ค่าย “เครือข่ายจิตอาสาเพื่อชุมชน” ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 12-14 ตุลาคม 2562 ณ โรงเรียนบ้านสมศรี ตำบลโคกก่อ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมอันสร้างสรรค์ที่จัดขึ้น เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เนื่องในวาระครบรอบ 3 ปีวันคล้ายวันสวรรคตของพระองค์ท่าน
ค่ายครั้งนี้ ผู้รับผิดชอบหลักคือ “ศูนย์ประสานงานเครือข่ายนิสิตจิตอาสาเพื่อสังคม”(ทำดีเพื่อพ่อ ทำดีเพื่อแผ่นดิน) จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม โดยผนึกกำลังกายและใจร่วมกับเครือข่ายอีกจำนวนหนึ่ง คือ นักศึกษาสาขาภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม และเครือข่ายจาก ๙ ต่อBefore After
กิจกรรมครั้งนี้ขับเคลื่อนด้วยกรอบแนวคิดเชิงทฤษฎีของการ “เรียนรู้คู่บริการ” ผ่านกลไก “ค่ายอาสาพัฒนา” ในแบบสหกิจกรรม เน้นการมีส่วนระหว่างนิสิต-นักศึกษากับชุมชน และดำเนินงานบนหลักคิดอันเป็นความต้องการ (โจทย์) ของชุมชน ภายใต้ศักยภาพของชาวค่ายที่พึงรังสรรค์ขึ้นได้
ด้วยเหตุแห่งการทำงานบนฐานความต้องการของชุมชน ทั้งผมและนิสิตนักศึกษา จึงลงพื้นที่สำรวจความต้องการ และประชุมร่วมกับชุมชนทั้งอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการไม่น้อยกว่า 5-6 ครั้ง เพื่อให้แน่ใจถึงสภาพปัญหา-ความต้องการ ต้นทุนในชุมชน หรือความร่วมมือของชุมชน
ที่แน่ๆ เฉพาะผมเอง ผมลงพื้นที่ด้วยตนเอง 3 ครั้ง -
ทุกครั้งที่ลงชุมชน ผมจะพานิสิตนักศึกษาไปด้วยเสมอ เพื่อสอนงานผ่านเวทีจริงตรงนั้นแบบสดๆ ทันทีที่ขึ้นรถ ผมจะพยายามพูดคุยซักถามทั้งเรื่องราวส่วนตัว ประสบการณ์ชีวิต การเรียน-กิจกรรม รวมถึงงานค่ายที่ตระเตรียม กึ่งซักซ้อม หรือเตรียมความพร้อมก่อนพบปะกับชุมชน
ใช่ครับ – ผมหนักแน่นกับแนวคิดการออกแบบการเรียนรู้ให้กับนิสิตนักศึกษา โดยใช้สถานการณ์จริงให้พวกเขาได้เรียนรู้ในเรื่องต่างๆ ทั้งเรื่องบริบทชุมชน การติดต่อประสานงาน การวิเคราะห์ข้อมูล-สถานการณ์ การสื่อสาร การตัดสินใจ ฯลฯ
ค่ายครั้งนี้ขับเคลื่อนแบบสหกิจกรรม มีกิจกรรมหลักๆ เช่น
ตลอดระยะเวลา 3 วัน 2 คืน ผมไม่มีโอกาสได้ไปพักค้างคืนในค่าย เพราะมีภารกิจสำคัญที่ต้องจัดงานในทำนองเดียวกันในรั้งมหาวิทยาลัย กระนั้นก็ยังแวะเวียนเข้าไปใช้ชีวิตในห้วงสั้นๆ ในค่ายในเช้าวันที่ 12 และอีกครึ่งวันของวันที่ 14
สิ่งหนึ่งที่ผมเน้นหนักแน่นกับนิสิตนักศึกษาก็คือ การนำนักเรียนมาเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม ไม่ว่ากิจกรรมนั้นจะเป็นอะไร ขอให้นำนักเรียนเข้ามาร่วมด้วยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะนั่นคือหลักการมีส่วนร่วม และปลูกฝังให้เขาได้รู้สึกร่วมกับกิจกรรม บ่มเพาะความรู้สึกร่วมแห่งการเป็นเจ้าของ ซึ่งเมื่อนิสิตนักศึกษากลับออกไปแล้ว นักเรียนเหล่านี้ คือผู้ที่ต้องใช้ประโยชน์และดูแลรักษาด้วยตนเอง
เช่นเดียวกับอีกหนึ่งกิจกรรมที่ผมได้เสนอแนะให้แกนนำชาวค่ายนำมาบูรณาการใช้กับนักเรียน นั่นก็คือ การวาดภาพชุมชนของตนเอง (หมู่บ้านของฉัน) เพื่อสำรวจทัศนคติมุมมองของเด็กๆ ที่มีต่อหมู่บ้านของตนเอง
รวมถึงการเชื่อมโยงไปสู่เรื่อง “สำนึกรักษ์บ้านเกิด” โดยเสนอแนะกระบวนการง่ายๆ ประมาณว่า “เมื่อวาดเสร็จแล้ว ให้นักเรียนแต่ละคนทำการบอกเล่าเรื่องราวในภาพให้เพื่อนๆ พี่ๆ ได้ร่วมซึมซับ”
ที่สำคัญคือการเจาะจงให้วาดภาพ “ในหลวงในดวงใจ” เพื่อสร้างพื้นที่ทางความคิดให้กับนักเรียนในวาระอันสำคัญอันเป็นอีกหนึ่งหัวใจหลักของการทำค่ายฯ ในครั้งนี้ โดยให้ใช้กระบวนการเดียวกัน คือการเล่าเรื่องและจัดแสดงภาพวาดไว้ในค่าย เพื่อให้พี่ๆ น้องๆ หรือแม้แต่ครูและผู้ปกครองได้ร่วมชื่นชมงานศิลปะของลูกหลาน -
พร้อมๆ กับการเสนอแนะให้พี่ๆ นิสิตนักศึกษาทำการประเมินผลให้รางวัล ทั้งที่เป็นทุนการศึกษา และอุปกรณ์การเรียนการสอนเล็กๆ อย่างเหมาะสม รวมถึงส่งมอบภาพเหล่านั้นให้กับทางโรงเรียน เพื่อพิจารณาใช้ประโยชน์ตามเห็นสมควร
สิ่งหนึ่งที่ผมเกริ่นแบบกว้างๆ ไว้กับแกนนำชาวค่ายเกี่ยวกับกิจกรรมเหล่านี้ หากไม่นับเรื่องหลักที่ว่าด้วย “ในหลวง”และ “สำนึกรักษ์บ้านเกิด” ก็เป็นเรื่องในทำนองนี้แทบทั้งสิ้น เป็นต้นว่า
แต่ทุกประเด็นที่ผมเกริ่นไป เอาจริงๆ ผมยังไม่มีเวลาพอที่จะลากความหยั่งรากลงลึกถึงรายละเอียดใดๆ เพราะติดขัดกับเงื่อนเวลา และแก่นคิดของตัวเองที่ “มุ่งอยากให้นิสิต-นักศึกษา ได้เรียนรู้ด้วยตนเอง” เสียมากกว่า
ผมก็ไม่รู้หรอกว่า กิจกรรมที่จัดขึ้นนี้ ผลลัพธ์เป็นเช่นใดบ้างทั้งต่อตัวนักเรียนและพี่ๆ นิสิตนักศึกษา หากแต่ในส่วนตัวที่เดินเที่ยวชมภาพเหล่านั้น พร้อมๆ กับการแอบสังเกตกระบวนการเล่าเรื่องของนักเรียน ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผมอิ่มเอมใจกับภาพและถ้อยคำของพวกเขาเป็นที่สุด
จนพูดกับตัวเองอย่างเงียบๆ ว่า “ผมไม่จำเป็นต้องถามพวกเขาหรอกว่า ได้เรียนรู้อะไรจากการได้วาดภาพเหล่านั้นบ้าง”
ครับ – ผมไม่จำเป็นต้องตั้งคำถามใดๆ กับพวกเขาหรอก ปล่อยให้พวกเขา ทั้งที่เป็นนักเรียนและนิสิตนักศึกษาได้ตั้งคำถามและให้คำตอบกับตัวเองจะดีกว่า
แค่นี้ผมก็สุขใจ อิ่มเอมใจมากแล้ว
..
ภาพ : พนัส ปรีวาสนา
เขียน : 14 พฤศจิกายน 2562
น่าสุขใจจริง ๆ ครับ ;)…