อย่าเพียงแค่หลับตา แต่ให้เปิดใจรับสิ่งดีๆ ที่เข้ามาในชีวิต
.................................................
วันหนึ่ง ขณะที่ผู้เขียนเฝ้ามองวิถีชีวิตของผู้คน ที่เข้ามากราบสักการบูชา พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ณ บริเวณพระบรมธาตุไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี สิ่งที่ผู้เขียนสัมผัสได้ถึงผู้คนที่หลั่งไหลเข้ามา ณ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ แห่งนี้ ก็คือ... ความมุ่งมั่นในการทำสิ่งดีงามให้เกิดขึ้นในชีวิตของแต่ละบุคคล
ยิ่งเฝ้าดู..ก็ยิ่งสัมผัสซึ้ง..ถึงความดีความงามที่ซ่อนแอบอยู่ในใจของผู้คนเหล่านั้น. ใจมันดี ครับ!! กับความรู้สึกชื่นใจและภูมิใจที่ได้เห็นสิ่งเป็นมงคลของชีวิต
................................................
ผู้เขียนยืนชื่นชมอยู่อย่างนั้น..นานทีเดียว
................................................
จนกระทั่ง สายตาของผู้เขียนได้ไป สะดุดแว๊ป... อยู่กับชายหนุ่มคนหนึ่งครับ... ที่พยายามมองหาคนช่วยถ่ายภาพให้กับคณะที่มากราบสักการะและเยี่ยมชมพระบรมธาตุไชยา เพื่อตัวเขาเองจะได้เข้าร่วมถ่ายรูปกับหมู่คณะที่มาด้วยกัน และแล้ว..ชายหนุ่มคนนั้น เค้าก็ได้วิ่งไปขอความกรุณาจากสุภาพสตรีท่านหนึ่ง ที่กำลังยืนถ่ายรูปอยู่บริเวณใกล้เคียงกัน
...............................................
ผู้เขียนเห็นสุภาพสตรีท่านนั้น..เธอยิ้มให้กับชายหนุ่มคนนั้น พร้อมกับรับโทรศัพท์ที่ถ่ายรูปได้จากชายหนุ่มคนนั้น
..............................................
ผู้เขียนได้เห็นถึงความมีไมตรีจิตที่เธอหยิบยื่นให้
แต่แล้ว จู่ ๆ ก็มีเสียงเล็ดลอดมาจากข้างหลังของเธอ ( ซึ่งผู้เขียนคาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของเธอ ที่กำลังหรี่ตาเดินภาวนา รอบๆระเบียงวิหารพระบรมธาตุไชยาอยู่)
ใจความที่ผู้เขียนได้ยินความว่า “นี่เธอ!! เรากำลังเดินอธิษฐานภาวนากันอยู่นะ.. หากเธอถ่ายรูปให้เขา เดี๋ยวเธอก็ต้องเริ่มต้นเดินใหม่หรอก!! เสียงที่พูดออกมานั้นดังพอ ที่จะทำให้ผู้เขียนได้ยินอย่างชัดเจน จนกระทั่งคณะที่กำลังรอถ่ายรูปจากเธออยู่ เดินมาขอกล้องคืนจากเธอ เพื่อยุติการถ่ายภาพ นั้นอาจเป็นเพราะว่า... น้ำเสียงที่แสดงออกมาของเพื่อนหญิงของเธอนั้น บอกได้ครับว่า “เธอเพียงแค่หลับตาเดิน แต่มิได้เปิดใจรับสิ่งดี ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เหมือนกับสุภาพสตรีท่านนี้ที่เป็นเพื่อนของเธอเลย”
.............................................
สิ่งที่ผู้เขียน เขียนขึ้นมานี้ ทำให้ผู้เขียนนึกถึงคำสอนของท่านในวันนี้(29/5/62).. ที่ท่านพูดเอาไว้ครับว่า
“เราศรัทธาในพระพุทธศาสนาถือเป็นเรื่องที่ดีที่งามแล้ว แต่ต้องใช้ความศรัทธานั้นให้เป็น อย่าเพียงแค่นั่งหลับตา แต่ให้เปิดใจ ลืมตามองสิ่งรอบตัวที่เห็นสมควรทำ...ให้มันเกิดประโยชน์ทั้งต่อตัวเองและผู้อื่นด้วย” ท่านพูดไว้ประมาณนี้ ซึ่งทำให้ผู้เขียนย้อนกลับมาคิดถึงใจของคนเราครับ.. อย่ามองเพียงแค่ประโยชน์ของตนเอง จนลืมนึกถึงสิ่งที่เกื้อกูลให้เกิดประโยชน์ต่อผู้อื่นด้วย.. หากเราทำได้ก็จงทำ..."
..
กราบนมัสการ ..ขอบพระคุณข้อธรรมคำสอนของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่ท่านเมตตา... อบรมสั่งสอนผู้เขียนไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
ไม่มีความเห็น