ถามกันมาเยอะเรื่องฌาน
ตอบได้แต่ไม่รู้จะเข้าใจกันได้หรือเปล่า
ฌาน เป็นเรื่องของความรู้ สติ ปัญญา ระดับสูง
เป็นภาวนามยปัญญา และเป็น "ปัต
จัตตัง เวทิตัพโพ" รู้ได้เฉพาะตนเท่านั้น
ฌาน คือการฝึกฝนอบรมขัดเกลาจิตให้สงบ
มีสองแบบ แบบแรกเกิดฌานตอนทำสมาธิ
จิตสงบนิ่งอยู่กับสิ่งเดียว อารมณ์เดียว เช่น จิตรู้ลมหายใจเมื่อทำสมาธิ
ฌานแบบที่สอง จิตผ่านการฝึกฝนมาพอสมควร จึงนิ่งสงบอยู่ในอารมณ์เดียวตลอดเวลาหรือเกือบตลอดเวลา
ผู้มีฌาน ก็คือผู้มีสติอันดีเยี่ยม อันเกิดจากความสงบนิ่งของจิต อย่างเช่น ท่านผู้อ่านได้ไปวัดทำบุญ แล้วรู้สึกสงบ ความคิดความอ่านดีขึ้น สมองโล่งขึ้น เห็นผิดเห็นถูกชัดเจนและเข้าใจสิ่งต่างๆมากขึ้น เรียกได้ว่าเกิดฌาณหรือสมาธิมีกำลังขึ้นมาอ่อนๆชั่วคราว
แต่ไม่นานเมื่อความสงบหายไป สมาธิหมดกำลัง ความคิดอันวุ่นวายก็กลับมาอีก เพราะการทำบุญทำทาน ได้สมาธิเพียงขั้นได้ความปิติเท่านั้น และไม่ทรงตัว
ส่วนนักปฏิบัติผู้ฝึกสมาธิเมื่อผ่านขั้นปิติ สุข ไปได้
สมาธิละเอียดจนเกิด "เอกัคคตา"
จิตสงบนิ่งอยู่ในอารมณ์เดียว อย่างนี้เรียกว่า ฌาน
ฌาน นอกจากเป็นที่ดำรงของสติแล้วและยังแปลว่าความรู้ได้ด้วย เป็นฐานสติปัญญาความรู้ของพรหม ซึ่งละเอียดกว่าความรู้แบบภูมิของมนุษย์ เทวดา หรือปุถุชนทั่วไป
ความรู้แบบภูมิของคนทั่วไป
ไม่อาจทรงตัวอยู่ได้ตลอดเวลา หากคนผู้นั้นมีความยึดมั่นถือมั่นในตนสูง สติปัญญาความรู้ก็จะเสื่อมถอยลงไป อาจถึงขั้นขาดสติในการยับยั้งกิเลส จนเกิดความพลั้งพลาดขึ้นได้
หากแต่ความรู้แบบฌาณนั้นไม่เสื่อมถอย ในขณะผู้ปฏิบัตินั้นอยู่ในฌาน หรือทรงฌาณได้ตลอดเวลา แม้ในการใช้ชีวิตปกติ ก็จะมีสติคอยพิจารณาอยู่ตลอดเวลา
พระพุทธศานาแบ่งความละเอียดของสติปัญญาของสัตว์ไว้เป็นภูมิทั่วไปและฌานภูมิ รวมทั้งหมด ๓๑ ภูมิ
ผู้เขียนขออนุญาตใช้ลำดับของภูมิและฌาน
มาเป็นเครื่องแยกความละเอียดของสติดังนี้
กลุ่มที่ ๑ อบายภูมิ มี ๔ ภูมิ
๑.นรก
๒.อสูรกาย
๓.เดรัจฉาน
๔.เปรตวิสัย
ภูมิกลุ่มนี้เป็นที่ภูมิของสัตว์ชั้นต่ำ เป็นภูมิที่ไม่มีสติ มีปัญญาเพียงแค่ระดับสัญญาพื้นฐานจำได้หมายรู้
กลุ่มที่ ๒ กามภูมิ
เป็นกลุ่มภูมิของมนุษย์และเทวดา มี ๗ ภูมิ
๕.มนุสส
๖.จาตุมหาราชิกา
๗.ดาวดึงส์
๘.ยามา
๙.ดุสิต
๑๐.นิมมานรดี
๑๑.ปรมิตตวสวัตตี
มนุษย์เป็นภูมิความรู้หยาบที่สุดในกลุ่มกามภูมิ มีสติระดับพื้นฐาน มีปัญญาในการคิด แยกแยะ ไตร่ตรองเหตุผล เรียกว่า จินตมยปัญญา
สุดท้ายคือกลุ่มฌาน ความรู้สติปัญญาละเอียดกว่ากลุ่มภูมิมาก และไม่เสื่อมถอย
ฌานภูมิ เป็นที่อยู่ของพรหมผู้มีรูป ๑๖ ชั้น
และพรหมผู้ไม่มีรูปอีก ๔ ชั้น
ละเอียดกว่านี้จะเข้าสู่เขตพระอรหันต์ บริสุทธิ์และนิพพานต่อไป
หากจะให้เอาความรู้ขั้นฌานหรือภาวนามยปัญญา มาอธิบายแบบจินตมยปัญญา(ความรู้ทั่วไป) ก็ยากพอควรอยู่
เพราะความรู้แบบจินตมยปัญญา ภูมิความรู้ทั่วไป ใช้หลักการคิด วิเคราะห์เหตุผล ความน่าจะเป็นจากสิ่งที่รู้จัก
ซึ่งแตกต่างจากฌานอันเป็นการรู้แจ้งโดยไม่ใช้ความคิดหรือความเชื่อใดๆ
หากใครได้ปฏิบัติฝึกฝนตนเองจนได้ฌาน
มีสติปัญญารู้แจ้ง อำนาจของฌานไม่เสื่อม หากตายจากมนุษย์ก็จะต้องเป็นพรหมเพื่อรักษาระดับฌานต่อไป
สรุป
ภูมิคือความรู้ทั่วไป ไม่ว่าจะเล่าเรียนในระดับไหน ความรู้ก็ยังเป็นภูมิอยู่ เมื่อไหร่มีกิเลสความยึดมั่นมากจนความจำเสื่อมถอย ความรู้แบบภูมิก็เสื่อม จิตตกลงอบายภูมิได้เช่นกัน
ฌาน คือความรู้ของผู้ฝึกอบรมจิต มีสติปัญญาอันทรงพลัง รู้ความเป็นจริงของธรรมชาติทุกสรรพสิ่ง
.ธัมมานุสารี.
ไม่มีความเห็น