ความคิดคืออะไร


หลวงพ่อชาสอนประมาณว่า เธอคิดอย่างไร เธอก็มีการกระทำเช่นนั้น, เธอมีการกระทำอย่างไร เธอก็มีนิสัยอย่างนั้น, เธอมีนิสัยอย่างไร เธอก็ได้รับผลกรรมอย่างนั้น... ฉะนั้น ชีวิตเราทั้งชีวิตก็คือ ความคิดเป็นผู้กำหนด ความคิดเป็นผู้บงการ ความคิดเป็นเจ้านายเรา...เราเป็นทาส !

คำถามคือ จะดีแค่ไหน ถ้าเราเป็นเจ้านายความคิด นั่นหมายความว่า เราเป็นเจ้าของชีวิต เราเป็นผู้กำหนดชีวิต เราเป็นผู้บงการกรรมของตัวเอง  แหม มันก็ดีเยี่ยมน่ะซิ...

แต่..แต่..แต่ เดี๋ยวก่อน  ไอ้"เรา"  ไอ้ความคิดว่า "เรา" นี้  มันก็คือความคิดมิใช่หรือ  ...เรากำลังคิดว่าเรากำลังคิด !!!
นี่ เหมือนที่นักปราชญ์เดสการ์ต ชาวฝรั่งเศสกล่าว "ข้าพเจ้าคิด ดังนั้นข้าพเจ้าจึงมีอยู่"  ถ้าเราคิดว่า เราจะบงการชีวิตเราเอง แสดงว่าเรากำลังคิด  เราจะแน่ใจไหมว่า เราเป็นเจ้านายความคิดจริงๆ  เราจะมั่นใจไหมว่าที่เราไม่ใด้ถูกความคิดบงการมาให้คิดแบบนี้อีกที แบบคิดซ้อนคิด !!!

ดูเป็นความย้อนแย้งกันเหลือเกิน ระหว่างเราเป็นเจ้านายความคิด หรือว่าเราเป็นทาสถูกความคิดหลอกให้คิดเช่นนี้....!! อย่างกับหนัง Inception อะไรเทือกนั้น ... นี่ ได้คิดตามผม แล้วฉงนไหมครับ  

แล้วคำถามต่อมาคือ เราจะเป็นเจ้านายความคิดจริงๆ ได้อย่างไร

ผมว่าฝรั่งไม่รู้เรื่องนี้ ผมว่าเขาตอบไม่ได้ แต่ฝรั่งถ้ามาศึกษาปฏิบัติพุทธวิธี ฝึกสติจนจิตแยกตัวออกจากความคิดได้ จะรู้ และจะเห็นว่า สติ กับจิต กับความคิด และกาย เป็นคนละสิ่งกัน อีกทีนะครับ สติ, จิต, ความคิด, กาย 4 สิ่งนี้ เป็นคนละสิ่งกัน  ถ้าเราไม่ได้ฝึกฝนจิตให้เกิดญาณปัญญา เราจะไม่เห็น มันจะปนกันไปหมด

จิต จะเป็นตัวที่รับรู้ความรู้สึก ความรู้สึกนี่แหละจะชักนำความคิด  เรารู้สึกอย่างไร เราจะคิดอย่างนั้น เรียกว่าปรุงแต่ง เช่น เรารู้สึกไม่ชอบใครเราก็จะคิดแต่เรื่องลบๆ ของคนนั้น หรือกระทั่งสร้างเรื่องลบๆ เกี่ยวกับคนนั้นขึ้นมาได้เองแม้ไม่มีจริงก็มโนเองได้  แหน่ะ เห็นไม๊ รู้สึกอย่างไร ก็คิดอย่างนั้น  ความรู้สึกเป็นต้นเหตุของความคิด ในทางตรงกันข้ามถ้าชอบใคร ก็คิดเหตุผลดีๆ มาประกอบเยอะแยะ จนบางทีมองข้ามเรื่องเลวๆ ของคนๆ นั้นไปเลย  ...ถ้าโดนหลอกก็ไม่รู้ตัว นี่คืออิทธิพลของ ความรู้สึก 

ความรู้สึกนี้มักจะเกิดขึ้นจากกายก่อน เมื่อมีกายจึงมีความรู้สึก กายหมายถึงทั้งสัมผัส ได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้ลิ้มรส  รวมเป็นสัมผัสทั้ง 5 เช่น การดูคลิป ฟังเพลง กินอาหาร พอเกิดสัมผัสเราก็เกิดความรู้สึกอินไปกับมัน  ...ยังไม่พอ เรายังจำความรู้สึกนี้ไว้ใน ความจำ อีกด้วย พร้อมจะนึกกลับขึ้นมาเองได้อีก นึกถึงเรื่องต่างๆ แล้วเกิดอารมณ์ร่วม ทั้งดีและร้าย  กระบวนการที่เกิดจากกายไปสู่จิตเป็นขั้นเป็นตอนเหล่านี้ เรียกว่า ปฎิจสมุปบาท ผมไม่อธิบายนะ จะยาว และขี้เกียจด้วย

ส่วนสติ คือ ความนึกได้ รู้สึกตัว กลับมาอยู่กับปัจจุบัน เห็นว่าเรากำลังอยู่ในอิริยาบทไหน คิดอะไร รู้สึกอะไร เรียกว่า รู้เท่ารู้ความคิด  สติตัวจริงจะเงียบไม่พูด  ไม่พูดในหัว สติแท้ๆ จึงไม่ใช่ความคิด  ...ไม่ใช่คิดว่า ฉันมีสติ นั่นไม่ใช่ นั่นเป็นความคิดไม่ใช่สติ  หรืออาจเรียกว่า อนุสติ  สติน้อยๆ ยังไม่ใช่สติตัวจริง

การฝึกสติจนแยก จิต ความคิด ออกจากกันได้ เรียกว่าเกิด นามรูปปริเฉทญาณ 
นาม คือ จิต ความคิด (รวมถึงความจำ) เรามักเรียกว่า นามธรรม ,  รูป คือ กาย (สัมผัสทั้ง 5) เรียกว่ารูปธรรม,   ปริเฉทะ คือ การแยกออก,  ญาณ คือ ความรู้ที่เหนือกว่าปกติ  รวมเรียกว่า ความรู้ที่จิตเห็นการแบ่งแยกรูปกับนามออกจากกันได้ และแยกได้แม้กระทั่ง จิตกับความรู้สึก

เมื่อใดเกิดญาณชนิดนี้ เมื่อนั้นแหละ เราจะรู้จักชีวิตเราเป็นส่วนๆ แล้วเราจะรู้จักความคิดจริงๆ เราจะรู้กระบวนการที่มันเกิด มันปรุงแต่ง และมันบงการชีวิตเราอย่างไร แค่ไหน ตรงกับหัวเรื่อง "ความคิดคืออะไร"

ย้อนกลับไปที่คำถามว่า เราจะเป็นเจ้านายความคิดจริงๆ ได้อย่างไร ก็ต้องตอบว่า เริ่มต้นที่  เราก็ต้องรู้จักความคิดก่อน 

ก็โดยการฝึกจิต ฝึกสติ จนจิตเกิดญาณ แยกรูปแยกนามได้ นั่นแหละ  เราจึงจะรู้จักความคิดจริงๆ   ว่ามันมีกระบวนการอย่างไร ไม่ใช่แค่คิดเอา... ซึ่งจริงๆ แล้ว มันเป็นเรื่องที่อธิบายให้ฟังไม่ได้ มันช่างซับซ้อนเหลือเกิน  จะมาสอนกันแบบ Public ให้กระจ่างไม่ได้  ต้องฝึกจนรู้ด้วยตนเอง (ปัจจัตตัง) จึงจะเข้าใจอย่างลึกซึ้ง  ...และแน่นอน เมื่อเกิดญาณแล้ว เราก็รู้จักความคิด  ความคิดมันจะลากเราไปได้ยากขึ้น บงการชีวิตเราได้น้อยลง สรุปว่า เราก็เริ่มเป็นเจ้านายความคิดตั้งแต่บัดนั้น แล้วชีวิตก็จะถึงจุดยูเทิร์น จะเปลี่ยนไปในทางที่ดี 

เฮ้อ เขียนมายาว ไม่รู้จะเข้าใจกันหรือเปล่า ผมตั้งใจจะเขียนเรื่องแบบนี้มานานแล้ว แต่ก็เกรงว่าคนจะไม่เข้าใจ มันเขียนยากด้วย  จึงเก็บไว้นาน วันนี้เอาละวะ เขียนก็เขียน เอาจริงๆ ลึกๆ ไม่ได้คาดหวังว่าจะเข้าใจหรอกครับ  แต่หวังว่า ผู้อ่านจะเห็นความสำคัญของพุทธิวิธี ว่ามีความสำคัญต่อชีวิตขนาดไหน และหันมาฝึกตน ฝึกสติ  

โลกสมัยนี้คนมุ่งเน้นไปแต่ความร่ำรวย และชื่อเสียง มากเกินพอดี  จึงฝึกแต่ความคิดหาทางรวย  เรียนก็เรียนเพื่อจะทำมาหากินให้รวย  จะลงมือทำอะไรสักอย่างก็คิดแต่ว่า ทำแล้วได้เงินเท่าไหร่ ได้หน้าแค่ไหน คิดวนแต่เรื่องเหล่านี้ หรือมิฉะนั้นก็คิดแต่จะหาความสุขใส่ตัว  นั่นแหละ โดนความคิดมันบงการโดยไม่รู้ตัว  เราไม่ค่อยให้ความสำคัญกับชีวิตจิตใจตัวเอง ไม่ได้มีสติมองย้อนกลับเข้ามาในใจตัวเองว่า เฮ้ย มันเกิดอะไรขึ้นกับเราบ้าง นี่เรากำัลงเป็นทาสนะ ความคิดมันกำลังลากเราอยู่ ! ...

และนั่นแหละ มักจะรู้สึกตัวเมื่อสายเกินไป ...ตอนไหนเหรอที่ว่าสาย  ยามที่เราเครียดหนัก เจ็บป่วยหนัก และจะตายไง เราจึงรู้ว่า ไอ้ฮ่อกเอ้ย เพื่อนแท้ที่อยู่กับเราจริงๆ  คือ สติ สมาธิ และญาณปัญญา อยู่ที่จิตเรานี่เอง  หาใช่ไอ้สิ่งที่เราตะเกียกตะกายซื้อหา ไฝ่หาไว้ทั้งหมดไม่

เพราะโลกไม่สนใจ เราจึงตอบคำถามว่า ความคิดคืออะไร ไม่ได้ และไม่สนใจจะตอบด้วยล่ะ ... ทั้งๆ ที่มันบงการเราอยู่ ...จบดีกว่าเรา

คำสำคัญ (Tags): #ความคิด#สติ#ญาณ
หมายเลขบันทึก: 662257เขียนเมื่อ 25 มิถุนายน 2019 14:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 มิถุนายน 2019 15:00 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

-สวัสดีครับอาจารย์-ความคิด….คิดความ..นะครับ-ด้วยความระลึกถึงครับ

สวัสดีครับ คิดบนสติ สติอยู่บนคิด (ฺBeyond) ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท