พรรคการเมืองไทยต่างคร่ำครวญ หลังจากที่รู้ผลเลือกตั้ง ที่ไปสนับสนุนทหาร


คำถามของนักการเมืองที่สนับสนุนประชาธิปไตยที่มีต่อผลการเลือกตั้งที่ช้าไปถึง 45 วัน

ทหารในประเทศไทยยังอยู่ในอำนาจหลังจากที่ผลการเลือกตั้งที่เป็นทางการช้าไปถึง 45 วัน ผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นตั้งคำถามถึงสูตรการคำนวณที่ซับซ้อนในการคิดเสียงโหวต

ประเทศไทยอยู่ในสภาวะที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ทางการเมือง (political limbo) เป็นเวลาถึง 6 สัปดาห์ ในขณะที่กกต. ยังไม่ประกาศผลที่เป็นทางการในการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม ปี 2019 การเลือกตั้งเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี เพราะเป็นก้าวสำคัญในการพาประเทศไปสู่ประชาธิปไตย หลังจากที่ทหารมาปกครองถึง 5 ปี

ผลการเลือกตั้งที่เป็นทางการที่ประกาศเมื่อวันพุธตอนเย็นบอกถึงแค่สภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น อันประกอบไปด้วย เพื่อไทย และพรรคที่สนับสนุนประชาธิปไตยอื่นๆ

อย่างไรก็ตามเพื่อไทยไม่สามารถจะตั้งรัฐบาลได้ เพราะมีเสียงไม่ถึง 250 เสียง ทำให้ไม่ได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร

1 สัปดาห์หลังการเลือกตั้ง เพื่อไทยและพรรคอื่นๆอีก 6 พรรคได้ประกาศเป็นรัฐบาลผสม เพราะมีเสียงถึง 255 เสียง แต่ผลการเลือกตั้งหลังจากที่ประกาศไปในวันพุธแสดงให้เห็นว่าพรรคเพื่อประชาธิปไตยได้เสียงเพียงแค่ 245 เสียงเท่านั้น

เพื่อไทยพยายามทุกวิถีทางที่ถูกกฎหมายในการท้าทายผลการเลือกตั้ง โดยการอธิบายว่าสูตรที่ซับซ้อนในการคิดนั้นต้องถูกกฎหมาย และไม่ขัดรัฐธรรมนูญ

พรรคที่เป็นตัวแทนของทหาร หรือพลังประชารัฐ ที่เข้าร่วมการเลือกตั้งด้วย เพราะอยากสืบทอดอำนาจ ได้เสียงมา 115

อย่างไรก็ตาม เนื่องมาจากว่ารัฐธรรมนูญร่างขึ้นมาโดยทหารในปี 2016 จึงให้ทหารมีอำนาจในการแต่งตั้งวุฒิสมาชิกจำนวน 250 คน ทั้งวุฒิสมาชิกและสภาผู้แทนราษฎรรวมกันตั้งนายกฯ ซึ่งหมายความว่าทหารต้องการเพียงแค่ 126 เสียงในสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น เพื่อนำทหารให้กลับมาสู่อำนาจอีกครั้ง ซึ่งก็เป็นประยุทธ์ จันทร์โอชา  

จะมีพรรคเล็กๆอีกหลายพรรคมีแนวโน้มที่จะเอาใจทหาร ซึ่งสามารถให้เสียงสนับสนุนให้ประยุทธ์ เป็นนายกฯได้อีกครั้ง พวกทหารก็กำลังดูที่พรรคการเมืองเล็กๆเหล่านี้เพื่อรวมเสียงให้ได้ถึง 250 เสียงเพื่อเป็นเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ที่ต้องทำแบบนี้เพื่อประยุทธ์จะได้ไม่ครองเสียงข้างน้อยที่ไม่มั่นคงจนไม่สามารถผ่านกฎหมายใดๆได้ และอาจอยู่เพียงแค่หลายสัปดาห์ หรือหลายเดือนเท่านั้น

ผู้นำพลังประชารัฐชื่อ อุตตม สาวนายน กล่าวในวันพุธว่า “พวกเราจะร่วมกับพรรคอื่นๆที่ร่วมอุดมการณ์เดียวกัน และสร้างรัฐบาลด้วยกัน”

มีหลายปัจจัยในการทำให้ความชอบธรรมในการเลือกตั้งและผลลดน้อยถอยลง อุบาย (tactics) ในการบอกผลที่ล่าช้าของกกต. (อย่าลืมว่าถูกแต่งตั้งโดยทหาร) ที่ประกาศผลที่ได้รับคำถามว่ากำลังซื้อเวลาในการบิดเบี้ยวคะแนนเสียงของพวกสนับสนุนประชาธิปไตยหรือไม่ ซึ่งได้รับเสียงสูงที่สุดและเป็นศัตรูกับทหาร

ยังมีคำถามเกี่ยวกับการจัดสรรรายชื่อนักการเมืองที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรี (Party list MPs) ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของไทย ตำแหน่งนายกฯจะได้รับโดยการเลือกในสภาผู้แทนราษฎร และระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วน

อย่างไรก็ตาม มันเริ่มมีความแจ่มชัดที่ว่าหลังจากการเลือกตั้งในเดือนมีนาคม และพวกกกต. ยังไม่ทำความเข้าใจ หรือยังไม่ตั้งสูตรการหารายชื่อผู้ที่เข้ามาเป็นรัฐมนตรี (Party lists) ซึ่งแน่นอนว่าย่อมก่อให้เกิดความสับสน และข้อกล่าวหาอีกมากมายที่เกี่ยวข้องกับว่าสูตรที่ใช้จะโน้มเอียงไปทางทหาร

สิ่งนี้เป็นกรณีศึกษาจริงๆ สูตรที่ใช้จะให้เสียงถึง 27 พรรคการเมือง ซึ่งเริ่มต้นจาก 71,000 ไปจนถึง 30,000 การให้รายชื่อผู้ที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีไปที่พรรคเล็กๆ ย่อมทำให้พรรคที่ได้คะแนน 71,000 สูญเสียคะแนนไป

หัวหน้ากกต. ชื่อ สมชัย แสวงการ ปฏิเสธว่าสูตรนั้นไม่ได้ยักยอกแต่ประการใด “พวกเราทำทุกสิ่งสอดคล้องกับกฎหมาย”

มีรายงานเรื่องกระบวนการเลือกตั้งที่มีแต่ความผิดปกติและฉ้อโกง รายงานนี้โดย the NGO Forces of Renewal for Southeast Asia ใช้วิธีการการกระจายปัญหาไปยังกลุ่มค้นเพื่อค้นหาคำตอบ และวิธีการในการแก้ปัญหาทางธุรกิจนั้นๆ (crowdsourced) ต่อมาได้ข้อมูลที่ถูกต้องโดยผู้ออกเสียงชาวไทย จนมาสู่สิ่งที่แรกว่าการฉ้อโกงอย่างเป็นระบบ (systematic fraud) ได้แก่ การจัดการที่ผิดพลาดของกกต. ซึ่งอาจเป็นร้อยหรือพัน, การนับจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ผิด, การแทรกแซงของทหารต่อผู้โหวตให้เลือกแต่พรรคของตนเอง, การซื้อเสียง, ความผิดปกติของกล่องเลือกตั้ง ทำให้เปิดผลการโหวตในวันเลือกตั้ง

รายงานพูดว่า จากเหตุการณ์ “ที่ได้แสดงถึงการฉ้อโฉงอย่างเป็นระบบ และความผิดปกติอื่นๆที่เกิดขึ้นในการเลือกตั้งปี 2019 ชี้ให้เห็นถึงความพยายามทุกวิถีและร่วมมือกันเพื่อให้ชัยชนะมาสู่มือของทหาร”

ผลการเลือกตั้งในวันพุธที่ผ่านแสดงให้เห็นว่าพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นพรรคสนับสนุนประชาธิปไตย มีนโยบายที่ก้าวหน้า เช่น ปฏิรูประบบทหารและรัฐธรรมนูญ ที่แสดงให้เห็นถึงโฉมหน้าใหม่ทางการเมือง สุดท้ายได้เข้ามาอันดับสาม ที่ 80 เสียง

ความสำเร็จของพรรคสั่นระบอบทหารเป็นอย่างยิ่ง เพราะตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม มีความพยายามอย่างหลากหลายวิธีในการกั้นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ชื่อธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพยายามทำให้เขาไม่มีคุณสมบัติเป็นผู้แทน ยังมีอีกหลายกรณีในการกีดกันเขา

การกล่าวในวันพุธ ธนาธร บอกกับสื่อมวลชนว่า พรรคอนาคตใหม่จะให้น้ำหนักแก่พรรคใดก็ตาม ที่กั้นประยุทธ์ไม่ให้เป็นนายกฯ เพื่อเห็นแก่ประชาธิปไตยจะได้ก้าวหน้าต่อไป

แปลและเรียบเรียงข้อมูลจาก

Hunnah Ellis-Petersen. Thai parties cry foul after election results favour military junta.

https://www.theguardian.com/world/2019/may/08/thai-parties-cry-foul-after-election-results-favour-military-junta

หมายเลขบันทึก: 661577เขียนเมื่อ 9 พฤษภาคม 2019 18:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 พฤษภาคม 2019 18:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท