การใช้ชีวิตในปัจจุบันสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ความรู้และทักษะการใช้ชีวิต ดังนั้นการเรียนถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในวัย 2-3 ขวบ ทุกคนต้องเริ่มเข้าเรียนเตรียมอนุบาล และเมื่ออายุ 3-6 ขวบ ก็ก้าวเข้าสู่โรงเรียนอนุบาลอย่างเต็มตัวช่วงนี้ถือเป็นวัยที่สนุกที่สุดเพราะแทบจะไม่ต้องคิดเรื่องอะไรเกี่ยวกับอนาคตเลย แต่เมื่ออายุครบ 7 ขวบ ทุกคนต้องเข้าสู่ช่วงวัยแห่งการเรียนรู้ ช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่ดีอีกหนึ่งช่วงเพราะความรู้ในหลายๆด้านได้รับการขยายความทำให้เรานั้นมีความรู้เพิ่มมากขึ้น และเริ่มคิดถึงชีวิตในอนาคตมากขึ้น ต่อมาเป็นช่วงที่สำคัญมากๆ คือ ช่วงมัธยม เป็นช่วงแห่งการค้นหาตัวเอง อาจเป็นเวลาที่สามารถกำหนดอนาคตของใครหลายๆคนได้และอาจดับอนาคตของใครหลายคนได้อีกเช่นกัน เมื่อสิ้นสุดชีวิตมัธยมก็เข้าสู่ช่วงมหาวิทยาลัย ซึ่งทำให้ใครหลายๆคนได้รับกลิ่นอายในความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ช่วงนี้สามารถนิยามได้ว่า เป็นช่วงแห่งการเรียนรู้และเข้าสู่โลกของความเป็นจริง ดังนั้นจะเห็นได้ว่าช่วงที่เป็นตัวเอกหลักๆของชีวิต คือ ชีวิตมัธยมและชีวิตมหาวิทยาลัย วันนี้เราจะพาทุกคนไปตีแผ่ความแตกต่างระหว่างมัธยมและมหาวิทยาลัยเพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ต้องการเตรียมตัวรับมือกับช่วงชีวิตนั้นๆ
การเรียน
มัธยม – มัธยมไม่ว่าจะเรียนสายไหน ทางโรงเรียนก็จะวางแผนการเรียนมาให้ เช่น ต้องเรียน สัปดาห์ละ 5 วัน วันละ 10 วิชา วิชาละ 1 ชั่วโมง ซึ่งเรียกว่าเป็นการเรียนที่หนักและการเรียนอาจดำเนินไปด้วยความเหนื่อยล้า
มหาวิทยาลัย – ในชีวิตมหาวิทยาลัยผู้เรียนสามารถกำหนดชะตาชีวิตตัวเองได้(อนาคตอยู่ในกำมือเราเอง) คือเราสามรถกำหนดว่าใน 1 สัปดาห์จะเรียนกี่วัน วิชาอะไรบ้าง แต่อาจจะไม่สามารถกำหนดได้ว่าใน 1 วิชาจะเรียนกี่ชั่วโมง และสิ่งที่ตื่นเต้นอีก 1 อย่างในรั้วมหาวิทยาลัยก็คือ การลงทะเบียนเรียน ทุกคนต้องผ่านเหตุการณ์นี้ไปให้ได้ ซึ่งเทียบได้กับการทำนายดวงชะตา ทุกคนในมหาวิทยาลัยจะมารอลงทะเบียนเรียนในวิชาที่ชอบและต้องการ ใครที่มีทักษะและความเร็วเน็ตที่ดี ก็ถือเป็นผู้ที่มีชะตาชีวิตที่ดีงาม
เวลา
มัธยม – ทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎ คือ ต้องมาเตรียมตัวให้ทันเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติในเวลา 8 โมงตรง เริ่มเรียน 08 : 30 น. รับประทานอาหารกลางวัน 12 : 00 น. และสามารถกลับบ้านได้ในเวลา 15 : 50 น. ซึ่งตารางชีวิตของนักเรียนระดับมัธยมจะเป็นไปตามข้อมูลข้างต้น หรืออาจจะมีเวลาที่คลาดเคลื่อนและต่างไปกว่านี้เล็กน้อย
มหาวิทยาลัย – เรื่องของกฎเกณฑ์ทุกคนยังต้องปฎิบัติตาม แต่ในมหาวิทยาลัยทุกคนไม่ต้องเคารพธงชาติในเวลาแปดโมง ทุกคนสามารถเข้าห้องเรียนตามเวาลที่กำหนดได้เลย(ตื่นและอาบน้ำมาเรียนให้ทันนั่นคือสิ่งที่ทุกคนต้องท่องให้ขึ้นใจ) ในรั้วมหาวิทยาลัยการเริ่มเรียนจะเริ่มได้หลายวิชา เช่น 08 : 30 น. 13:00 น. และ 15:00 น.
คะแนนเก็บ
มัธยม – วิชาเรียนเยอะ การบ้านเยอะ รายงานเยอะ แต่เราสามารถทำมันได้เพียงมีหนังสือเรียน คะแนนเก็บส่วนใหญ่จะเกินครึ่งของคะแนนทั้งหมด ซึ่งเก็บคะแนนจากการทำงาน ดังนั้นทุกคนมีโอกาสได้ลุ้นเกรด 4 อย่างแน่นอน (ถ้าขยันพอ)
มหาวิทยาลัย – เรียนเยอะเรียนน้อยอยู่ที่วิชาที่เราลง การทำงานแต่ครั้งต้องมีการศึกาข้อมูลเป็นอย่างดี ไม่สามารถคัดลอกจากงานผู้อื่นได้ และคะแนนเก็บก็สามารถหาได้ยากกว่าชีวิตมัธยม ในบางวิชา เริ่มต้นตัดเกรด A ที่ 90 คะแนน (ซึ่งจะมีผู้เข้าชิงน้อยมาก)
ชีวิต
มัธยม – ความปลอดภัยในมัธยมจะได้รับการอนุเคราะห์จากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ซึ่งจะดูแลและห่วงเราเปรียบเสมือนลูกของตน และมีฝ่ายปกครองที่ควบคุมชีวิตนักเรียนทุกคนอยู่ตลอดเวลา ชีวิตในมัธยมถือเป็นชีวิตที่สนุก เพราะบรรดาเพื่อนๆต่างอยู่กันเป็นกลุ่มเป็นก้อน รักใคร่กลมเกลียว พึ่งพากันได้ตลอดเวลา ถือว่าเป็นคนในครอบครัวก็ว่าได้
มหาวิทยาลัย – สามารถนิยามได้สั้นๆว่า ดูแลตัวเอง ทุกอย่างต้องดำเนินไปด้วยความไม่ประมาท รับผิดชอบตัวเองให้ได้ ในส่วนเรื่องเพื่อนก็ไม่ถึงกับแย่ แต่ทุกคนต้องรู้จักกับการอยู่คนเดียวให้เป็น
ไม่มีความเห็น