โลกๆ


อยู่ให้เป็นนะ.... กินก็กิน ให้เป็น นอนก็นอนให้เป็น มีก็มีให้เป็น การทำอะไรๆให้เป็นนั้น มันต้องอาศัยสติเป็นสำคัญ สติมองให้ออกว่ามันเป็นทุกข์อย่างไร อย่าเรากินข้าว ก็ให้รู้ว่ากินเพื่ออะไร กินให้เป็นกินเอาประโยชน์จากมัน กินเพื่อร่างกายที่แข็งแรง นี่เอาสติมองเห็นคุณค่าแห่งการกิน ไม่ใช่กินแล้ว หลงอร่อย กับรสชาติ เอาสติแยกให้ออกมันจึงเป็นธรรม การปฏิบัติเช่นนี้ไม่ใช่เพื่อบุญหรือว่าอะไร แต่ปฏิบัติเพื่อ ให้จิตเห็นทุก ป้องกันทุกข์ที่จะเกิด ทุกข์ที่ต่อไป เราไม่มีเงินกินของดีๆ เราจะได้ไม่ทุกขื วันที่เราป่วยไม่สบายกินอะไรๆก้ไม่อร่อย เราก็ไม่เป็นทุกข์
         ตอนนี้เราอยู่กับโลก เรามักไม่เห็นถึง ความทุกข์ ที่จะเกิดขึ้น  วันนี้เรามีข้าวกิน อร่อย เราก็นึกว่ามันสุข ........  แต่ถ้าวันไหนเราไม่มีกิน วันไหนเรากินไม่ได้.......... เราก็ทุกข์จริงไหมครับ ศาสนาพุทธ สอนให้เราอยู่กับเหตุและผล   ไม่ได้สอนให้เราทำดีต่อรอง สวรรค์ หรือ นรก   แต่ศาสนาพุทธ สอนให้เรา รู้จักทุกข์  และต่อมาก็ ออกจากทุกข์  
         
         ทุกข์คืออะไรเหรอ..... สิ่งที่เราอยู่กับมันโดยที่เราไม่เห็นมันนั่นเหละมันคือทุกข์ แต่อาจจะเป็นทุกข์อย่างละเอียด  เหมือน ปลาที่ไม่รู้จักว่าน้ำคืออะไร  เพราะปลาอยู่กับน้ำแต่ปลาไม่เคยเห็นน้ำ  เหมือนกัน มนุษย์ก็ไม่เคยเห็นโลก เพราะมนุษย์อยู่กับโลกมากเกินไป   ทำอย่างไรถึงจะเห็นโลก ก็ต้องอยู่เหนือโลก  ปลาจะเห็นน้ำได้ก็ต้องกระโดด ออกมาจากน้ำ
         คำว่าอยู่กับโลก .....   คือเราเสพอะไรๆ จากโลก ติดอยู่กับโลก เรารัก พ่อ แม่ พี่ น้อง คนรักของเรา ความผูกพัน ต่างๆมากมาย แล้วถ้าวันไหน เราหรือคนที่เรารักจากไป เราร้องไห้ เสียใจแน่นอน แบบนี้เรียกว่าทุกข์ไหม  เรารักคนที่เรารักมากมาย ตอนนั้นมีความสุข แต่วันนี้คนรักเรามาจากไป เราทุกข์มากมาย  นี่เหละ ที่เค้าบอกว่าสุขแบบนี้มัน เหมือนจับหางงู ไม่เห็นทุกข์หรอก แต่สักพัก งูนั้นจะกลับมากัดเรา   มันสุขแฝงทุกข์ การจับหางงูนี่งูมันกัดหนักว่า ไปจับหัวงูนะ เพราะงูมันโกรษหนัก  เหมือน วัยรุ่นที่ดดนแฟนถิ้งแล้วฆ่าตัวตายนั่นเหละ มันทุกข์หนัก ท่านเคยเห็นคนที่จีบผู้หญิงไม่ติดแล้วฆ่าตัวตายไหม.......     มันอยู่ที่การเห็นทุกข์ ถ้าเราเห็นทุกข์เร็วเราก้ทุกข์น้อย แต่ถ้าเรา หลงอยู่กับทุกข์ เราก็แทบตาย
        จะบอกว่าโลกทั้งหมดที่เราอยู่นี้ แฝงไปด้วยทุกข์   แต่เราไม่ได้บอกว่าให้ละทิ้งหรือรักเกียจโลก แต่เรา ต้องรู้จักที่จะอยู่กับโลก อยู่กับโลกให้เป็น  ทางสายกลางของพระพุทธองค์น่ะ
ท่านไม่ได้หนีดลก แต่ท่านรู้จักโลก และอยู่กับโลกอย่างที่ควรจะอยู่   
       แล้วเราจะอยู่กับโลกแบบไหนดีล่ะ
----   อยู่ให้เป็นนะ....  กินก็กิน ให้เป็น นอนก็นอนให้เป็น มีก็มีให้เป็น  การทำอะไรๆให้เป็นนั้น มันต้องอาศัยสติเป็นสำคัญ สติมองให้ออกว่ามันเป็นทุกข์อย่างไร อย่าเรากินข้าว ก็ให้รู้ว่ากินเพื่ออะไร กินให้เป็นกินเอาประโยชน์จากมัน กินเพื่อร่างกายที่แข็งแรง นี่เอาสติมองเห็นคุณค่าแห่งการกิน ไม่ใช่กินแล้ว หลงอร่อย กับรสชาติ เอาสติแยกให้ออกมันจึงเป็นธรรม การปฏิบัติเช่นนี้ไม่ใช่เพื่อบุญหรือว่าอะไร แต่ปฏิบัติเพื่อ ให้จิตเห็นทุก ป้องกันทุกข์ที่จะเกิด    ทุกข์ที่ต่อไป เราไม่มีเงินกินของดีๆ เราจะได้ไม่ทุกขื วันที่เราป่วยไม่สบายกินอะไรๆก้ไม่อร่อย เราก็ไม่เป็นทุกข์
   
        แต่ถ้ากินเอาบุญอะไรๆก็ห้ามไปหมด ห้ามเพื่อเอาบุญแบบนี้ก็ทุกข์ เพราะไม่มีสติหลงบุญหลงกรรม มันจะทุกข์เปล่าๆ ตามดลกได้ แต่อย่าหลงโลก ฝืนโลกได้แต่ฝืนให้เป็น
มีแฟนก็รักให้เป็น มีพบมีจาก ยังไงก้ต้องจาก โลกนี้เป็นทุกข์ เพราะ เราไปยิดติด เราจะรักกันชั่วนิรัดร์ เป็นสิ่งดี แต่ อะไรๆมันก็เปลี่ยนแปลง คำว่านิรันดรจึงไม่มี ...........  
       กับพ่อแม่ ก็ดุแลท่านให้ดี ทำหน้าที่ของลูกให้ถึงพร้อม แต่วันที่ท่านจากไป เราต้องมีสติรู้ โลก อะไรๆก็เปลี่ยนแปลง วันนี้สิ่งที่เราทำโดยไร้สติเป็นทุกข์ทั้งสิ้น 
เราลองมามองโลกกันใหม่มองแบบเหนือโลกกันดูบ้างเราจะเห็นโลกที่แท้จริง
หมายเลขบันทึก: 67032เขียนเมื่อ 13 ธันวาคม 2006 20:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:42 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท