@chokdeemeechai
วิชาชีวิตเพื่อความมั่นคงทางจิตใจ โชคชัย คงบวรเกียรติ

อ่านจุดประสงค์เจตนาที่แท้จริงของคนให้ออก8 ตอน ใบหน้า Face และ สรุป ภาษาทางใบหน้า


รู้เท่าทันคน

หน้าผาก ขมับ ตีนกา ที่มีส่วนสัมพันธ์กับ ดวงตา คิ้ว สันจมูกและหู

  • การขยับขึ้นลงของ คิ้ว มีส่วนสัมพันธ์อย่างยิ่ง กับ หน้าผากทำให้เกิดรอยย่นบนหน้าผาก
  • ร่องบนหน้าผาก ยังบ่งบอก การครุ่นคิดใช้ความคิด ความตึงเครียดได้จากร่องรอยบนหน้าผาก
  • การยกคิ้ว ยังสัมพันธ์กับขมับทำให้เกิดรอยตีนกา ที่เกิดจากการยิ้ม ทำให้โหนกแก้มยกขึ้น เปลือกตาเล็กลง
  • การขมวดคิ้ว การย่นสันจมูก ทำให้เห็นร่องหน้าผากที่ใกล้คิ้วย่นอย่างชัดเจน
  • การกระดิกหู ก็มีส่วนสัมพันธ์กับขมับ และหน้าผากที่มีการเชื่อมโยงกัน เมื่อกระดิกหูส่วนใหญ่คิ้วก็กระดิกตาม
  • ก็ให้สังเกตุความเคลื่อนไหว ร่องรอยที่เกิดขึ้น ตั้งแต่คิ้ว หน้าผาก ขมับ และตีนกาข้างหางตา ด้วย

ใบหน้า Face

    สีของใบหน้า (Face Colored) ความเปลี่ยนแปลงของสีหน้า

  • สีหน้าปกติ (Neutral) คนแต่ละคนมีสีผิวไม่เหมือนกัน ให้สังเกตจากสีหน้าปกติของเขาเป็นหลัก แล้วดูความเปลี่ยนแปลงของสีหน้าที่แตกต่างไปจากสีของหน้าปกติของเขา (สีหน้าพื้นฐานของคนเราไม่เหมือนกัน บางคนขาว บางคนผิวคล้ำ หรือตากแดดมากจนแดงออกดำ น้ำตาลไหม้ ซึ่งต้องสังเกตการเปลี่ยนแปลงสีหน้าระหว่างแสดงอารมณ์นั้นออกมา)
  • ขาวซีด (Whitish) หน้าซีดเผือก ไม่มีเลือดฝาดไปเลี้ยงที่ใบหน้า กลัว ตกใจ หวั่นวิตกกังวล ไม่สบายใจ กระวนกระวาย อึดอัดใจ
  • แดง (Reddish) โกรธจัด อารมณ์เสีย หงุดหงิด ไม่พอใจ โมโห บางครั้งตาแดงกล่ำด้วยความโกรธ หรือเพิ่งร้องไห้
  • แดงระเรื่อ ชมพู่อ่อน (Pinkish) เขินอาย มีความรัก อับอายขายหน้า รู้สึกผิดละอายใจ
  • ฟ้า (Bluish) หนาว หรือ หวาดกลัว หรือเศร้าเสียใจแต่ไม่ได้ร้องไห้
  • เขียว (Greenish) พะอืมพะอมจะอาเจียน หน้ามืดตาลายจะเป็นลม หรือเลือดไปเลี้ยงไม่ทัน หรือได้รับบาดเจ็บปวดจนหน้าเขียว
  • หน้าถอดสี (Change Color) ตกใจ  กลัว หวั่นวิตก ผิดหวังอย่างแรง ไม่เป็นอย่างที่คาดคิด หน้าซีด เปลี่ยนสีไปจากเดิม

                ความชุ่มชื้น เหงื่อซึม หยดเหงื่อ เหงื่อไหลออกมา

  • อุณหภูมิ ความร้อน ความเย็น จากภายนอก เช่น อากาศร้อนจากแสงแดดจ้า หรือ อากาศเย็นในฤดูหนาว
  • การปรับอุณหภูมิภายในร่างกาย หลังจากการรับประทานอาหาร เดิน วิ่ง ออกกำลังกายมา ร่างกายจะมีการปรับตัวให้สมดุลอีกครั้ง ด้วยการขับเหงื่อออกมาเพื่อคลายความร้อนจากการเผาผลาญพลังงาน ด้วยการรักษาอุณหภูมิภายในร่างกายให้กลับมาสู่สภาวะปกติ
  • อุณหภูมิ จากภายในร่างกายของเขาเอง ที่ตัวของเขาสร้างขึ้นมาเอง เนื่องจากความคิดความรู้สึกที่เขามีในจิตใจ เช่น มีความเครียด วิตกกังวลใจ ไม่สบายใจกระวนกระวายใจ มีเหงื่อซึมเป็นหยดที่รอบปีกจมูก หรือเหนือริมฝีปากบน หรือมีเหงื่อไหลข้างขมับ และหน้าผาก หรือ กลัว มีเหงื่อซึมเป็นหยดให้เห็นที่ข้างขมับและหน้าผากที่ติดกับโค่นเส้นผม หรือเมื่อโกรธโมโหอารมณ์ร้อน หน้าแดง เหงื่อแตกไหลออกมา ที่หน้าผาก ศีรษะและหลังคอ เพื่อระบายความร้อนจากการที่มีเลือดไปเลี้ยงที่ใบหน้าค่อนข้างมาก

สรุป ภาษาทางใบหน้า

สังเกตการเคลื่อไหวเปลี่ยนแปลงบนใบหน้า มีอะไรเปลี่ยนไปจากเค้าโครงหน้าเดิมของเขา

  • การแสดงออก ซึ่งอารมณ์หลัก(ดีใจ มีความสุข เศร้าเสียใจ กลัว วิตกกังวล ประหลาดใจ โกรธ ไม่พอใจ รังเกียจ อิจฉาริษยา) ของเขานั้นดูเป็นธรรมชาติ ไหลลื่นไม่ติดขัด สอดคล้องกับสิ่งที่เขาพูดหรือการกระทำ ภาษาทางกายที่แสดงออกมาเป็นเรื่องเดียวกัน ไม่ขัดกัน
  • การเปลี่ยนอารมณ์หนึ่ง ไปสู่ อีกอารมณ์หนึ่ง
  • จากปกติ เป็น อารมณ์หลัก หรือ จากอารมณ์หลัก ไปสู่ อารมณ์ปกติ
  • จาก ประหลาดใจ เป็น ดีใจ ยิ้ม หัวเราะ
  • จาก ประหลาดใจ ช็อค เป็นเสียใจ เศร้าใจ ร้องไห้
  • จากร้องไห้ เสียใจ เป็น ยิ้ม หัวเราะ (อาจเป็นเพราะคนข้างตัวพูดคุยเรื่องชวนขำขันเพื่อให้เราคลายความเศร้าจากร้องไห้ให้อารมณ์ดีขึ้น ซึ่งต้องดูเจตนาในการแสดงออกของเขาด้วยว่าเป็นจริงหรือไม่ บางทีเขาอาจจะฝืนยิ้มเพื่อให้สบายใจขึ้นก็เป็นไปได้)
  • สังเกตความเปลี่ยนแปลงอารมณ์หนึ่ง ไปเป็น อีกอารมณ์หนึ่ง หรือ กลับสู่สภาวะหน้าปกติของเขา มีสิ่งใดที่ขัดไม่สอดคล้องกัน Micro Expressions ที่เกิดขึ้นเพียงชั่วแวบเดียวเศษเสี้ยวไม่กี่วินาที หรือสะดุดระหว่างช่วงเปลี่ยนอารมณ์ Something Wrong มีอะไรบ้างอย่างผิดปกติหรือไม่ Leakage การรั่วไหลของปฏิกริยาที่ไม่ดีที่เกิดขึ้นกระทันหันโดยฉับพลัน เช่น หน้าผากย่นหยับ ขมวดคิ้ว จมูกย่น ปากแบะ มุ้ยปาก ยิ้มเยาะเย้ยมุมปาก มองดูหมิ่น เม้มริมฝีปาก ขบกัดริมฝีปาก ดูดริมฝีปาก กลืนน้ำลาย กัดขบฟันแน่นเห็นอาการเกร็งที่กรามคางและแก้ม เอามือแกะแคะเกาลูบสัมผัสปิด จมูก ตา ปาก เสยผม เกาหน้า ตากระตุก กระพริบตาถี่มากกว่าปกติ ปากสั่นระริก หายใจติดขัดหรือถี่มากขึ้น หน้าถอดสี สีหน้าเปลี่ยนเป็นแดง หรือหน้าซีด เป็นต้น อาการอื่น ๆ ที่ผิดปกติ ซึ่งไม่ใช่การแสดงอารมณ์หลัก ไม่ต่อเนื่องไม่สอดคล้องขัดกัน
  • Mask and Poker Face การใส่หน้ากาก แกล้งแสร้งทำ หรือ การปรามยับยั้งไม่ให้แสดงออก ทำหน้านิ่งเฉยไม่แยแส เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ความเป็นจริงมีความคิดความรู้สึกอีกอย่างอยู่ในจิตใจ แต่พยายามเก็บกดปราบปรามไม่ให้แสดงออกยังที่ควรจะเป็น ซึ่งเป็นการยากที่จะต่อสู้ความรู้สึกที่แท้จริงที่มีในสมองและจิตใจ มันจึงมีความขัดแย้งกันของ ความรู้สึกที่แท้จริง กับ สิ่งที่สร้างขึ้นมาเพื่อตบตาแกล้งทำ (สิ่งที่แสดงออกปกติจากระบบประสาทสมองสั่งการ กับ ใช้สมองอีกส่วนในการจิตนาการในสิ่งที่ต้องการแสดงหรือต้องการให้คนอื่นเห็นเป็นอีกอย่าง จึงเกิดการขัดแย้งกัน ส่งผลให้มีการรั่วไหล ขัดกันหลุดรอดออกมาให้เราได้เห็นเรียกว่า สิ่งผิดปกติที่ขัดกับอารมณ์ที่แท้จริง)
  • ถึงแม้คนบางคนจะมีการฝึกฝน หรือเตรียมตัวในการโกหกมาอย่างดี ก็จะมีอะไรบางอย่างปรากฏให้ได้เห็น เพราะคนเรามีนิสัยเฉพาะตัวที่ทำเป็นประจำโดยที่ตัวของเขาเองก็ไม่เคยนึกถึงหรือไม่สามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตัวของเขาเองไม่ได้  หรือนักแสดงเล่นละครยังไง ก็ยังมีความเป็นตัวตนของเขาหลงเหลืออยู่ในตัวละครที่เขาสวมบทบาทนั้น น้ำเสียง การเว้นวรรค ท่าทางบางอย่างของเขาก็ยังมีติดตัวไปกับตัวละครที่เขาแสดง เพราะนักแสดงสวมบทบาทให้เป็นคนนั้นในตัวละคร เขาเป็นผู้ตีความหมาย สื่อสารความคิดการกระทำของตัวละคร ผ่านมุมมองของเขาที่เป็นคนตีความให้เป็นเช่นนั้น ซึ่งยังมีความรู้สึกนึกคิดในตัวตนของเขาให้เราได้เห็นถ้าเราสังเกตดีดี จากผลงานในอดีตของนักแสดงคนนั้น ว่ามีความคล้ายคลึงกันในท่าทางการเดิน การเคลื่อนไหวของร่างกาย และสีหน้าบางอย่างที่เขาชอบทำบ่อย ๆ เป็นประจำในหนังเรื่องอื่นที่เขาเคย แสดงในอดีตมาเปรียบเทียบกับหนังปัจจุบันได้ ยังมีความเป็นตัวตนของเขาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะอยู่ให้เราได้เห็น (ไม่ขอยกตัวอย่างพาดพึงใครนะครับ)

                Micro Expressions and Leakage Emotions and Something Wrong การแสดงออกของอารมณ์ปลีกย่อย เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่รั่วไหลจากการฝืนปรามไม่ให้แสดงออกที่มีบางอย่างผิดปกติมีพิรุธที่ชอบมาพากลให้เห็น

                Stress: Discomfort, Anxiety, Dislike ความตึงเครียดอันเนื่องจากความไม่สบาย ไม่ปลอดภัย วิตกกังวล และไม่พอใจ ซึ่งมีอาการกริยาอย่างใดอย่างหนึ่งให้สังเกตเห็นได้

  • - ตาหรี่เล็กลง หลิ่วตามอง
  • - ขมวดคิ้ว ปลายคิ้วย่นหักแม้เพียงเล็กน้อย
  • - เม้มริมฝีปากเน้น
  • - ดูดริมฝีปากเข้าไปในปาก แล้วเม้ม
  • - ปากขยับ ขยับเอียงที่มุมปาก
  • - ขบฟัน ขบกรามแน่น จนเห็นรอยยับที่กระพุ้งแก้มตรงกราม
  • - ปากสั่น กระพือเคลื่อนไหวเล็กน้อย
  • - คางสั่ง กระตุก
  • - มุมปากกระตุก ขยายออกไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว

                Dislike or Disagreement

  • - ทำริมฝีปาก มุ้ย ย่น
  • - มุมปากยกขึ้นข้างหนึ่ง
  • - ตากลอกไปมา หลบสายตา มองบนอย่างรำคาญเหลืออด
  • - กระพริบตาบ่อยครั้งมากกว่าปกติ
  • - เปลือกตากปิด แล้วเปิดตาขึ้นอีกครั้ง
  • - หรี่ตามอง จ้องเขม็ง

                Relieve Stress บรรเทาความตึงเครียด

  • - กระพริบตาถี่
  • - โหนกแก้มเกร็ง
  • - ตากระตุก
  • - คางยื่นไปด้านหน้า หรือคางขยายไปด้านข้าง
  • - ขบเม้มลิ้น
  • - ดึงเสยผม
  • - ใช้มือจับ สัมผัส ลูบ ถู จมูก หรือตา

                ใบหน้าบ่งบอกอารมณ์ลบ Negative Emotions

รังเกียจเหยียดหยาม ดูหมิ่น อิจฉาริษยา

  • - ยิ้มเย้ยหยัน ยิ้มมุมปาก เม้มริมฝีปากแน่นยกขึ้นข้างหนึ่ง เห็นลักยิ้ม ทำให้เห็นรอยหยักที่แก้มใต้ตา ทำให้ตากหรี่เล็กลงข้างหนึ่ง
  • -  มองด้วยสายตาน่าสงสัย จ้องเขม็งด้วยสายตาดูถูก ดูแคลน
  • - ยกจมูกขึ้น ทำจมูกย่น จองหอง อวดดี
  • - ฝืนยิ้ม ไม่เป็นธรรมชาติ ฉีกยิ้มให้เห็นฟัน แก้มขยายออกด้านข้าง (แทนที่แก้มจะยกขึ้นเห็นตีกา)
  • - ยิ้มไปด้วย หรี่ตามอง ชำเลืองมองด้วยหางตา

                กลัว        โดยไม่มี การแสดงออกที่หน้าผาก รอยย่นยับที่หน้าผาก

                เศร้าเสียใจ โดยไม่มี การแสดงออกที่หน้าผาก และคิ้วไม่ตก

                มีความสุข ยิ้ม หัวเราะ ไม่มีริ้วรอยรอบดวงตา ไม่เห็นรอยตีนกา

                ให้ดูภาพรวมของการแสดงออกทางสีหน้า การแสดงออกของอารมณ์หลัก ความสอดคล้อง ต่อเนื่องลื่นไหล ในการเปลี่ยนอารมณ์จากอารมณ์หนึ่งไปสู่อีกอารมณ์หนึ่ง หรือกลับสู่หน้าปกติของเขา ว่ามีอะไรผิดปกติที่ขัดแย้งกับสิ่งที่เขาพูด หรือสิ่งที่เขาแสดงออกมาให้เราเห็น บางครั้งอาจมีอาการกริยาเล็กน้อยที่ไม่เกี่ยวกับการแสดงสีหน้าอารมณ์นั้นเลย แต่เขาหลุดกริยาที่ไม่พอใจออกมาให้เห็น เช่น ขยับมุมปาก, กันฟันแน่น, เลียมุมปาก,  หรี่ตาขมวดคิ้ว เป็นต้น

                บางคนอาจจะใส่หน้ากาก แสร้งแกล้งทำ หรือโกหก แต่ใบหน้าดวงตา จะไม่โกหก ถ้าเราสังเกตดีดี จะเห็นสิ่งที่ไม่ปกติที่ผิดแผกแตกต่างไปจากการแสดงออกที่เป็นธรรมชาติที่แท้จริง ถ้าเราฝึกฝนในการอ่านสีหน้าภาษาทางใบหน้า อย่างสม่ำเสมอ เป็นกิจวัตรประจำ และปรับการเรียนรู้ว่าสิ่งใด รูปแบบใดที่ มีความน่าจะเป็น เบาะแสสาเหตุใดที่ทำให้เราเห็นความผิดปกตินั้น และจับจุดพิรุธได้ ทำบ่อย ๆ จะเกิดความชำนาญทักษะที่พัฒนาความแม่นยำได้มากขึ้น แต่ต้องไม่เข้าข้างความคิดตนเองมากเกินไป ต้องผ่านการทดลอง พิสูจน์จนแน่ใจและมีวิธีการที่เหมาะสมกับตัวเรา จนกลายเป็นสัญชาตญาณในการจับโกหก หรือความไม่ชอบมาพากล หรือสิ่งที่ล่อลวงเราให้หลงกลเชื่อเขา ทั้งที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์มาเขาพูดความจริงแท้มากแค่ไหน เชื่อถือเขาได้เพียงใด ภาษาพูด กับ ภาษาทางใบหน้า สอดคล้อง เป็นเรื่องเดียวกันไหม ทำนอง เนื้อเรื่อง ตรงกันไหม เหมือนการ ดูหนัง เนื้อเรื่องกับเพลงประกอบ ไปในทางเดียวกันไหม

https://en.wikipedia.org/wiki/Microexpression

https://www.psychologytoday.com/us/blog/spycatcher/201112/body-language-vs-micro-expressions

หมายเลขบันทึก: 665045เขียนเมื่อ 8 สิงหาคม 2019 11:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 สิงหาคม 2019 09:25 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท