นายนกกระจอก


ร้องเพลงเพราะไม่ได้ยากอย่างที่คุณคิดจากประสบการณ์ของผม การขับร้องเพลงหลายๆคนเชื่อว่ามันต้องมีพรสวรรค์หรือเซ้น เรื่องพวกนี้ก็อาจจะมีส่วนแต่ นั่นไม่ใช่ทั้งหมดของการร้องเพลงหรอกนะ เอาจริงๆถ้าเราชอบฟังเพลง รักเสียงเพลง อยากจะร้องให้ได้อย่างศิลปินที่ตนชอบ และร้องเพลงได้อย่างมีความสุขเข้าถึงอารมณ์ของเพลงและสื่อออกมาให้ผู้ฟังได้ฟัง วันนี้ผมจะมีเคล็ดลับที่ไม่ลับ เกร็ดความรู้ การนำไปปรับใช้ และ ข้อปฎิบัติต่างๆให้ผู้อ่านได้นำไปใช้กันครับ

อย่างแรกเราต้องค้นหาตัวเองให้เจอก่อนว่าเราชอบเพลงแนวไหน ศิลปินคือใคร อยากที่จะเป็นแบบใคร(หมายถึงอยากที่จะร้องประมาณไหน) เอาง่ายๆ คือ ไอดอลที่ชอบนั่นแหละต่อมาเราจะลงเรื่องการร้องเพลงกัน สิ่งสำคัที่ต้องใช้คือ หูที่ใช้ในการฟัง กับ การออกเสียงให้ตรงตามคีย์ เบื้องต้นเลยจะต้องรู้จักการหายใจก่อน การหายใจนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การออกเสียงนั้นมีพลังและมั่นใจมากขึ้น โดยหลายๆคนอาจจะหายใจกันผิด ลองอ่านแล้วทำไปพร้อมๆกันนะ หายใจเข้าท้องป่อง หายใจออกท้องยุบ(หรือจะเรียกแฟบก็ได้555555)

ขั้นตอนต่อมาคือการฟังเสียงและออกเสียงตาม โดยจะต้องมีเครื่องช่วยนิดหน่อย ไม่ว่าจะ เป็นเครื่องดนตรีก็ได้ (ยกตัวอย่าง : เล่นคีย์บอร์ดกดโน๊ตตัวใดตัวหนึ่งแล้วทำเสียงตาม) ถ้าตรงก็ถือว่าผ่าน แต่ถ้าไม่ตรงก็จะต้องฝึกกัน หลายๆคนคงจะสงสัยว่าฝึกยังไงใช่มั้ย งั้นมาเริ่มจากคำว่า 1) “หูเพี้ยน” คือการฟังเสียงไม่ตรงกับสิ่งที่ได้ยิน การฝึกก็ง่ายๆเลยครับ ก็คือขยันฟัง ในสมัยนี้ก็จะมีเทคโนโลยีมากมาย การฝึกฟังเลยไม่ยากขนาดนั้น โดยการให้ฟังแยกรหว่างเสียงต่ำกับเสียงสูงก่อน แล้วค่อยๆปรับไปเรื่อยๆ ต่อมา 2) ออกเสียงเพี้ยน การออกเสียงเพี้ยนสามารถเกิดได้หลายอย่าง โดยเริ่มจากการทำรูปแบบปากในการออกเสียงให้ถูกต้อง จะมีอยู่ 5 คำ ได้แก่ อา อี อู เอ โอ ให้ทำรูปแบบปากให้ชัดๆ เพื่อการออกเสียงได้ชัดเจนขึ้น และที่สำคัญคือหูของเรานั่นเอง ถ้าเราฟังไม่เพี้ยน เราก็จะร้องไม่เพี้ยนเช่นกัน เพราะว่าถ้าฟังออก เวลาที่เราร้องเพี้ยนจะรู้ได้ว่ามันไม่ตรงและเราจะต้องปรับเสียงให้มันตรงกับคีย์นั่นเอง

ต่อไปจะเป็นการร้องเพลงให้เลือกเพลงที่อยากร้องมาฝึก โดยศิลปินแต่ละคนนั้นมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกัน แน่นอนจะไปเหมือนเขาแบบ 100% เลยก็ไม่ใช่ การร้องเพลงนั้นจะต้องมีความรู้สึกที่ตรงกับเพลงด้วยเพื่อที่จะเข้าถึงอารมณ์ของเพลงจริงๆ แน่นอนว่าคนไทยชอบฟังเพลงเศร้าแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเศร้าตลอดเวลา55555555 (เคล็ดลับคือให้เรานึกถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเองตามาบทเพลงหรือคล้ายกันก็ได้)และต่อไปเพื่อที่จะร้องให้มีมิติมากขึ้น จำเป็นที่จะต้องจำคำนี้ไว้ หนาบางหนักเบา คำไหนที่ควรเน้นคำไหนที่ควรจะผ่อนเพื่อดึงอารมณ์ให้ได้มากขึ้น (คล้ายๆกับการพูดหรือการเล่านิทานนั่นเอง) การใช้สายตา ท่าทาง ก็มีส่วนด้วยนะ ถ้าร้องเพลงเศร้าแล้วยิ้มก็คงไม่ใช่ การร้องเพลงไม่ใช่แค่ร้องให้เพราะ แต่ต้องร้องพร้อมกับการแสดงว่าเศร้าจะได้ฟิลแบบสุดๆเลยอ่ะ

การร้องเพลงให้เพราะคือการสื่อความหมายของเพลงออกมาให้ผู้ฟังเข้าใจและอินกับเพลงได้ และถ้าผมพูดหรือมีข้อมูลอะไรผิดไปก็ขออภัยไว้นะที่นี้ด้วย

หมายเลขบันทึก: 668540เขียนเมื่อ 17 กันยายน 2019 11:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 กันยายน 2019 11:09 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท