ประสบการณ์จาก patho-OTOP สู่ R2R


พี่แอบทำมาก่อนโดยไม่บอกให้ใครทราบ พอมีโครงการ patho-OTOP ก็เข้าจังหวะพอดีไม่ต้องแอบทำอีกต่อไป เพราะมันโครงการที่เป็นประโยชน์กับผู้ป่วยเป็นอย่างมาก ผมได้ฟังความคิดของพี่ตาแล้วรู้สึกว่า นี่แหละคือคนที่ทำงานเพื่อคนอื่นจริงๆ

วันก่อนได้มีโอกาสได้ไปเล่าเรื่องการทำเกี่ยวกับการพัฒนางานของเรา ที่เรียกว่า Patho- OTOP ให้คนอื่นฟัง อันที่จริงคนที่เล่าได้ดีกว่าผมคือ พี่ตา ณ โลหิต  แต่บังเอิญ พี่ตา ต้องใส่เฝือก(ตั้งแต่งานกีฬา sprot day ) ทำให้เดินลำบาก ผมเลยต้องเป็นมวยไปชกแทน แต่ถ้าพี่ตาไปเล่าเรื่องการทำโครงการ patho-OTOP ของพี่ตาจะทำให้นึกภาพได้ดีกว่าผมมาก เพราะพี่ตาเป็นคนตั้งใจทำงานและคิดพัฒนาแบบไม่หยุดอยู่กับที่ ขอชื่นชมด้วยใจจริงครับ สงสัยมั๊ยครับว่า ทำไมผมจึงรู้เรื่องของการทำโครงการ patho- OTOP ของกลุ่มพี่ตา เพราะผมเป็นคนสนใจเรื่องคนอื่น เออ ! ไม่ใช่ครับ พอดีเวลาอยู่เวรนอกเวลา (เวรดึก) ถ้ามีเวลาว่างก็จะพูดถึงเรื่องการทำงาน พี่ตาเล่าให้ผมฟัง ว่าโครงการที่พี่ตาทำนั้น พี่แอบทำมาก่อนโดยไม่บอกให้ใครทราบ พอมีโครงการ patho-OTOP ก็เข้าจังหวะพอดีไม่ต้องแอบทำอีกต่อไป เพราะมันโครงการที่เป็นประโยชน์กับผู้ป่วยเป็นอย่างมาก ผมได้ฟังความคิดของพี่ตาแล้วรู้สึกว่า นี่แหละคือคนที่ทำงานเพื่อคนอื่นจริงๆ

ผมทึ่งในความคิดของพี่ตามากเลยครับ   ที่นี้ผมกลับมานั่งคิด นอนคิด และยืนคิด(ฮิๆๆ)ว่าเราต้องนำเกร็ดความรู้ของพี่ตา มาใช้กับงานผมบ้าง ความคิดผมเลยบรรเจิดครับ สิ่งที่ได้ คือ

 เราสามารถนำ  tube ที่เจาะตรวจน้ำตาล(glucose)นั้นมาตรวจ หาระดับ BUN และ Creatinine  ได้หรือไม่ ถ้าได้ทำให้ไม่ต้องเจาะเลือดคนไข้เพิ่ม กรณีที่แพทย์ต้องการเพิ่ม lab 2 ตัวที่ว่ามาแล้ว แต่ตอนนี้ทำไม่ได้ติดเรื่องน้ำยาเพราะต้องซื้อ เลยต้องรอใหเเตรียมน้ำยาเองก่อนครับ   

วันนี้ได้คุยกับคุณศิริ(จอม project ) คุณศิริบอกว่า เขาก็คิดไว้เหมือนกันเลยแต่ความคิดของคุณศฺรินั้น บรรเจิดกว่าผมครับ คุณศิริ คิดจะทำทุก test เลย แล้วมาเปรียบเทียบ test ไหนที่ใช้ได้จริง ครับ สุดยอดไปเลย (ขอชมหน่อย) แต่มันติดที่งบประมาณครับ ถ้าทำทุก test ต้องใช้เงินค่อยข้างเยอะ แต่ที่ผมคิดคือ ที่ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งงบประมาณ โดยเตรียมน้ำยาเอง เรียกได้ว่า พอเพียง และทำได้จริง ครับ แต่ถ้าทำได้เหมือนที่คุณศิริคิด จะได้ประโยนช์มากกว่าที่ผมคิด (เก่งจริงๆไม่รู้แฟนใคร ขอชมหน่อย ฮิๆๆๆๆ)

หมายเลขบันทึก: 66004เขียนเมื่อ 8 ธันวาคม 2006 11:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:39 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
อ่านแล้วพูดไม่ออกเลยค่ะ นายดำ ได้แต่ยิ้ม
ดีใจจังนายดำชม นาน ๆ จะได้ยินสักกะเขาสักที เล่นเอาเราตัวลอยเดินไม่ติดพื้นเลย อ้อ ! ชื่นชมพี่ตาเหมือนกัน อยากบอกจากประสบการณ์ว่าหากเราผ่านงานวิจัยชิ้นแรกไปได้ ยิ่งกว่า "ยกภูเขาออกจากอก" ซะอีก และเรื่องดี ๆบรรเจิด จะรีบกันวิ่งมาซะจนไม่รู้ทำเรื่องไหนดี--อิ อิ โม้หน่อยน๊ะ แต่เชื่อขนมกินได้นิ ตอนนี้งานตัวเองเยอะเหลือเกินไม่มีเวลาทำงานวิจงวิจัยเลย ได้แต่คิดบรรเจิดไปงั้นแหละ --อิ อิ ไม่ใช่หรอกขอโม้อีก ผู้เขียนตั้งใจทำงานวิจัยปีละเรื่อง ปีนี้ตีพิมพ์ไปแล้ว เหลือก็แต่ปีหน้า เลยได้ใจมีเวลาอีกโข--อิ อิ การเขียนบันทึกทำให้เป็นคนขี้โม้ (เรื่องจริง)ได้แฮะ
แหม นี่ขนาดเพิ่งเถียงกันเรื่อง KM ล้นเกินกันไปหยกๆนะคะนี่ คู่นี้ มาชมกันใหม่แล้ว คุณศิริกับนายดำนี่เขาครอบครัวนักคิด นักทำจริงๆค่ะ
ผมดีกันแล้วครับ พี่โอ๋

     ที่ห้อง  lab ใช้หลอด NaF ตรวจ BUN, Cr มาตั้งนานแล้ว  ไม่มีปัญหา ( BUN ใช้ Ureaseและ Cr ใช้  Jaffy ของ Olympus)

      ถ้าใช้วิธีสอบถามจากlab อื่น ที่ใช้หลักการและน้ำยาเดียวกัน  แล้วมาลองทำดูที่ lab ตัวเองโดยใช้  n ไม่ต้องมาก (เพื่อไม่เป็นการเปลืองน้ำยา) ถ้าได้ค่าไมต่างกันก็น่าจะยอมรับได้?

       
 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท