เท่าที่รู้ๆกันอยู่ว่าสังคมไทยเราชอบดูอะไรที่สดๆ มันๆ เร้าใจ และสะท้อนออกมาในแบบอิจฉาริษยากัน ผมก็คนหนึ่งในจำนวนที่บอกว่า ละครมันน้ำเน่าจริง จนมาถึงวันนี้ผมได้มองเข้าไปลึกๆ คำว่าน้ำเน่าของผมที่พูดไป มันคงเป็นเพียงคำพูดของคนที่ ยังมองไม่ลึกพอ
วันนี้ผมลองนึกถึงเรื่องราวที่ผมเคยดูละครตามช่องทีวีต่างๆ หลายช่อง ผมคงจะดูได้ไม่จบทุกเรื่อง แต่ละเรื่องก็ทำมาไม่ต่างกันเลย ในการออกอากาศ แต่ผมมาลองมองอีกมุมหนึ่งในการทำละครออกมานั้น ต้องมี "นักเขียน" รวมอยู่ด้วย ซึ่งตัวผมเองมองข้ามไปเลยว่า สิ่งที่เรามองนั้นผิดไป เพราะการทำละครออกมาแต่ละเรื่องนั้นมันต้องออกมาจากตัวหนังสือ และมันสองของคนคิดเขียนโครงเรื่องขึ้นมาแล้วจึงได้ ผลงานออกมาเป็นเรื่องราวดังที่เราได้อ่าน ได้ดูชม
ผมคงจะไม่มองไปไปว่าหน้าจอเป็นอย่างไร เพราะผมไม่สนใจอยู่แล้ว แต่ที่ผมมองคือความคิดการจินตนาการการเขียนเรื่องราว ชีวิต การดำเนินชีวิต ความเป็นไปเนื้อเรื่องที่ "นักเขียน" ถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือ แล้วนำไปทำเป็นละครให้คนทั้งประเทศได้ติดตามกัน
เบื้องหลังคงจะเป็นจินตนาการที่ยังไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไร ผมได้แต่คิดว่า เขาคิด เขียนเรื่องราว ที่ทำให้คนอ่าน ชอบกันอย่างไร ละครน้ำเน่าจึงไม่ได้เป็นแค่ "น้ำเน่า" อย่างที่ผมคิด แต่ยังมีเรื่องความคิดเข้ามาแทรกใน ความคิดคำว่า "นักเขียน"
ไม่มีความเห็น