ปุ่นรับผิดชอบดูแลด้านเนื้อหา และผู้พูดใน PL 0 ผู้พูดเป็นผู้มีตำแหน่งสูงหรือมีความรู้สูงทั้งสิ้น ดูรายละเอียดได้ที่ (๑) แต่ก่อนการประชุม ก็มีการถกเถียงเรื่องลำดับผู้พูดระหว่างคุณหมอสุวิทย์ กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายญี่ปุ่น ที่ต้องการให้พิธีกรรมในการประชุมให้เกียรติผู้ใหญ่ฝ่ายตน ผมไม่เข้าไปยุ่ง ปล่อยให้เขาตกลงกันเอง โดยผมยึดถือแนวทางเป็นประธานแบบ hand-off
อ่านจากเอกสารประกอบการประชุม (๑) จะเห็นว่ามีความท้าทายสูงมากต่อการบรรลุเป้าหมาย SDG ด้าน UHC ในปี 2030 โดยองค์การอนามัยโลกได้จัดทำสถิติและสังเคราะห์ออกมาเป็นรายงาน Primary Health Care on the Road to Universal Health Coverage : 2019 Global Monitoring Report กล่าวสรุปอย่างสั้นที่สุด หากแนวโน้มการดำเนินการยังเป็นอย่างในปัจจุบัน ก็จะไม่บรรลุเป้าหมาย UHC ตามที่ระบุใน SDG ปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายคือ การเมือง
การประชุม UN General Assembly High-Level Meeting on UHC เมื่อเดือนกันยายน ๒๕๖๒ ระบุว่า UHC ไม่ได้มีผลแคบเฉพาะต่อสุขภาพและสุขภาวะเท่านั้น ยังมีผลดีต่อการพัฒนาในวงกว้าง ได้แก่ ลดความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ และการพัฒนาเศรษฐกิจ และเสนอแนะการดำเนินการที่จำเป็นเพื่อการบรรลุ UHC ได้แก่ (๑) การลงทุนพัฒนานวัตกรรมด้าน เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ การให้บริการ และระบบข้อมูล (๒) พัฒนาระบบสุขภาพบนฐานของ สุขภาพมูลฐาน (๓) สร้างความเข้มแข็งของระบบการเงินการคลังเพื่อสุขภาพ โดยการประสานงานหลาย sector ของภาครัฐ (๔) ภาวะผู้นำเชิงยุทธศาสตร์ทางการเมือง (๕) สร้างความเข้มแข็งขององค์กรในท้องถิ่น และสร้างความร่วมมือของทุกฝ่ายในพื้นที่
การประชุมช่วงนี้มีเป้าหมายเอาการปฏิบัติมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน
ผู้กล่าวปราศรัยคือ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีสาธารณสุขของไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล ตามด้วย Mr. Kaku Hashimoto รัฐมนตรีช่วยว่าการสาธารณสุข ญี่ปุ่น
มีผู้อภิปราย ๗ คน ผู้ดำเนินรายการ ๑ คน รวมผู้พูดในช่วงนี้ ๑๐ คน ภายในเวลา ๙๐ นาที ดูรายชื่อวิทยากรได้ที่ (๑)
ท่านรองนายกอนุทินพูดดีมาก ใช้ PowerPoint ประกอบ ทราบจากท่านรัฐมนตรีช่วย สาธิตว่า ผู้จัดการเรื่อง PowerPoint คือ ดร. วลัยพร ท่านรองนายกฯ กล่าวถึงความพร้อมของประเทศไทยในการรับมือ Wuhan Corona Virus ที่กำลังระบาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วกล่าวตาม PowerPoint (๒)
ตามมาด้วยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น ที่กล่าวย้ำ commitment ของรัฐบาลญี่ปุ่นในการส่งเสริม UHC-based Health Systems ที่จะต้องมีการสร้างนวัตกรรมในการดำเนินการ รวมทั้งต้องมีระบบ health financing ที่เข้มแข็ง รวมทั้ง commitment ของรัฐบาลญี่ปุ่นในการร่วมมือกับทั่วโลกในการดำเนินมาตรการควบคุม Corona Virus
รายการหลักเป็นการอภิปราย ในประเด็นความเห็นว่าปัจจัยหลักที่จะนำไปสู่การบรรลุการมีระบบ UHC ทั่วโลก คืออะไรบ้าง
องค์การอนามัยโลกรองผู้อำนวยการใหญ่ Naoko Yamamoto บอกว่าปัจจัยสำคัญที่สุด ๒ ประการคือ (1) Local public financing (2) Monitoring, data โดยมีเงื่อนไขว่า UHC ต้องเป็น political choice ของประเทศนั้น และมี social systems ที่เห็นคุณค่าของ UHC
ธนาคารโลก Daniel Dulitzky, Regional Director, USA แนะนำให้ไปอ่านสิ่งที่ Bun Ki-moon และ Dina Mired พูด หัวใจคือต้องลงทุน และใช้เงินให้เกิดผล หาทางป้องกันการใช้เงินอย่างไร้ผล ซึ่งมีรายงานจาก OECD ว่าเงินที่ใช้ด้านสุขภาพ ร้อยละ ๒๐ สูญเปล่า (มีงานวิจัยชิ้นอื่นบอกว่า ร้อยละ ๒๐ - ๔๐ ของเงินที่ใช้จ่ายเพื่อสุขภาพทั่วโลก เป็นการจ่ายที่ไร้ประโยชน์ หรือบางกรณีเกิดโทษ)
Youth in Action Evalin K. Karijo ซึ่งมาจาก Amref Health Africa ประเทศเคนยา พูดแทนคนหนุ่มสาวว่า เวลานี้ คนอายุ ๓๕ หรือต่ำกว่า มีสัดส่วนเป็นร้อยละ ๕๖ ดังนั้น UHC จึงต้องจ่ายเพื่อดูแลสุขภาพของคนหนุ่มสาวมากกว่านี้ เวลานี้จ่ายดูแลโรคไม่ติดต่อเรื้อรังมากไป ผมเถียงว่า นี่เป็นมุมมองระยะสั้น ในระยะยาว คนหนุ่มสาวก็ต้องสูงอายุและมีโอกาสเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรังกันแทบทุกคน (อย่างที่ผมร่ำรวยโรคอยู่ในเวลานี้) ต้องส่งเสริมให้คนหนุ่มสาวสะสมสุขภาพดีเอาไว้ย่ามแก่ (อย่างที่ผมได้สั่งสม)
สวีเดน Anders Noedstrom, Ambassador of Global Health, Ministry of Foreign Affairs บอกว่าเมื่อ ๓ สัปดาห์ก่อน ตนเข้ารับการผ่าตัดกระดูกสันหลังที่โรงพยาบาล จ่ายค่าบริการเพียง ๒๐ ดอลล่าร์ เพราะสวีเดนมีระบบ UHC เมื่อ ๗๐ ปีก่อน หลังสงครามโลกครั้งที่สอง และมีพัฒนาการเรื่อยมาอย่างน่าภูมิใจ โดยทุกคนไม่ว่าจนหรือรวยเข้าถึง UHC อย่างเท่าเทียมกัน แต่ก็ยังมีความท้าทาย ที่ช่องว่างของผลลัพธ์ด้านสุขภาพ ระหว่างคนรวยกับคนจน การพัฒนาด้านสังคม สิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเรื่องของความเสี่ยงด้านสุขภาพ
Prof. Ariel Pablos-Mendez ศาสตราจารย์ด้านสาธารณสุข มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ผู้ช่ำชองในงานนโยบายสุขภาพโลก และเป็นเพื่อนสนิทของทีมไทย เล่าเรื่องฟื้นความหลังการขับเคลื่อนพัฒนาการของระบบสุขภาพประเทศ และระบบสุขภาพโลก ตั้งต้นตั้งแต่ปี 2007 เน้นที่ UHC และใช้พลังสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา
Khuat Thi Hai Oanh, Executive Director, Asia Pacific Council of AIDS Service Organizations, Vietnam บอกในฐานะ เอ็นจีโอ ว่าหลักการ UHC – SDG ดีมาก แต่ political will ต่ำ ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในโลกคือ ครึ่งหนึ่งของประชากรโลกไม่ได้รับการคุ้มครองสุขภาพ ความยากลำบากทางการเงินที่เกิดจากความเจ็บป่วยรุนแรงขึ้น political declaration เป็นเพียงการโฆษณาหลอกๆ ไม่ได้ทำจริง เสนอว่าไม่ต้องมีการประชุม UHC อย่างนี้อีก จนกว่าจะมีข้อมูลว่า ผลของ UHC ดีขึ้น ผู้อภิปรายท่านนี้พูดดีมากในฐานะ เอ็นจีโอ ที่ทำหน้าที่สะท้อนด้านลบหรือความท้าทาย และเรียกร้องการลงมือทำ
รอบสอง ถาม Evalin K. Karijoจาก Youth in Action ว่าคนหนุ่มสาวคาดหวังอะไรจากขบวนการ UHC ได้รับคำตอบว่า คาดหวัง ๓ อย่าง
ผมมีความเห็นในใจว่า ระบบการศึกษาต้องพัฒนาเด็กและเยาวชนให้เป็น “ผู้กระทำ” (agent) ไม่ใช่ผู้รอรับการกระทำ เพื่อสร้างความพร้อมให้เด็กละเยาวชนเป็นพลังของ UHC ด้วย ไม่ใช่เป็นภาระเท่านั้น
มีการขอให้สมาชิกของ panel ให้ความเห็นเพิ่ม ตามด้วยรายการถามตอบ สรุปได้ว่า UHC เป็นทั้งเป้าหมายและวิธีการเพื่อสุขภาวะของผู้คน ต้องการการดำเนินการแบบบูรณาการ การบรรลุ UHC ยังไม่ใช่เป้าหมายสุดท้าย ดังตัวอย่างประเทศสวีเดน ญี่ปุ่น เยอรมนี ส่วนที่ท้าทายมากคือการจัดการเรื่อง social determinants of health และ commercial determinants of health เป็นเรื่องที่สังคมในประเทศ และสังคมโลกต้องรวมพลังกัน
ปัจจัยหลักของประเทศคือ นโยบาย และการดำเนินการที่เอาจริงเอาจัง การจัดสรรเงินงบประมาณสาธารณะเพื่อสนับสนุนระบบ UHC มีวิธีใช้เงินให้เกิดผลแท้จริง ไม่สูญเปล่า รวมทั้งการขจัดปัจจัยลบด้านสังคม และธุรกิจ
วิจารณ์ พานิช
๖ ก.พ. ๖๓
ไม่มีความเห็น