การไปออกค่ายเนื่องในโครงการ “เครือข่ายจิตอาสาเพื่อชุมชน” เมื่อวันที่ 12-14 ตุลาคม 2562 ณ โรงเรียนบ้านสมศรี ตำบลโคกก่อ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม โดยหลักๆ แล้วเป็นความร่วมมือระหว่างศูนย์ประสานงานเครือข่ายนิสิตจิตอาสาเพื่อสังคม (ทำดีเพื่อพ่อทำดีเพื่อแผ่นดิน) จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เครือข่ายนิสิต ๙ต่อ Before After มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กับนักศึกษาจิตอาสาจากสาขาภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
วัตถุประสงค์หลัก คือการออกค่ายอาสาพัฒนา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ประกอบด้วยกิจกรรมอันหลากหลายกิจกรรม หนึ่งในนั้นก็คือการปรับปรุงซ่อมแซมห้องสุขา และการจัดทำป้ายสุภาษิตต้นไม้พูดได้
ทั้งสองกิจกรรมเกิดขึ้นบนฐานความต้องการของชุมชนเป็นหลัก ผ่านเวทีการ “พัฒนาโจทย์” ร่วมระหว่างโรงเรียนกับชุมชนและนิสิต-นักศึกษาชาวค่าย
ในทางกิจกรรมนั้น ผมให้คำแนะนำกับชาวค่ายฯ เกี่ยวกับทั้งสองกิจกรรมในหลายประเด็น เช่น มอบหมายภารกิจให้นิสิต-นักศึกษา จัดหาคนมารับผิดชอบเป็นแกนหลัก โดยให้เจาะจงถึงคนที่มีความรู้และทักษะในด้านงานศิลปะ ทั้งในทางการวาดและการเขียน รวมถึงคนที่มีความรู้เรื่อง “สี” และ “ประสบการณ์ในการระบายสี”
เช่นเดียวกับการแนะนำให้ทำกระบวนการภายในค่ายเกี่ยวกับการได้มาซึ่งสำนวนต่างๆ ไม่ใช่คิดเอง เลือกเอง
รวมถึงสืบค้นหาสำนวนภาษาอีสานด้วยยิ่งดี เสมือน “คำคมสอนลูกหลาน” ยกตัวอย่างเช่น การสร้างเวทีเล็กๆ ในแบบโสเหล่ร่วมกับชาวบ้าน หรือไม่ก็ล้อมวงเล่านิทาน หรือสืบค้นคำคมผ่านปากคำของปราชญ์ชาวบ้าน โดยมีนิสิตนักศึกษาและนักเรียนอยู่ในวงโสเหล่ด้วย
พร้อมๆ กับการกระตุ้นในคนในวงโสเหล่ได้ร่วมคิดร่วมเลือกคำคมมาเขียนเป็นป้ายฯ และนั่นยังรวมถึงแนะนำให้นักเรียนได้มีส่วนร่วมในการตัดแต่งแผ่นไม้ ระบายสี หรือแม้แต่เขียนสำนวนด้วยลายมือของนักเรียนเอง
ที่แนะนำเช่นนั้น ผมต้องการกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมของคนในชุมชน ทั้งที่เป็นนักเรียนและชาวบ้าน หนุนเสริมให้เกิดมิติความสัมพันธ์อันสร้างสรรค์ของคนในชุมชน รวมถึงการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้บนฐานของวัฒนธรรมชุมชนไปในตัว
ในทำนองเดียวกัน ผมก็ยังแนะนำให้นิสิตนักศึกษาชาวค่ายได้ทำการสืบค้นประมวลคำคมต่างๆ มาล่วงหน้าด้วยเหมือนกัน ส่วนจะสืบค้นผ่านช่องทางใด เป็นเรื่องที่เขาต้องคิดเอง –
ผมแนะนำเช่นนั้นจริงๆ ส่วนนิสิตนักศึกษาชาวค่าย จะออกแบบกระบวนการเรียนรู้ หรือขับเคลื่อนงานได้หรือไม่ รวมถึงเลือกที่จะทำหรือไม่ – ผมไม่ได้บังคับ
เฉกเช่นกับการปรับปรุงซ่อมแซมห้องสุขาก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน
ผมแนะนำในลักษณะเดียวกัน นับตั้งแต่การให้จัดหาคนที่มีความรู้และประสบการณ์ในด้านการวาดภาพ รู้เรื่องโทนสี รู้เรื่องการซ่อมแซมอาคารมาสักคนสองคน พอให้เป็นแกนหลักในการทำงานค่าย ผูกโยงกับการทำงานร่วมกับชาวบ้าน หรือที่เรียกโดยทั่วไปว่า “ช่างชุมชน” หรือ “พ่อช่าง-แม่ช่าง”
ทั้งหลายทั้งปวงนั้น ผมแค่ตั้งประเด็นให้นิสิตนักศึกษาได้นำไปใคร่ครวญและตัดสินใจด้วยตนเอง และผมก็ไม่อธิบายเชิงลึกอะไรให้มากความถึงต้นน้ำของแนวคิดเช่นนั้น เพราะเจตนาอยากให้พวกเขาได้วิเคราะห์และค้นหาคำตอบเหล่านั้นร่วมกัน -
แต่ในความจริง ผมก็แอบซ่อนแผนสำรองไว้เงียบๆ เช่น เตรียมกล่องบัตรคำไว้ให้ แอบไปประสานงานคณะศิลปกรรมศาสตร์เกี่ยวกับนิสิตที่จะมาช่วยตกแต่งห้องสุขาและการเขียนป้ายคำสุภาษิต
ในช่วงที่พวกเขาตระเตรียมงาน ผมก็จะทักถามเป็นระยะๆ ว่าจัดหาคนได้ไหม พอได้รับการยืนยันว่า “หาคนไม่ได้” ผมก็เฉลยคำตอบไปว่า “ไม่ต้องวิตก ผมจัดหาไว้ให้แล้ว” จากนั้นจึงมอบหมายให้ประธานค่ายได้ไปติดต่อประสานงานด้วยตนเอง และทำการนัดหมายประชุมร่วมอย่างเป็นทางการร่วมกัน
ครับ- นี่คือกระบวนการที่ผมแนะนำ และแอบเฝ้ามอง หรือประเมินงานเป็นระยะๆ อย่างเงียบๆ ไม่ถึงขั้นสั่งการณ์ หรือกะเกณฑ์ให้ทำตามที่ผมคิด และเปิดพื้นที่ให้เขาตัดสินใจร่วมกัน พร้อมๆ กับการออกแบบแผน 2 ไว้รองรับอย่างเงียบๆ
แต่ยอมรับว่า มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมมอบหมายให้รังสรรค์ขึ้นมา นั่นคือ การพานักเรียนมาช่วยวาดรูป เขียนรูปลงในผนังห้องสุขา รวมถึงการนำนักเรียนมาทำกระถางดอกไม้ประดับห้องสุขา ผ่านระบบและกลไกของการรีไซเคิลขวดพลาสติก หรือไม่ก็ผ่านวัตถุดิบในชุมชน
ครับ – ถึงแม้จะมอบหมายให้จัดกิจกรรมเช่นนี้ แต่ก็ไม่ได้อธิบายถึงเหตุผลของการให้ทำเหมือนประเด็นอื่นๆ อยู่ดี เพราะยังยืนยันว่าอยากให้นิสิตนักศึกษาได้ค้นหาคำตอบผ่านการลงมือทำด้วยตนเองเป็นสำคัญ
ด้วยเหตุนี้ จึงอาจกล่าวได้ว่า ผมออกแบบการเรียนรู้กิจกรรมนอกหลักสูตรครั้งนี้บนฐานคิดหลวมๆ เน้นให้นิสิตนักศึกษาชาวค่ายได้เรียนรู้ด้วยตนเอง (นิสิตคือศูนย์กลาง) ในมิติของการมีส่วนร่วมระหว่างนิสิตนักศึกษากับชุมชน ยึดโยงในแบบบันเทิงเริงปัญญาและการเรียนรู้คู่บริการ การใช้ Hard skills มาหนุเสริมในบางกิจกรรมของค่ายอาสาพัฒนา การเรียนรู้บนฐานวัฒนธรรมและภูมิปัญญาของชุมชน ฯลฯ
ส่วนเรื่อง Soft skills ไม่ต้องพูดถึงเลยก็ได้ เพราะที่สุดแล้ว เขาจะเรียนรู้ด้วยตนเองว่า ค่ายครั้งนี้ก่อเกิดมรรคผลเช่นใดบ้าง –
...
เขียน : 25 ธันวาคม 2562
องครักษ์ – นครนายก
กระบวนการที่ผมแนะนำ และแอบเฝ้ามอง หรือประเมินงานเป็นระยะๆ อย่างเงียบๆ ไม่ถึงขั้นสั่งการณ์ หรือกะเกณฑ์ให้ทำตามที่ผมคิด และเปิดพื้นที่ให้เขาตัดสินใจร่วมกัน พร้อมๆ กับการออกแบบแผน 2 ไว้รองรับอย่างเงียบๆ
ชอบวิธีการออกแบบกิจกรรมคุณพนัส พี่แก้วก็เรียนรู้และพยายามไปออกแบบกิจกรรมให้พยาบาลค่ะ
สวัสดีปีใหม่ ‘๒๕๖๓ ครับอาจารย์