ความจริงเป็นสิ่งมหัศจรรย์



หนังสือ The Magic of Reality : How We Know What’s Really True (2012) (1)  เขียนโดย Richard Dawkins (2)  นักชีววิทยาวิวัฒนาการ และนักเขียนที่ยิ่งใหญ่แห่งยุคปัจจุบัย 

สาระหลักของหนังสือเล่มนี้คือ การใช้เหตุผลเชิงวิทยาศาสตร์ (scientific reasoning)    เพื่อทำความเข้าใจความจริงด้วยตัวเราเอง    โดยที่สมัยโบราณเรายกกลไกกำหนดความจริงให้แก่พระเจ้า   

เริ่มต้นด้วยการบอกว่า คนเราต้องเรียนรู้ความจริงด้วยสัมผัสของเราเอง    โดยสัมผัสตรง หรือทางอ้อม    สัมผัสทางตรงอาจใช้ร่างกายของเราเอง หรือใช้เครื่องมือช่วยก็ได้    แต่เมื่อต้องการรู้หรือเข้าใจเรื่องในอดีต เราไม่มีทางสัมผัสตรง  ต้องใช้สัมผัสอ้อม หรือใช้ข้อมูลหลักฐานทางอ้อม    เช่นใช้หลักฐานจาก ฟอสซิล

อีกวิธีหนึ่ง ใช้ โมเดลทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีได้หลากหลายรูปแบบ เช่น โมเดลคณิตศาสตร์  โมเดลคอมพิวเตอร์  และโมเดลอื่นๆ    เป้าหมายของการคิดโมเดลขึ้นมา ก็เพื่อจะได้หาทางพิสูจน์ว่า โมเดลนั้นใช้ได้ผลในสถานการณ์จริงหรือไม่   การค้นพบที่ยิ่งใหญ่ทางวิทยาศาสตร์จำนวนมากได้จากการคิดโมเดลขึ้นก่อน แล้วพิสูจน์ความถูกต้องโดยการทดลอง      

มี “ความจริง” มากมายที่มนุษย์สัมผัสไม่ได้    ไม่เห็น ไม่ได้ยิน รับรู้ไม่ได้    แต่สิ่งมีชีวิตอื่นรับรู้ได้ เช่น สัตว์หลายชนิดมองเห็นในที่มืด    ค้างคาวบินในที่มืดได้ด้วยประสาทสัมผัสจากคลื่นเสียงความถี่สูง ฯลฯ    รวมทั้ง “ความจริง” อีกมากมาย     ที่มนุษย์รับรู้ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์    โดยนักวิทยาศาสตร์ค้นคว้าวิจัยเอามาเผยแพร่ และมีนักเทคโนโลยีนำ “ความจริง”  เหล่านั้นมาใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม    เช่นระบบอินเทอร์เน็ต  โทรศัพท์มือถือ    เหล่านี้เป็นผลจากการนำเอา “ความจริง” ที่มหัศจรรย์ มาใช้ประโยชน์ 

ความจริง ทางวิทยาศาสตร์ เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ (โดยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์) แต่มนุษย์ไม่ได้อยู่กับ “ความจริง” ที่พิสูจน์ได้เท่านั้น    ยังอยู่กับ “ความจริง” ที่ยังหาคำอธิบายไม่ได้ ด้วย    ฝรั่งเรียกว่าปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ (supernatural)    ที่คนจำนวนหนึ่งยกให้เป็นฝีมือของ “พระเจ้า”    แต่นักวิทยาศาสตร์บอกว่า เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่ในที่สุดวิทยาศาสตร์จะมีคำอธิบาย   แต่ตอนนี้ยังหาคำอธิบายไม่พบ           

วิจารณ์ พานิช

๑๖ ก.พ. ๖๒


หมายเลขบันทึก: 660623เขียนเมื่อ 21 มีนาคม 2019 20:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มีนาคม 2019 20:02 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

This “… แต่มนุษย์ไม่ได้อยู่กับ “ความจริง” ที่พิสูจน์ได้เท่านั้น ยังอยู่กับ “ความจริง” ที่ยังหาคำอธิบายไม่ได้ ด้วย ฝรั่งเรียกว่าปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ (supernatural) ที่คนจำนวนหนึ่งยกให้เป็นฝีมือของ “พระเจ้า” แต่นักวิทยาศาสตร์บอกว่า เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่ในที่สุดวิทยาศาสตร์จะมีคำอธิบาย แต่ตอนนี้ยังหาคำอธิบายไม่พบ…” when applied to ‘western medicine’ would raise a lot reactions (from western medicine fraternity) mostly against alternative/traditional medicine.

We have not, though we should, tried to find the boundary of (western) medicine, what at the frontier and what beyond the horizon. Bias against tradition (as old and unreliable) is common, even when admitting ‘placebo effect’. Is this a fallacy?

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท