คลังคลอดมาตรการช่วยเหลือด้านหนี้สินผู้ประสบอุทกภัย


คลังคลอดมาตรการช่วยเหลือด้านหนี้สินผู้ประสบอุทกภัย
ลังคลอดมาตรการช่วยเหลือด้านหนี้สินผู้ประสบอุทกภัย

กระทรวงการคลัง เตรียมออกมาตรการให้ความช่วยเหลือด้านหนี้สินแก่ผู้ประสบอุทกภัย โดยธนาคารเฉพาะกิจของรัฐเน้นขยายระยะเวลาการชำระหนี้ และลดอัตราดอกเบี้ยให้ผู้ประสบภัย ขณะที่กรมธนารักษ์ยกเว้นการเก็บค่าเช่าที่ราชพัสดุ ด้านกรมสรรพากรขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการภาษีออกไป   นอกจากนี้ สมาคมธนาคารไทยยังประสานสถาบันการเงินสมาชิกเพื่อหามาตรการมาให้ความช่วยเหลืออีกด้วย

น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะรองประธานคณะอนุกรรมการให้ความช่วยเหลือ   ผู้ประสบอุทกภัยที่มีหนี้สินกับสถาบันการเงิน เปิดเผยถึงมาตรการให้ความช่วยเหลือด้านหนี้สินแก่ผู้ประสบอุทกภัย ว่า หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง ได้มีมาตรการต่าง ๆ ในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยในส่วนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กรณีเสียชีวิตจะจำหน่ายออกจากบัญชีเป็นหนี้สูญ หากไม่เสียชีวิตแต่ประสบภัยร้ายแรง สำหรับหนี้เงินกู้เดิมจะขยายระยะเวลาการชำระหนี้เป็นเวลา 3 ปี และงดคิดดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 ปี (ปีบัญชี 2549-2551)   ส่วนการให้เงินกู้ใหม่เพื่อฟื้นฟูการประกอบอาชีพและพัฒนาคุณภาพชีวิตจะให้กู้รายละไม่เกิน 30,000 บาท ลดดอกเบี้ยเงินกู้จากอัตราปกติที่เก็บจากเกษตรกร ร้อยละ 3 ต่อปีเป็นเวลาไม่เกิน 3 ปี สำหรับการกำหนดชำระหนี้เงินกู้ตามความสามารถในการชำระหนี้ของเกษตรกรจะลดหย่อนหลักประกันการกู้เงินจากหลักเกณฑ์ปกติ โดยกรณีกู้เงินโดยจำนองอสังหาริมทรัพย์เป็นประกันให้ขยายวงเงินกู้จากที่กู้ได้ไม่เกินครึ่งหนึ่งของวงเงินจดทะเบียนจำนอง เป็นให้กู้ได้ไม่เกินวงเงินจดทะเบียนจำนอง กรณีกู้เงินโดยใช้กลุ่มลูกค้ารับรองรับผิดชอบอย่างลูกหนี้ร่วมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ให้ขยายวงเงินในการประกันจากรายละไม่เกิน 150,000 บาท เป็นไม่เกิน 200,000 บาท

ด้านธนาคารออมสิน ลูกค้าสินเชื่อเคหะสินเชื่อโครงการธนาคารประชาชน และสินเชื่อธุรกิจห้องแถว ให้ความช่วยเหลือโดยปลอดชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลาไม่เกิน 6 เดือน กรณีมีผลกระทบรุนแรง      ให้ปลอดชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยได้เป็นเวลา 1 ปี เฉพาะลูกค้าสินเชื่อโครงการธนาคารประชาชน ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากร้อยละ 1.00 ต่อเดือน เป็นร้อยละ 0.50 ต่อเดือน สำหรับประชาชนทั่วไป ที่เป็นลูกค้าเดิม และลูกค้าใหม่ ให้กู้สินเชื่อบำรุงขวัญ เพื่อนำไปซ่อมแซมทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหาย หรือบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น ในวงเงินกู้สูงสุดไม่เกินรายละ 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MLR-1.75 ต่อปี โดยใช้บุคคลค้ำประกันจนสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2549

ขณะที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จะลดภาระหนี้ที่ผ่อนชำระโดยลดอัตราดอกเบี้ยให้เหลือร้อยละ 1 ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยในช่วง 6 เดือน ผู้กู้ผ่อนชำระเงินงวดเฉพาะดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี และหลังจาก 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยและเงินงวดเป็นไปตามสัญญาเดิม สำหรับเงินกู้เพื่อปลูกสร้าง หรือซ่อมแซม หรือปรับปรุงอาคาร หรือไถ่ถอนจำนองและซ่อมแซม/ปรับปรุงอาคาร จะให้กู้ไม่เกินร้อยละ 100 ของราคาประเมินค่าก่อสร้างอาคาร หรือค่าซ่อมแซม/ปรับปรุงอาคาร และคิดอัตราดอกเบี้ยปีแรกในอัตรา MRR-2 ต่อปี หลังจากนั้นคิดอัตราดอกเบี้ยประเภทลอยตัวพิเศษตามประกาศธนาคาร และกรณีอาคารที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายทั้งหลังจนไม่สามารถอยู่อาศัยได้ ธนาคารจะพิจารณาปลดภาระหนี้ เฉพาะภาระหนี้ตามยอดหนี้คงเหลือในส่วนของอาคาร โดยผู้กู้ผ่อนชำระหนี้ในส่วนของที่ดินคงเหลือ (ถ้ามี) ในอัตราดอกเบี้ยตามสัญญาเดิม    ทั้งนี้ กำหนดระยะเวลายื่นคำขอกู้สิ้นสุดวันที่ 29 ธันวาคม 2549 ระยะเวลาในการทำนิติกรรมสิ้นสุดวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2550

สำหรับมาตรการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์)   กรณีเป็นสถานประกอบการที่ได้รับความเสียหาย หรือได้รับผลกระทบ และส่งผลต่อการดำเนินกิจการจากเหตุภาวะอุทกภัย วาตภัย  และโคลนถล่ม จะพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้กับลูกค้าทุกราย ทุกชั้นหนี้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน สำหรับการให้สินเชื่อฉุกเฉินเพื่อฟื้นฟูกิจการสำหรับลูกค้าของ ธพว. วงเงินรายละไม่เกิน 500,000 บาท ระยะเวลาการกู้ยืมไม่เกิน 3 ปี ระยะเวลาปลอดการชำระคืนเงินต้นไม่เกิน 1 ปี  พิจารณาตามความเหมาะสมและความจำเป็นของลูกค้าแต่ละราย อัตราดอกเบี้ยเท่ากับ MLR ต่อปีตลอดอายุสัญญา หลักประกันเป็นไปตามเกณฑ์ของธนาคาร

ส่วนธนาคารกรุงไทย กรณีเป็นลูกหนี้เงินกู้ทั่วไปของธนาคารที่มีต้นเงินคงค้างต่ำกว่า 200,000 บาท หากเสียชีวิตในเหตุการณ์จะยกหนี้ให้ทั้งหมด ส่วนลูกหนี้ยังมีชีวิตให้ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปอีก 3 ปี มีระยะเวลาปลอดการชำระต้นเงินและดอกเบี้ย 1 ปี และปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ขณะที่ลูกหนี้ที่มีต้นเงินตั้งแต่ 200,000 บาทขึ้นไป ให้ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ตามที่เห็นสมควร ปลอดการชำระต้นเงินและดอกเบี้ย 6 เดือน ดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ รวมถึงเปิดโครงการลูกหนี้สินเชื่อกรุงไทยธนวัฏบรรเทาอุทกภัย (ยื่นได้ถึงวันที่ 29 ธันวาคม 2549) ลดอัตราดอกเบี้ยลง ร้อยละ 3 คิดในอัตรา MRR+0.5 ต่อปี เป็นระยะเวลา 3 เดือน นับแต่วันที่ลูกค้าทำสัญญากู้เงิน

บริษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (บสย.) พักการชำระค่าธรรมเนียมค้ำประกันเป็นระยะเวลา 6 เดือน สำหรับลูกค้าที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย และถึงกำหนดชำระค่าธรรมเนียมต่ออายุการค้ำประกันตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2549 ถึง 31 กรกฎาคม 2550   สำหรับลูกค้าของ บสย. ที่มีสถานประกอบการตั้งอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ 47 จังหวัด ยกเว้นในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก แพร่ น่าน และลำปาง ที่ได้มีมาตรการให้ความช่วยเหลือไปแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2549    สำหรับกิจการของลูกค้าได้รับผลกระทบโดยตรงจากอุทกภัย ทำให้กิจการได้รับความเสียหายจนไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ หรือดำเนินงานได้เพียงบางส่วน โดยพิจารณาความเสียหายที่แท้จริงและให้ความร่วมมือกับสถาบันการเงินที่ลูกค้าได้รับการค้ำประกันสินเชื่อจาก บสย. ในการผ่อนปรนเรื่องการพักชำระ รวมทั้งการปรับโครงสร้างหนี้เพื่อให้กิจการสามารถดำเนินต่อไปตามปกติ รวมถึงมาตรการค้ำประกันสินเชื่อเพิ่ม เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เป็นลูกหนี้เอ็นพีแอล เนื่องมาจากเหตุอุทกภัย และจะขอสินเชื่อเพิ่มเติมจากสถาบันการเงินเพื่อใช้ฟื้นฟูกิจการและธนาคารอิสลามให้การช่วยเหลือโดยพักชำระหนี้เป็นระยะเวลา 3 เดือน (เริ่มชำระในเดือนกุมภาพันธ์ 2550) ลดอัตรากำไรลงจากเดิม และขยายระยะเวลาการชำระ 

กรมธนารักษ์ ยกเว้นการเก็บค่าเช่าที่ราชพัสดุกรณีผู้เช่าที่ดินราชพัสดุเพื่ออยู่อาศัย อาคารที่พักอาศัยเสียหายบางส่วนเป็นเวลา 1 ปี และกรณีที่พักอาศัยเสียหายทั้งหลัง ยกเว้นการเก็บค่าเช่าเป็นเวลา 2 ปี กรณี    ผู้เช่าที่ดินราชพัสดุเพื่อประกอบการเกษตร หากพืชหรือผลผลิตได้รับความเสียหาย ยกเว้นการเก็บค่าเช่า 1 ปี ทั้งนี้ สามารถขอข้อมูลการรับรองความเสียหายจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง กรณีผู้เช่าอาคารราชพัสดุ ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยทำให้ผู้เช่าอาคารราชพัสดุไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ เป็นเวลาเกิน 3 วัน ให้ยกเว้น       การเรียกเก็บค่าเช่าเป็นเวลา 1 เดือน รวมถึงยกเว้นการคิดเงินเพิ่มตามระเบียบกระทรวงการคลังกรณีผู้เช่า    ไม่สามารถชำระค่าเช่า ค่าธรรมเนียมหรือเงินอื่นใดที่ต้องชำระภายในกำหนดระยะเวลา โดยเหตุมาจากการเกิดอุทกภัยดังกล่าว ซึ่งถือเป็นเหตุสุดวิสัย

กรมสรรพากร มีมาตรการให้ความช่วยเหลือที่ได้ดำเนินการไปแล้วโดยได้ขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการภาษีรวม 10 ประเภท ในท้องที่ที่เกิดอุทกภัยรวม 14 จังหวัด 85 อำเภอ  นอกจากนั้นจะได้เร่งรัดคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ดำเนินการค้ำประกัน และหรืออาวัลการชำระหนี้ของรัฐวิสาหกิจ และหรือสถาบันการเงินภาครัฐ ในวงเงินกู้ที่ ครม. อนุมัติในหลักการให้ดำเนินการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัย ในปี พ.ศ. 2549 ทั้งนี้ ภายใต้หลักเกณฑ์และกรอบวงเงินการค้ำประกันที่คณะกรรมการนโยบายและกำกับบริหารหนี้สาธารณะประกาศกำหนด (ถ้ามีผลบังคับใช้) และภายใต้มาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และกรมบัญชีกลาง อนุมัติให้ขยายวงเงินทดรองราชการ จาก 50 ล้านบาท เป็น 100 ล้านบาท โดยได้ดำเนินการไปแล้ว 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พิจิตร นครสวรรค์ อ่างทอง สิงห์บุรี นนทบุรี สุพรรณบุรี    และชัยนาท กรณีที่หน่วยงานจำเป็นต้องขออนุมัติขยายวงเงินทดรองราชการหรือขออนุมัติเบิกจ่ายเงินงบประมาณเป็นกรณีพิเศษ กรมบัญชีกลางจะเร่งพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 1 วันทำการ นับแต่วันที่ได้รับเอกสารข้อมูล   ที่ครบถ้วนและถูกต้อง

ส่วนสมาคมธนาคารไทย ประสานงานให้ธนาคารสมาชิกพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่เป็นลูกหนี้ของธนาคารสมาชิก โดยจะมีการกำหนดมาตรการช่วยเหลือ เช่น ผ่อนปรนเงื่อนไขการผ่อนชำระหนี้เงินกู้ ระยะเวลาปลอดการชำระคืนเงินต้น การลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ การอนุมัติสินเชื่อใหม่เพื่อฟื้นฟูกิจการ ฯลฯ

     ผู้จัดการออนไลน์  ข่าวหุ้น  สยามรัฐ บ้านเมือง  โพสต์ทูเดย์   7  ธ.ค.  2549
คำสำคัญ (Tags): #การคลัง
หมายเลขบันทึก: 66007เขียนเมื่อ 8 ธันวาคม 2006 12:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:39 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท