วันที่ 9 - 10 ธ.ค.49 ผมไปร่วมสัมมนาวิชาการประจำปีของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ประทับใจคำกล่าวเปิดของท่านอดีตนายกรัฐมนตรี ฯพณฯ อานันท์ ปันยารชุน ซึ่งผมถือว่าเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย คำกล่าวเปิดนี้หนังสือพิมพ์คงจะได้นำมาลงแล้ว ผมเพียงนำประโยคที่ผมประทับใจมาบันทึกไว้
- นิสัยคนไทยที่น่าเศร้า : ขี้เกียจ ขี้โอ่ ขี้โกง ขี้อิจฉา
- crony capitalism
- ขอให้เอาบทเรียนจากวิกฤตทางการเมืองมาเรียนรู้ด้วย
- สังคมไทยเป็น pluralistic/heterogeneous society ไม่ใช่ monolistic/homogeneous society
- ขอให้ยึดสาระและหลักการ ไม่ใช่ยึดติดรูปแบบของประชาธิปไตย
คำว่า "ขี้เกียจ ขี้โอ่ ขี้โกง ขี้อิจฉา" กลายเป็นคำฮิตที่มีคนพูดซ้ำ ๆ ในการประชุม ผมพบท่านอดีตปลัดสำนักนายก อภิลาส โอสถานนท์ ที่เป็นคนสำคัญคนหนึ่งที่ทำให้ สกว. ประสบความสำเร็จ ท่านก็ย้ำคำนี้และฝากว่าน่าจะมีการวิจัยเปรียบเทียบโทษสมบัตินี้ของคนเอเชีย
ผมเองไม่ค่อยชอบการดำเนินการด้านลบ ชอบด้านบวกมากกว่า จึงคิดโจทย์กับตัวเองว่ามีชุมชน/หน่วยงานใดบ้างที่คนมีโทษสมบัติเหล่านี้เบาบาง เพราะอะไร
ผมตอบตัวเองว่าชุมชน/หน่วยงานที่ทำ KM ไงล่ะ เพราะการทำ KM ทำให้คนค่อย ๆ "ขยายส่วนดีในตน" จนเป็นนิสัย เป็นวัฒนธรรม
วิจารณ์ พานิช
10 ธ.ค.49
จอมเทียน ชลบุรี
ขอบพระคุณครับ
อ่านจบแล้วนึกถึงว่าถ้าใครริอ่าน จะไปดำเนินการ จัดการความรู้ เพื่อกำจัดคนที่มีคุณสมบัติ "ขี้เกียจ ขี้โอ่ ขี้โกง ขี้อิจฉา" ให้หมดไปจากองค์กร ตั้งแท่นอย่าง Super Negative แล้วละก็ คงได้เห็นความโกลาหล และความไม่สงบสุข แพร่กระจาย เต็มเปี่ยมอยู่ในองค์กรเป็นแน่ .. พอคิดกลับทางไปหาอีกมุมหนึ่งที่มีรอยยิ้มประดับอยู่ คือ การดำเนินการด้านบวก อย่างที่ท่านกล่าว .. รู้สึกผ่อนคลาย หายเครียดเลยล่ะครับ.