พระเจดีย์กู้ชาติ.....ที่วัดอินทาราม


                วันก่อนมีโอกาสนั่งเรือหางยาวในคลองบางกอกใหญ่และขึ้นเรือที่ท่าเรือวัดอินทาราม มีความรู้สึกแตกต่างไปจากวันเดิมๆ ที่การเดินทางตามถนนหนทางมีแต่การจราจรติดขัด พอขึ้นจากเรือเดินผ่านโบสถ์เก่าและมองเห็นพระเจดีย์สององค๋ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ พร้อมมีป้ายบอกไว้ชัดเจนว่าเป็นพระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมอัฐิสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชและพระอัครมเหสีของพระองค์ ซึ่งบางท่านก็เรียกว่า พระเจดีย์กู้ชาติ เลยถือโอกาสเข้าไปกราบและสอบถามเรื่องราวได้ความว่า
                 วัดอินทารามแห่งนี้เปรียบเสมือนวัดประจำรัชกาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เนื่องด้ายทรงปฏิสังขรณ์ใหม่ทั้งพระอาราม และโปรดที่จะเสด็จมาทรงศีลบำเพ็ญกรรมฐาน เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคตใน พ.ศ. ๒๓๒๕ ได้อัญเชิญพระบรมราชอัฐิมาบรรจุ ณ พระเจดีย์เหลี่ยมย่อมุมยอดบัว หน้าพระอุโบสถเก่า ซึ่งบนหน้าบันพระวิหาร (พระอุโบสถเก่า) เจาะหน้าต่างใหญ่สะท้อนแบบแผนพระราชนิยมในสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปฉลองพระองค์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางตรัสรู้ ใต้องค์ประดิษฐานพระบรมราชสรีรังคารของสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ส่วนในพระวิหารน้อย หรือพระวิหารพระเจ้ากรุงธนบุรี ประดิษฐานพระแท่นบรรทม ซึ่งเคยทรงใช้ประทับทรงธรรมและทรงกรรมฐาน พระแท่นทำด้วยไม้ พนักแกะด้วยงาช้าง ลายพุดตานประกอบใบ ฝีมือประณีตงดงามมาก
                    นึกตำหนิตนเองว่าอยู่ใกล้เพียงแค่เดินข้ามถนนเทอดไท เข้าซอยเล็กน้อยก็ถึงโรงเรียนที่ตนเองสอนอยู่ เรายังไม่รู้เลยว่าพระบรมราชอัฐิของมหาราชผู้กู้ชาติไทยเรานั้นประทับอยู่ที่นี่ เพราะมัวแต่นึกถึงแต่พระบรมรูปของพระองค์ที่ทรงประทับอยู่ที่วงเวียนใหญ่เท่านั้นเอง หากมีโอกาสเมื่อไรคงต้องพานักเรียนมาศึกษานอกสถานที่และถวายความเคารพต่อพระองค์ท่าน กราบขอพรให้พระองค์ทรงปกป้องผืนแผ่นดินไทยให้มีแต่ความสงบร่มเย็น ผู้ใดเป็นพาลคิดทำลายชาติไม่ว่าจะด้วยวิธีการอย่างใดๆขอให้แพ้ภัยตนเองพบแต่ความวิบัติ โดยเฉียบและฉับพลัน ขอให้ผู้ที่มีความรักและปรารถนาดีต่อชาติบ้านเมืองจงประสบแต่ความสุข ความเจริญและสำเร็จในสิ่งที่ท่านปรารถนา
                     ชาติไทยเรานั้นเป็นชาติที่รักความสงบ ไม่ใคร่ชอบรุกรานบ้านเมืองผู้ใด แต่เมื่อใดมีศัตรูมารุกรานคนไทยเราก็จะรวมตัวกันต่อสู้กับข้าศึกศัตรู จนกระทั่งสามารถรวบรวมกันเป็นปึกแผ่นปกครองกันเองได้รับความสุขสบายโดยถ้วนหน้า แต่ด้วยนิสัยทำอะไรได้ตามใจคือไทยแท้ จึงไม่ค่อยยึดถือหลักกติกา รักง่ายหน่ายเร็ว แรกๆก็รักและยกย่องว่าดีเหมาะสม แต่นานวันเข้าก็พลันเกลียดชัง เบื่อหน่ายอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงซึ่งจะถูกหรือผิดกติกาก็ขอให้ได้ดังใจไว้ก่อน จึงทำให้เมืองไทยเสมือนว่าเดินหน้าไป ๓ ก้าว ถอยหลังเสีย ๒ ก้าว ก็ยังดีที่ไม่ย่ำเท้าอยู่กับที่ให้เพื่อนบ้านเขาหัวเราะเยาะเอา
                     ช่วงที่ลัทธิคอมมิวนิสต์กำลังแพร่ขยายในแหลมทองนั้นไทยเองก็ประสบชะตากรรมอย่างมากมาย ประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมากต่างต้องสังเวยชีวิตเพียงเพราะเขาบอกว่าจะมีชีวิตที่ดีกว่า ทหารหาญต้องพลีชีพเพื่อรักษาแผ่นดินผืนสุดท้ายของบรรพบุรุษ ไม่ให้เป็นเช่นชนชาติเพื่อนบ้านที่แม้แผ่นดินของตนเองก็ไม่มีจะอยู่ เมื่อคอมมิวนิสต์เข้าครอบครอง เวียตนาม ลาว กัมพูชา คนไทยเริ่มมองเห็นภัยที่มาใกล้ตัว พวกที่รักชาติแต่ปากเริ่มขยับขยายหาทางไปอยู่แผ่นดินอื่น เดชะพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินี สองพระองค์ยังทรงยืนหยัดอยู่เป็นมิ่งขวัญและกำลังใจให้กับประชาชนและเหล่าทหารหาญของพระองค์
                     หลายครั้งที่ทรงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนในเขตอันตราย ทรงรับทหารที่บาดเจ็บจากการสู้รบกลับสู่แนวหลังอย่างปลอดภัย ส่วนพี่น้องประชาชนคนไทยในแนวหลัง ก็รวมพลังสามัคคีส่งทั้งกำลังใจและสิ่งของคอยสนับสนุนทหารหาญในแนวหน้า เวลามีทหารเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบ ก็จะมีคณะต่างๆไปเยี่ยมและให้กำลังใจ แม้กระทั่งไปร่วมงานพระราชทานเพลิงศพของทหารหาญที่รัฐบาลจัดขึ้นทุกปี
                     เมื่อการคุกคามจากภัยคอมมิวนิสต์สงบลงบ้านเมืองกลับเป็นปกติสุข  แล้วก็เหมือนเดิมคนไทยลืมง่าย นักการเมืองได้กลับเข้ามาบริหารประเทศ  มีการอิจฉาริษยา ชิงดีชิงเด่น บ้านเมืองเหมือนอยู่ในวังวน แค่ผลประโยชน์ทางธุรกิจเล็กน้อยก็ยอมกันไม่ได้ ถึงกับเอาบ้านเมืองเป็นเดิมพัน งานที่เป็นประโยชน์สุขของคนส่วนใหญ่ ก็ไม่ตัดสินใจทำ จนกระทั่งส่งผลถึงน้ำท่วมบ้านเมืองเสียหายขนาดหนัก
                       แบ่งแยกดินแดน ฆ่าพระ ฆ่าครูและประชาชนผู้บริสุทธิ์ นักวิชาเกิน พวกNGO ก็ดีแต่พูดโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชน คนทำงานจะถูกกระชากลากถูขัดแข้งขัดขาอย่ำร่ำไป แล้วแผนปฏิบัติการที่เตรียมไว้เมื่อไรจะสำเร็จ ดีแต่พูดๆๆแล้วก็หลับอย่างสุขสบายอยู่ในบ้านของตนเอง ปล่อยให้พวกทหาร ข้าราชการและประชาชนในพื้นที่ต้องลำบากตรากตรำบ้านเมืองหาความสงบไม่ได้ พวกท่านทำเพื่อใครคงไม่ใช่เพื่อเมืองไทยเป็นแน่
                       ประชาชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ว่าจะนับถือศาสนาหรือลัทธิใด พวกเขาก็มีสิทธิในการอยู่บนแผ่นดินเกิดด้วยความปกติสุข มีสิทธิที่จะได้รับการศึกษาเล่าเรียนอย่างสนุกสนานและปลอดภัย เช่นเดียวกับเด็กไทยในภาคอื่นๆ และความหวังจะเป็นจริงได้หาก พ่อ-แม่ ผู้ปกครองให้ความร่วมมือกับทางราชการ เลิกกลัวและทำในสิ่งที่ควรกระทำ
                        ตราบใดที่ครูและประชาชนผู้บริสุทธิ์ยังถูกฆ่าเป็นรายวัน แล้วเมื่อไหร่แผ่นดินนี้จะสงบและเจริญเช่นเพื่อนบ้าน คิดหรือว่าผู้ก่อการจะนำเราท่านไปสู่ความหวังลมๆแล้งได้ เรามากราบขอพระบารมีสมเด็จพระเจ้าตากสินให้ทรงปกปักรักษาแผ่นดินไทยให้ปลอดภัย และให้กำลังใจคนในพื้นที่กันดีกว่าไม่ว่าจะเป็นทหาร ข้าราชการอื่นๆผู้ปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงชาวบ้านในสามจังหวัด ขอเชิญนักการเมือง นักวิชาเกิน และ NGO ออกมาช่วยกันเป็นผู้นำ ต่อต้านการฆ่ารายวันและคิดแบ่งแยกดินแดน เพื่อให้บ้านเมืองสงบร่มเย็นเหมือนดังเช่นเคยเป็นมา ทำเพื่อพวกพ้องและตนเองมามากแล้ว ทำเพื่อชาติสักครั้งก่อนตาย....จะได้ไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นคนไทย
             
                                                                     โดย  คนบ้านเดียวกัน


          

หมายเลขบันทึก: 66257เขียนเมื่อ 9 ธันวาคม 2006 19:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:41 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท