คนเป็นครูไม่ต้องอยากให้ลูกศิษย์มารักตัวเองหรอก ถ้าอยากจะให้รัก ให้เขารักเราเพราะเห็นคุณค่าในสิ่งที่เราสอนเขาก็พอ


ไม่รู้เหมือนกันว่า จิตวิญญาณความเป็นครูมาสิงสถิตในตัวตอนไหน แต่รู้อย่างหนึ่งว่า นี่แหละคือ เส้นทางการเป็นครูของเรา เราก็ภูมิใจและมีความสุขมาก ๆ

๑๕ ปีของการทำงานเป็นครูในมหาวิทยาลัย เคยได้รับมอบหมายให้เป็น "อาจารย์ที่ปรึกษา" อยู่ ๒ ครั้ง ครั้งแรกเป็นนักศึกษาเอกตัวเองในระดับปริญญาตรี รหัส ๔๘ ส่วนอีกห้องหนึ่งเป็นนักศึกษาระดับ ป.บัณฑิต รหัส ๖๑ ที่กำลังจะจบการศึกษาในภาคเรียนนี้

๑๕ ปี ๒ ครั้ง ถือว่า น้อยเอามาก ๆ แต่อาจจะมีปัจจัยหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงทำให้ได้เพียงเท่านี้

ชีวิตไม่เคยคิดที่จะเป็นครู เพราะรู้ตัวเองว่า ไม่สามารถเข้าถึงและเข้าใจเด็กเล็ก ๆ ระดับประถม มัธยมได้ แต่มีความฝันลึก ๆ ว่า ถ้าเป็นระดับมหาวิทยาลัยจะเข้าถึงและเข้าใจมากกว่า อีกทั้งขณะที่เรียนปริญญาตรี ก็เสมือนเป็นนักกิจกรรมที่ทำกิจกรรมความฝันต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยมาตลอด น่าจะสามารถเป็นได้ในระดับนี้

ถึงใคร ๆ จะเรียกอาชีพนี้ว่า "อาจารย์มหาวิทยาลัย" แต่คำที่ใช้แทนตัวเองกลับเป็นคำว่า "ครู" มาโดยตลอด ไม่เคยคิดจะใช้คำว่า "อาจารย์" ตรงไหนเลย เพราะรู้สึกถึงความเหินห่างและยกตนข่มลูกศิษย์เสียมากกว่า

คำว่า "ครู" จึงติดปากตัวเองมาโดยตลอด และจะขอใช้คำนี้ไปจนตราบชั่วชีวิต

ทั้ง ๆ ไม่เคยอยากเป็นครู แต่ในที่สุดจิตใต้สำนึก (NLP) ลึก ๆ ในใจก็เลือกเส้นทางนี้มาให้จนได้

ตัวเองไม่รู้หรอกว่า จิตวิญญาณความเป็นครู มันคืออะไร ลำพังในระยะแรก ๆ ที่สอนมีความกังวลในเนื้อหามากกว่า แต่หลัง ๆ กลับพบว่า การมีชีวิตของนักศึกษาในการเรียนมหาวิทยาลัยก็แค่อยู่ไปวัน ๆ ทำงานแบบไม่ตั้งใจ แต่อยากได้ A แล้วนี่ยังเป็นนักศึกษาครูที่ต้องออกไปสอนเด็ก ๆ ออกไปพัฒนาสังคม ไม่ควรจะเป็นอย่างนี้อย่างยิ่ง จึงเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาวิธีการสอนมาโดยตลอด โดยการสอดแทรกความคิด ทัศนคติให้เขาคิดเอง ใครคิดได้ ชีวิตก็ดีขึ้น ใครคิดไม่ได้ ชีวิตก็แย่เหมือนเดิม แล้วแต่บุญทำกรรมแต่งกันไป

เคยเครียดอยู่เหมือนกันว่า ความพยายามที่จะสอนให้เขาเป็นคนดี ให้เขาเดินไปในทางที่ถูกต้องมันล้มเหลว เขาคิดไม่ได้ และเราในฐานะครูของเขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป แต่หลัง ๆ ก็คิดได้ว่า บัวยังมีหลายเหล่า แต่เด็กพวกนี้ก็คงไม่ได้ต่างกัน คิดได้เร็วก็รอด คิดได้ช้าก็เหนื่อยหน่อย จึงปล่อยวางได้ในที่สุด

เราจึงกระบวนการสอนอย่างนี้มาโดยตลอดในทุกวิชา ไม่ว่าวิชานั้นจะเป็นวิชาอะไร หรือระดับไหน สอนแบบนี้หมด จนในที่สุดก็ได้มีโอกาสสอนวิชา "ความเป็นครู" ซึ่งเป็นวิชาแกนหลักของคณะผลิตครู ไม่รู้ว่าฟลุ๊ค หรืออาจารย์ที่ดูแลวิชานี้เขาเห็นคุณค่า จึงขอเชิญไปช่วยสอน

ใช้เวลาปรับตัวได้ไม่นานนักก็เลื่อนไหลไปได้อย่างดีมาก สามารถเปลี่ยนเด็กที่ไม่อยากเป็นครู (เหมือนเรา) ให้กลับมารู้สึกว่า การเป็นครูมันเป็นอาชีพที่มีคุณค่าได้ รู้สึกภูมิใจลึก ๆ ที่เห็นความเปลี่ยนแปลงนั้น

กระบวนการสอน คำสอนของเรานั้น ไม่ว่าเขาจะเข้าใจตอนนี้ หรืออาจจะเข้าใจเมื่อประสบพบเจอตามที่เราพูด แต่ก็ถือว่า Successfully ในความรู้สึกแล้ว

หลายครั้งเรายอมเป็นครูใจร้ายในสายตาของเขาตอนนี้ แต่หากเขาสามารถเป็นครูที่ดีได้ในอนาคต นั่นก็พอแล้วหรือเปล่า

..

..

๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๒ นักศึกษา ป.บัณฑิต ห้องที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาจบแล้ว เขาใช้เวลาเรียน ๑ ปีครึ่ง การเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาทำให้ต้องถูกบังคับสอนวิชาความเป็นครู

วิชานี้ทำให้สามารถบ่มเพาะความเป็นครูให้เขาเป็นเวลา ๔ เดือน ไม่รู้หรอกว่า ประสบความสำเร็จไหม แต่วันนี้ปัจฉิมนิเทศก็รู้สึกได้ถึงสิ่งที่เขาแสดงออก

..

..

ความรัก ความคิดถึง ความเคารพ ความนับถือ และคำขอบคุณ พวกเขาแสดงออกมาอย่างเต็มที่ จนรู้สึกได้ถึงสายตาของอาจารย์ท่านอื่นมองมา แล้วคงคิดว่า ทำไมนักศึกษาห้องนี้ถึงแสดงความรักต่อเราขนาดนี้

คนเป็นครูไม่ต้องอยากให้ลูกศิษย์มารักตัวเองหรอก ถ้าอยากจะให้รัก ให้เขารักเราเพราะเห็นคุณค่าในสิ่งที่เราสอนเขาก็พอ

และผมก็เชื่อมั่นเรื่องนี้มาโดยตลอด และนั่นคือสิ่งที่อาจารย์หลาย ๆ คนในคณะผลิตครูยังทำไม่ได้ แต่มีอาจารย์ที่ผมให้ความเคารพบอกว่า ผมประสบความสำเร็จในการทำอาชีพครูแล้วนะ

ภูมิใจมาก และภูมิใจเสมอ กับการได้เห็นพวกเขาได้ดี เป็นลูกที่ดี เป็นคนที่ดี และเป็นครูที่ดี

รางวัลของการเป็นครูมีอยู่แค่นี้ ไม่ใช่ อามิสสินจ้าง เงินทอง ยศถาบรรดาศักดิ์

..

ไม่รู้เหมือนกันว่า จิตวิญญาณความเป็นครูมาสิงสถิตในตัวตอนไหน
แต่รู้อย่างหนึ่งว่า นี่แหละคือ เส้นทางการเป็นครูของเรา เราก็ภูมิใจและมีความสุขมาก ๆ

..

..

มีงานเลี้ยงตอนเย็น นักศึกษา ป.บัณฑิต มอบของให้ ๑ ชิ้นแทนคำขอบคุณ
ในกล่องนี้เป็น "กาต้มน้ำร้อน" ซึ่งไม่น่าเชื่ือว่า กำลังจะหาซื้ออยู่พอดี
เพื่อเอาไปใช้ที่วิทยาเขตใหม่ ไม่อยากยุ่งกับของคนอื่นในห้อง

โลกนี้ไม่มีความบังเอิญ มันมีเหตุมีผลในตัวเองอยู่เสมอ

ขอบคุณ ปณิธานความเป็นครูของตัวเองที่ยังคงอยู่ และจะยังคงอยู่เช่นนี้ตลอดไป

บุญรักษา ทุกท่าน

..

หมายเลขบันทึก: 671414เขียนเมื่อ 19 ตุลาคม 2019 23:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 ตุลาคม 2019 23:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)

ขอบคุณ ครู ที่เป็นครูที่ดี ให้คำเเนะนำ ให้พวกเราตลอดมานะคะ?

ขอบใจมาก คุณครู kwanthai ;)…

ดีใจที่ได้มาพบกันครับ … ขอบคุณสำหรับทุกอย่างครับ

ดีใจที่ได้เป็นลูกศิษย์ และจะเป็นตลอดไป จะนำคำสั่งสอนไปใช้กับลูกศิษย์ต่อไปค่ะ

ครูเป็นต้นแบบ และทุกคนก็มีความอบอุ่นใจที่ได้เป็นลูกศิษย์ของครูครับ

ฟ้าลิขิตแบบนั้นมั้งครับ หัวหน้าห้อง นายจันทร์เจ้า ;)…

สาธุนะครับ คุณครูสุพิชฌาย์ [email protected] ;)…

ขอบคุณมากครับ คุณครู บัวแก้ว ;)…

ด้วยความเต็มใจครับ

ขอบคุณ คุณครูค่ะ ที่คอยสอนคอยเเนะนำสิ่งดีๆ ให้พวกเราตลอดมา

ขอบคุณสิ่งดีๆที่หยิบยื่นให้กันนะคะครู ดีใจที่ได้เจอกันค่ะ ?

An old saying popped up on my head: ‘the value of a gift is judge by its receiver’ (not ts giver). I think this saying is true even in this modern time.

ยินดีด้วยค่ะคุณครูวัต ดีใจกับการสมหวังในสิ่งที่คิด กับกาต้มน้ำร้อนอันใหม่ค่ะ

ที่จริงกล่องห่อของขวัญมีโบว์ติดให้แต่หนูเห็นมันหล่นอยู่หร้าร้านเลยเก็บไว้ดูค่ะ….ขอบคุณอาจารย์ที่มอบสิ่งดีๆให้พวกเราเสมอค่ะ

ขอบใจมาก คุณครูปรียา myfernz ;)…

ทุกอย่างเป็นชะตากรรมยังไงล่ะ ;)…

ขอบคุณมากครับ พี่แก้ว..อุบล จ๋วงพานิช ;)…

ยินดีเสมอครับ คุณครู ณภัชชา [email protected] ;)…

ทุกอย่างมีที่มาและมีที่ไปเสมอ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท