ทุกวิกฤตคือโอกาส ข้อสะท้อนคิดของ ศ. ดร. นพ. สุรศักดิ์ บูรณตรีเวทย์


ทุกวิกฤตคือโอกาส   ข้อสะท้อนคิดของ ศ. ดร. นพ. สุรศักดิ์บูรณตรีเวทย์

ศ. ดร. นพ. สุรศักดิ์ บูรณตรีเวทย์ส่งข้อสะท้อนคิดนี้มาให้อ่าน   ผมเห็นว่าเป็นข้อสะท้อนคิดที่มีพลัง   จึงขออนุญาตนำมาเผยแพร่

จนถึงเมื่อไม่นานมานี้ผมไม่เชื่อในเรื่องเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสมากนักเพราะดูเป็นคนโลกสวย ทุ่งลาเวนเดอร์เกินไป แต่ช่วงหลังๆมาผมมักพบว่าหากไม่มีวิกฤตก็ไม่เกิดโอกาส เสมือนไม่มีทุกข์ก็ไม่มีมรรค

 

เมื่อวานนี้มี 2เรื่องที่ได้แปรเปลี่ยนจากวิกฤตก่อให้เกิดโอกาส เรื่องแรกผมเห็นข้อความบน FBของเพื่อนรักที่ปกติจะไม่โพสต์เรื่องที่ดูเหมือนท้อแท้หมดหวังขนาดนี้ เพราะ เขามีศรัทธาอันแรงกล้า ผมจึงส่งข้อความไปถามว่าสะดวกให้ผมโทรคุยด้วยไหม และต่อมาเราได้คุยกัน ผมจึงได้ทราบเรื่องน่าสะเทือนใจ คือนักศึกษาคณะหนึ่งซึ่งเป็นโรคซึมเศร้า กินยารักษาอยู่ได้โดดตึกและเสียชีวิตในที่สุด เรื่องราวเริ่มจาการที่เขาอยากเรียนคณะอื่นไม่อยากเรียนคณะนั้นแต่พ่อแม่อยากให้เรียน และ 2วันก่อนเขาได้ทราบผลสอบว่าต้องซ่อม และได้สื่อสารกับคุณแม่แล้วแต่คุณแม่ไม่เข้าใจอาจารย์และเพื่อนไปถึงที่พักแต่ช่วยไม่ทัน เหตุการณ์นั้นอาจารย์ที่แจ้งข่าวผลสอบเสียใจมากว่าตนเองเป็นต้นเหตุเพื่อนๆ ร่วมชั้นไม่ยอมเข้าสอบต่อ เนื่องจาก คิดว่าตนเองไม่ detect เพื่อนให้เร็วพอ คุณพ่อคุณแม่เสียใจมากที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ เพื่อนผมแม้จะมีศรัทธาอย่างลึกซึ้งแต่ภายในก็สั่นคลอนอย่างมาก ผมหลังจากวางสายคุยกับเพื่อนแล้วผมพยายามเล่าเรื่องราวให้ภรรยาผมฟัง เริ่มแรกผมไม่สามารถเล่าให้จบได้ได้แต่ร้องไห้ จนภรรยาผมต้องเข้ามากอดผมจึงสามารถเล่าเรื่องพร้อมเสียน้ำตาลูกชายเห็นเข้าจึงเข้ามาร่วมวงกอดด้วย

 

หลังจากเล่าจบผมคิดว่าต้องทำอะไรซักอย่าง ผมจึงพิมพ์ระบายเล่าเรื่องราวดังกล่าวไปยัง lineกลุ่มอาจารย์ที่คณะผม จากนั้นมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวางทั้งเล่าเรื่องที่มีอาจารย์ไปส่งลูกเรียนพิเศษที่สยามและนั่งเฝ้าลูกระหว่างเฝ้าได้มีโอกาสพูดคุยกับพ่อแม่คนอื่นๆ พบว่าพอเห็นว่าลูกๆเรียนเก่งก็ต้องส่งเสริมตามสูตร ม 1 ให้สอบเข้าสาธิตปทุมวัน ม 4ให้สอบเข้าเตรียมอุดม จบ ม 6 ให้สอบเข้าแพทย์ทั้งที่หลายคนไม่อยากเรียนแพทย์แต่พ่อแม่อยากให้เรียน หรือตัวเองไม่รู้ว่าจะเรียนอะไรเลยเรียนแพทย์ตามพ่อแม่บอก

 

อีกหลายๆคนได้อภิปรายประเด็นว่าพวกเราอาจารย์ด้วยกันจะทำอย่างไรในการเพิ่มศักยภาพตัวเองในการdetectนักศึกษาที่มีปัญหา ทักษะในการพูดคุย ให้กำลังใจเด็กๆ เหล่านี้ผมปลื้มใจที่เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้นเสียใจอย่างเดียวที่ไม่น่าเกิดขึ้นเนื่องจากการเสียชีวิตไปของเด็กคนหนึ่งเลยและหวังว่าเหตุการณ์นี้จะทำให้เกิดระบบที่เข้มแข็งขึ้น (ระบบเดิมมีอยู่แล้ว)ทั้งในระดับคณะ กสพท. และคณะอื่นๆ ต่อไป ไม่ใช่เป็นไฟไหม้ฟางหรือไม่ใช่มหรสพชีวิตดังเช่นแพทย์ท่านหนึ่งได้เขียนไว้

 

เรื่องที่ 2สืบเนื่องจากการเสียชีวิตไปอย่างกะทันหันของพี่ทวีศักดิ์ พ.อ. นพ. ทวีศักดิ์ นพเกษรทำให้คนที่สนิทสนมกับพี่ ลูกศิษย์ ได้คุยกับภรรยา และลูกชายของพี่ (คุณป้อม) เมื่อวานตอนเย็นจึงมีการนัดกันเพื่อพูดคุยว่าจะทำอะไรกันบ้างเพื่อให้มีการสืบสานสิ่งดีๆที่พี่เขาได้ทำไว้

 

ผมได้พูดคุยกับภรรยาพี่และคุณป้อม ภรรยาพี่ยังคิดถึงเหตุการณ์ก่อนเสียชีวิตว่าหากแก้ไขได้เหตุการณ์อาจไม่ออกมาเป็นเช่นนี้หรือไม่ผมได้อธิบายหลักการทางการแพทย์ และได้บอกว่าสิ่งต่างๆที่ภรรยาพี่และคุณป้อมทำลงไปได้ทำดีแล้วอย่าคิดย้อนกลับไปว่าเราจะทำอะไรให้ดีกว่านี้อีกหรือไม่เลยจะทำให้เกิดทุกข์เปล่าๆ

 

ระหว่างการพูดคุยผมได้รับรู้ถึงสิ่งดีๆที่พี่เขาทำไว้ ไม่ว่าการร่วมทำงานพัฒนาชุมชนมาเป็นเวลายาวนาน หลังจากถูกให้ออกจากคณะแพทย์มน.  ได้มาช่วยที่เวชศาสตร์ชุมชน มศว.ทำให้การเรียนรู้ในชุมชนที่ มศว. ที่เปลี่ยนจากการไปเรียนรู้ร่วมกับ นศ คณะสาสุขมหิดล มาเป็นการทำงานชุมชนร่วมกับ จนทในพื้นที่ดูแลแก้ปัญหาสุขภาพของชุมชนแบบองค์รวมโดยมีการจัดการกับปัจจัยกำหนดสุขภาพนอกเหนือจากสุขภาพกาย เช่น โครงสร้างของสังคมและเรื่องหนึ่งที่ฟังแล้วประทับใจคือทำให้นักศึกษาได้ลองทำการวัดปริมาณเกลือในอาหารที่ชาวบ้านกินอยู่ประจำวันนอกจากนี้พี่เขายังตั้งคำถามให้นิสิตแพทย์เชื่อมโยงความรู้ทางพรีคลินิก คลินิกและปัญหาสุขภาพในชุมชนอีกด้วย

 

สำหรับกิจกรรมที่จะทำกันสรุปเบื้องต้นได้ว่าจะทำกิจกรรม ดังนี้

1. ทำบุญร้อยวันในวันที่ 10 พฤษภาคมที่วัดชลประทาน และให้เพื่อนๆ ลูกศิษย์ข02องพี่เขาได้พบปะพูดคุยกับภรรยาพี่และคุณป้อม

2. ทำหนังสือรวบรวมถึงงานต่างๆที่พี่เขาได้ทำเพื่อสังคม และขายในรูปแบบ preorder เพื่อนำรายได้มาตั้งเป็นกองทุนในนามของพี่เขา เพื่อนำไปใช้ช่วยเหลือพัฒนาสังคมผู้ยากไร้ และพัฒนานิสิตนักศึกษาแพทย์ต่อไป

3. จัดปาฐกถาทวีศักดิ์ นพเกสรในการประชุมวิชากรพฤฒวิทยาชุมชน ที่พี่เขาเป็นคนริเริ่มในการจัดไว้

4. จัดให้มีการนำเสนอผลงานของนักศึกษาด้านสุขภาพทั้งหมดที่ได้ลงไปทำกิจกรรมโครงการเพื่อพัฒนคุณภาพชีวิตคนในชุมชน

 

ระหว่างเดินกลับไปขึ้น BTSผมยังได้คุยกับคุณป้อมถึงเรื่องที่พี่ทวีศักดิ์ได้แนะนำผมเรื่องการเลี้ยงดูลูกและได้รับรู้จากคุณป้อมว่าพี่เขาได้สอนลูกว่าอยากเรียนอะไร ทำงานอะไรก็ได้ไม่บังคับ ขอให้เป็นคนดีของสังคมก็เพียงพอ

 

นับเป็นโอกาสที่ดีมากๆ สำหรับผมใน 1วันที่ผ่านมา ขอบคุณธรรมชาติที่จัดสรร.

 

  

หมายเลขบันทึก: 675717เขียนเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2020 21:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2020 21:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท