[review] รีวิว The Haunting of Hill House (2018) บ้านกระตุกวิญญาณ



[review] รีวิว The Haunting of Hill House (2018) บ้านกระตุกวิญญาณ สำหรับผมขอยกให้เป็นซีรีย์ ผีสยองขวัญจิตวิทยาที่ดีที่สุดของปี 2018 และเป็นซีรี่ย์แนวสยองขวัญที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยดูมา

"#ครอบครัวเราเหมือนมื้ออาหารที่มันยังกินไม่เสร็จ"

ไม่มีประโยชน์ไหนจะอธิบายหนังซีรีย์เรื่องนี้ได้ดีเท่ากับประโยคของ เครน ผู้พ่อที่ได้กล่าวนี้ได้เลย สิ่งแรกที่อยากจะพูดคือ "ผีจะเฮี้ยนไปไหน" ตามหลอกหลอนไป 20 ปี เรียกได้ว่าครอบครัวเครนเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านผีสิงเพียง 8 สัปดาห์ก็ทำให้เสียทรงไปตลอดชีวิต ทุกคนที่ดูภาพสดใสร่าเริงในวัยเด็ก เมื่อผ่านไปเป็น 20 ปีทุกคนเปลี่ยนบุคลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ แต่ละคนไม่มีใครจิตใจมั่นคงเลย ทุกคนต้องใช้ชีวิตด้วยการประกอบอาชีพซึ่งล้วนแล้วเกี่ยวข้องกับการบำบัดจิตตัวเอง หรือหาวิธีทำให้ให้ตัวเองลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นในบ้าน แต่มันไม่มีอะไรง่ายขนาดนั้น มันหลอกหลอนและยาวนานเหมือนไม่มีสิ้นสุด

The Haunting of Hill House กำกับโดย ไมค์ ฟลานาแกน ซึ่งเคยฝากผลงานสยองขวัญไว้เช่น Ouija, Before I Wake, Oculus แค่ 3 เรื่องนี้ก็การันตีได้ว่าวิธีการเล่าเรื่องหายห่วง การเล่นกับเรื่องของเวลาก็หายห่วงเช่นกัน มาครั้งนี้ ฟลานาแกน มีเวลาในการเล่าเรื่องมากขึ้น เชื่อได้เลยว่าเขาจะต้องปล่อยของอย่างสุดความสามารถ การันตีโดย imdb ให้ถึง 8.8 Rotten Tomatoes ฝั่งคนดูให้คะแนนความชอบถึง 91% ฝั่งนักวิจารณ์ให้คะแนนถึง 92%

The Haunting of Hill House เล่าถึงครอบครัวเครน ประกอบด้วยพ่อแม่และลูก 5 คน ได้ซื้อบ้านขนาดใหญ่เพื่อทำการซ่อมแซมหวังขายต่อเพื่อเอากำไร ทั้งครอบครัวจึงจำเป็นต้องเข้าไปอยู่ในบ้านที่พวกเขาเรียกว่า Hill House เพื่อทำการซ่อมแซมบ้าน ในระหว่างที่เข้าไปอยู่เริ่มต้นตั้งแต่คืนแรก เด็ก ๆ ก็เริ่มเห็นสิ่งผิดปกติ ได้ยินเสียงที่ไม่ควรได้ยิน แล้วก็ทวีความรุนแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ จนวันสุดท้ายในคืนของสัปดาห์ที่ 8 ทั้งครอบครัวก็ต้องหนีออกจากบ้านในช่วงกลางดึก แต่ไม่ได้นำแม่ออกจากบ้านด้วย หลังจากนั้นผ่านไป 20 ปี พี่น้องทั้ง 5 คนก็ใช้ชีวิตอยู่อย่างไม่ปกติ แล้ววันหนึ่งพี่น้องทั้ง 4 คนก็จะรับข่าวที่น่าตกใจคือน้องสาวคนเล็กของบ้านได้ตายจากไป ซีรีย์ทั้งหมดเป็นการเล่าเรื่องต่อจากจุดนี้ ว่าเกิดอะไรขึ้นในบ้าน Hill House ในคืนวันสุดท้ายพวกเขาทุกคนเจออะไรบ้างในบ้าน หลังจากหนีออกมาแล้วใช้ชีวิตอย่างไร และแก้ปมปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดของครอบครัวและของตนเองได้อย่างไร

แค่ตอนแรกก็นับว่าเอาคนดูอยู่หมัด บรรยากาศหลอกหลอนน่ากลัว มีฉากพีคถึง 3-4 ฉาก อย่างเช่นฉากที่พ่อพาลูก ๆ ออกจากบ้านโดยสั่งไม่ให้ลูกหันหลังกลับไปมอง สั่งนี้สร้างความงุนงงให้กับคนดูมาก แม้อยากจะรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นแต่คนดูเองก็แทบไม่อยากมองสิ่งที่อยู่เบื้องหลังที่พวกเขาต้องการหนีจากมัน อีกฉากหนึ่งในตอนแรกคือฉากจบของตอนขอไม่เล่าในที่นี้ เชื่อเถอะไม่มีใครเดาออกว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างนั้นได้เลย และฉากนี้ถือว่าทำได้ออกมาอย่างน่ากลัวมากๆ เมื่อดูจบตอนหนึ่งก็สร้างปมปัญหาในหัวสมองของเราได้หลายจุด จุดใหญ่ที่สุดของหนังก็คือเกิดอะไรขึ้นในบ้านหลังนี้กันแน่ โดยเฉพาะห้องประตูสีแดงที่ไม่มีกุญแจเปิดได้นั้นมีอะไรซ่อนอยู่

หลังจากนั้นตอนต่อ ๆ มาจะเป็นการเล่าเรื่องของแต่ละคนที่เจอเหตุการณ์ต่าง ๆ ในบ้านช่วงวัยเด็ก ซึ่งแต่ละคนเจอผีหรือเจอเหตุการณ์ผิดปกติแตกต่างกัน ซึ่งส่งผลมาถึงตอนโต เป็นการเล่าเรื่องตัดสลับช่วงเวลาแบบไม่เรียงลำดับ แสดงให้เห็นว่า อะไรบ้างที่เจอในวัยเด็ก เจอในมุมของแต่ละคนอย่างไร ซึ่งแต่ละคนหลอนต่อเนื่องทั้งชีวิต เรียกได้ว่าหลอกจนบ้านแตกเลยก็ว่าได้ และเมื่อถึงเวลาที่สรุปรวมกัน ก็เซอร์ไพรสคนดูมาก ๆ สามารถสรุปเรื่องได้ดังนี้

ตอน 1 เป็นการสร้างปมปัญหาใหญ่ และ 1 - 5 เล่าถึงรูปแบบวิถีชีวิตของแต่ละคนกลังจากออกจาก Hill House เล่าถึงผีที่เจอ เล่าถึงผลกระทบที่ทุกคนได้รับ เล่าถึงรอยร้าวในครอบครัวเครน รอยร้าวที่เปรียบได้กับบ้าน Hill house ที่ไม่อาจซ่อมแซมหรือแก้ไขได้ เปรียบได้กับครอบครัวเครนคือบ้านที่ใกล้พัง ถือว่าเป็น 5 ตอนที่ทรงพลังมาก มีความหนักหน่วงทางอารมณ์ มีความหนักหน่วงด้านเนื้อหา ตอนที่ 5 เป็นตอนที่พีคที่สุดในฐานะหนังผี

ตอน 6 ดีมาก ทั้งมุมกล้อง มี long take ที่ดีมาก เป็นสัญลักษณ์ที่ใช้แทนถึงระยะเวลาอันยาวนานที่หลายคนไม่เคยมาเจอแบบพร้อมหน้ากัน หรือแมนค่าของอารมณ์ ความรู้สึกที่หลายคนอัดอั้นตันใจมาอย่างยาวนานก็มาระเบิดในตอนนี้ ใช้สัญลักษณ์ดีมาก เล่าเหตุการณ์ 3 จุดสำคัญไว้ในตอนเดียวกันได้อย่างแนบเนียนดีมาก ผมถือว่าเป็นฉากและตอนที่ดีที่สุดของซีรีย์ชุดนี้

ตอนที่ 7-10 เป็นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนที่ 1 และเฉลยทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนที่ 1 ถึงตอนที่ 5 ไขความลับของบ้าน ไขความลับของห้องหลังประตูสีแดง และประสานรอบร้าวในครอบครัวเครน เปรียบได้กับการซ่อมแซมบ้านให้โครงสร้างกลับมาแข็งแรง เป็นการแก้ไขสิ่งที่ผิดให้ถูกต้อง ไม่ว่าสิ่งผิดนั้นจะเกี่ยวข้องกับบ้านเกี่ยวข้องความสัมพันธ์หรือเกี่ยวข้องกับความรักความเข้าใจต่าง ๆ ก็ตาม ไม่ว่าปมปัญหาใดที่เกิดขึ้นตั้งแต่ตอน 1 ถึงตอน 6 ก็สามารถสรุปได้อย่างลงตัว เคลียร์ทุกปมปัญหาได้อย่างหมดจด นำไปสู่การจบที่สวยงามและตราตรึงใจ

หลายฉากผีหลอกไม่รู้ตัว ผีซ่อนหลอก ผีแอบตามซอกตามมุม แบบไม่ต้องหายใจกันเลยทีเดียว จังหวะผีหลอกเด็ดขาดมาก โผลออกมาแต่ละครั้งเล่นเอาสะดุ้งตกใจ มุมกล้องของหนังนับว่าสำคัญมากสร้างความไม่ไว้วางใจอะไรเลย ไม่รู้ว่าอะไรจะโผล่มาตอนไหน สร้างความอึดอัดได้ดี สิ่งเหล่านี้สร้างบรรยากาศความน่ากลัวได้มากกว่าผีซะอีก ผมรู้สงสารน้องคนเล็กมาก เรียกได้ว่าเจอหนักสุด

ฉากตกใจมีไม่มากนักทั้งซีรีย์ มีประมาณ 5-6 จุด แต่แต่ละฉากนั้นใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงมากเช่นฉากผีคอหัก ฉากผีโผล่ในรถ

วางปมเรื่องและจุดคลายปมได้ชาญฉลาดมาก ผู้กำกับและคนเขียนบท รู้ว่าควรจะมัดปมไว้ตรงไหนแล้วไปคลายปมเวลาใด ลำดับเรื่องและเล่าเรื่องเก่งมาก ทุกฉาก ทุกภาพมีความหมายเชื่อมโยงไปสู่อีกเหตุการณ์หนึ่ง เรียกได้ว่าหากไม่ตั้งใจดูซึ่งบางฉากอาจคิดว่าไม่สำคัญนั้นอาจข้ามหัวใจสำคัญของหนังเลยก็ว่าได้

การเปลี่ยนฉากแต่ละฉากก็ทำได้อย่างมีชั้นเชิงมีศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนฉากด้วยภาพ ด้วยบทสนทนา ด้วยท่าทางการกระทำ หรือสิ่งของต่าง ๆ ล้วนเป็นการโยงแต่ละฉากเข้าหากันได้อย่างมีความหมายแนบเนียน ไม่ขัดอารมณ์

การลำดับเวลาของหนังหากดูใน 1 ถึง 3 ตอนแรกเหมือนจะยุ่งเหยิง เพราะเส้นเวลาไม่ได้เรียงลำดับ กระโดดไปข้างหน้าถอยหลังจะมาข้างหลังไปข้างหน้า จากกลางไปหลัง ข้ามไปข้ามมา แต่เมื่อดูไปเรื่อย ๆ แล้วเราจะสามารถลำดับเหตุการณ์เวลาได้และเข้าใจได้อย่างไม่ยาก การเล่าเส้นเรื่องของเวลาแบบไม่เรียงลำดับจึงนับว่าเป็นจุดเด่นที่สำคัญมากจุดหนึ่งของซีรี่ส์ชุดนี้ เรื่องของลำดับเวลาก็ได้นำไปพูดในช่วงของการเฉลยเรื่องทั้งหมดอีกด้วย

ต้องชื่นชมผู้กำกับและทีมงาน ที่แสดงฝีไม้ลายมือได้อย่างเฉียบขาด เนื่องจากเป็นซีรีย์ จึงมีเวลาในการเล่าเรื่องและใส่ลูกเล่นรายละเอียดได้อย่างเต็มที่ เช่นฉาก อุปกรณ์ประกอบฉาก การเล่าเรื่อง มุมกล้อง การสอดแทรกสิ่งต่าง ๆ เข้าไปในภาพ ฯลฯ ในระยะเวลาประมาณ 10 ชั่วโมงพวกเขาก็ไม่ได้ทำให้แต่ละนาทีเสียเปล่าเลย

แม้ว่าจะเป็นซีรีย์ที่มีความยากย้อนด้านลำดับเวลาสูงมาก การสร้างปมปัญหาเอาไว้มาก แต่ฟลานาแกนก็มีความเก่งกาจ ที่สามารถคุมเรื่อง บท จังหวะ เวลา อารมณ์ทั้งหมดเอาไว้ได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ เรียกได้ว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของเขาเลยทีเดียว

หนังเล่นกับการ "เชื่อ" "ไม่เชื่อ" ได้ดีมาก ๆ คนที่เจอก็เจอจนอยู่ไม่ได้ คนที่ไม่เจอก็ไม่ยอมเชื่อในสิ่งที่คนอื่นเจอ

ในด้านตัวละครนั้นทุกตัวมีมิติกลายมิติ มีความลึกทางอารมณ์สูงมาก นักแสดงทุกคนเล่นดีอย่างเหลือเชื่อ ผมชอบตัวละครฝั่งผู้หญิง ทุกคนถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกได้ดีเยี่ยม

หากจะให้สรุปเรื่องผีหลอกในบ้านหลังนี้ไล่มาจนถึงตอนโตของแต่ละคน เปรียบได้กับผีเหมือนคนดู ครอบครัวเครนเปรียบเสมือนหนังชั้นดีที่คนดูไม่อยากให้จบเร็ว ๆ หรือผีเปรียบเสมือนคน ครอบครัวเครนเปรียบเสมือนอาหารชั้นเลิศที่คนค่อย ๆ กินไม่อยาก

ให้หมดจาน หรือคนกินอาหารแบบไม่อิ่มสักที หรือ ผีเป็นนักต่อ Lego ที่มีความสนุกกับการต่อไปเรื่อย ๆ ไม่อยากต่อให้จบ คือการหลอกแบบมาราธอนไม่มีเส้นชัย หลอกหลอนดันให้ตายไปข้างหนึ่ง

ดูจบแล้วทำให้นึกถึงหนังเรื่อง IT ประเด็นผีหลอกเด็ก เรื่อง ลัดดาแลนด์ ประเด็นครอบครัวแตกร้าว เรื่อง Incident in a Ghost Land ประเด็นผีกับจิตวิทยา เรื่อง Inception ประเด็นการแยกระหว่างโลกแห่งความจริงกับโลกแห่งความฝัน แต่ The Haunting of Hill House เหนือชั้นกว่าทุกเรื่องในประเด็นการครบรส ทั้งสยองขวัญ ดราม่า ตื่นเต้น ตกใจ หวาดระแวง ครอบครัว เศร้า ความรัก ความรู้สึก ทั้งหมดอยู่ภายใต้การเล่าเรื่องอันชาญฉลาด

อาจจะมีข้อติดใจอยู่บ้างก็คงจะเป็นตอนที่ 9 เเละตอนที่ 10 ซึ่งเป็นตอนหัวใจสำคัญของบทสรุปของซีรีย์ชุดนี้ อยู่ดี ๆ ตัวละครหลายตัวก็มีคำพูดที่ฟังแล้วรู้สึกว่าเจ้าบทเจ้ากลอนผิดปกติ หลายประโยคหลายข้อความที่ส่งมาล้วนแต่เป็นการอุปมา อุปไมยวอธรการพูดโดยเปรียบเปรยต่าง ๆ ราวกับนักเขียนรางวัลโนเบลหรือกวีชั้นนำของโลกเลยทีเดียว ฟังแล้วรู้สึกไม่เป็นธรรมชาตินัก แต่นี่ก็ไม่ทำให้อรรถรสของซีรีย์ชุดนี้เสียไปเลย และผมก็ไม่ได้หักคะแนนจากจุดนี้อีกด้วย

กล่าวโดยสรุป The Haunting of Hill House เป็นหนังผีที่มีบรรยากาศยะเยือกมาก สร้างความสะเทือนและอารมณ์ใจคนดูมาก ให้อารมณ์เชิงลึกสูงมาก เป็นยิ่งกว่าหนังผี คือหนังที่แสดงถึงความสัมพันธ์ของครอบครัว คือหนังชีวิต คือหนังจิตวิทยา ใครยังไม่ได้ดู The Haunting of Hill House ไม่ควรเรียกว่าตัวเองเป็นแฟนพันธุ์แท้หนังผี ขอยกย่องทีมเขียนบท ทีมกำกับภาพ กำกับศิลป์ เพลงประกอบ ทีมงานทุกคนและโดยเฉพาะผู้กำกับที่เรียกได้ว่าเข้าขั้นเกือบอัจฉริยะเลยทีเดียว

10/10

วาทิน ศานติ์ สันติ

สถานีหนัง MovieStation

#รีวิวหนัง #รีวิวภาพยนตร์

#ภาพยนตร์สยองขวัญ #หนังผี

#ซีรีย์สยองขวัญ #ซีรีย์ผีที่น่ากลัวที่สุด

หมายเลขบันทึก: 662673เขียนเมื่อ 9 กรกฎาคม 2019 19:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 กรกฎาคม 2019 19:55 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท