คำว่าธรรมธาตุที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้มีมากดุจใบไม้ในป่าแต่ย่อลงได้ 2 ส่วนคือ อิทัปปัจจะยะตาปะฏิจจะสมุปปาทและนิพพาน หรือ สังขะตะธรรมและอะสังขะตะธรรม หรือ โลกียะธรรมและโลกุตระธรรม เมื่อมองขั้นโลกียะธรรม มี 3 ลักษณะคือ เกิดปรากฏ ดับปรากฏ และตั้งอยู่ปรากฏ ขั้นโลกุตระธรรม มี 3 ลักษณะคือ ไม่ปรากฏการเกิด ไม่ปรากฏการดับ และไม่ปรากฏการตั้งอยู่
ด้วยว่าสิ่งใดอยู่ใต้อำนาจกฎไตรลักษณ์สิ่งนั้นเป็นอะนัตตา แต่สิ่งใดอยู่นอกกฎไตรลักษณ์สิ่งนั้นเป็นอัตตา สิ่งใดก็ตามมีทุกข์ล้วนอยู่ฝ่ายสังขะตะธรรม สิ่งใดไร้ทุกข์ล้วนอยู่ฝ่ายอะสังขะตะธรรม สิ่งใดเกิดขึ้น สิ่งนั้นดับลง ( All that comes into being deserves to perish. ) ในสิ่งที่อยู่ฝ่ายอะสังขะตะธรรมนั้นใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 รับรู้ไม่ได้ แต่รับรู้ได้ทางจิตที่เรียกว่า ภาวนาญาณ เมื่อเรียนรู้เรื่องโลกนี้ก็คือ ขันธ์ 5 ล้วนอยู่ในฝ่ายสังขะตะธรรม การดับของสังขะตะธรรมคือนิพพาน ล้วนเป็นสัจจะธรรม.
ไม่มีความเห็น