ในการประชุม มีเอกสาร Parallel Session 4 Subtheme 2 : Institutional capacity and governance for strategic purchasing - a leverage for UHC ทำให้ผมนึกถึงชื่อบันทึกนี้
ที่จริงนี่คือเรื่องระบบการเงินเพื่อ UHC ที่มองอีกมุมหนึ่ง คือมุมของนักเศรษฐศาสตร์ มองว่ารัฐต้องใช้เงินซื้อบริการสุขภาพให้แก่ประชาชนอย่างชาญฉลาด เงินที่จ่ายไปต้องได้รับประโยชน์คุ้มค่า นี่คือที่มาของวิชาการด้าน HITA – Health Intervention and Technology Assessment ซึ่งถ้าไม่ระวัง บริษัทเอกชนที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีด้านการบำบัดรักษาใหม่ๆ ราคาแพงจะหาวิธีกดดันให้ประชาชนเรียกร้องให้รัฐต้องจ่ายเงินซื้อเทคโนโลยี ตามที่บริษัทตั้งราคา โดยอ้างว่าเป็นยาที่จะช่วยยื้อชีวิต ประเทศไทยมีประสบการณ์ในการต่อรองกับบริษัทยาข้ามชาติเหล่านั้น ที่เมื่อเราเสนอผลวิจัย HITA ว่าราคาที่บริษัทตั้ง สมมติว่าฉีดครั้งละ ๑๐,๐๐๐ บาท ไม่คุ้มกับผลลัพธ์ที่ได้ ราคาที่คุ้มค่าคือ ๑,๐๐๐ บาท บริษัทยอมลดราคาให้ทันที เพื่อให้ได้เข้าบัญชียาหลักแห่งชาติ
เรื่องฉลาดซื้อนี้ ก็เหมือนกับทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับระบบสุขภาพ มีความซับซ้อนหลายแง่หลายมุม รัฐจ่ายเงินเพื่อจัดระบบ P&P ให้แก่ประชาชน จะช่วยให้การเกิดความเจ็บป่วยลดลง เท่ากับการลงทุน P&P จะช่วยให้รัฐประหยัดเงินค่าใช้จ่ายในระบบสุขภาพในภาพรวม
ข้อความในย่อหน้าบน ต้องการ evidence เชิงประจักษ์ ผมจึงยุให้ สสส. ว่าจ้าง IHPP ให้ทำวิจัยหาหลักฐานดังกล่าว โดยหาทางร่วมมือกับ ญี่ปุ่น และอีกประเทศหนึ่งที่รายได้ต่ำกว่าไทย และมีการลงทุน P&P อย่างเป็นระบบเช่นเดียวกัน หลักฐานที่ต้องการสองอย่างคือ ความเจ็บป่วยลดลง และค่าใช้จ่ายลดลง เชื่อมโยงกับการลงทุนและดำเนินการ P&P
วิจารณ์ พานิช
๖ เม.ย. ๖๒
ไม่มีความเห็น