บทความเรื่อง เงิน...ชีวิต



บทความเรื่อง  เงิน...ชีวิต

( โดย ) สอนลอ โสตุกี ( Sonelor Sotouki )

แปลโดย...อุทัย เอกสะพัง ( Uthai Eksaphang )

    หลายคนบอกว่า : เขาไม่มีเงิน , เงินเป็นบ่อเกิดแห่งความชั่วร้าย ,

บางคนบอกว่า เงินไม่สามารถซื้อความสุขได้ , แต่คุณสังเกตไหม , คนกล่าวอย่างนี้ 90 % ไม่ใช่คนมีเงิน . คนรวยไม่มีใครกล่าวอย่างนี้ให้ได้ยินแน่นอน “เงินไม่ได้เป็นบ่อเกิดแห่งความชั่วร้าย , ความจนนั้นละเป็นบ่อเกิดแห่งความชั่วร้าย “.

เงินคืออะไร..?

    หลายคนบอกว่า  เงินไม่สามารถซื้อความสุขได้...เงินไม่ใช่ทุกอย่าง  บางคนบอกว่าเขาไม่ชอบเงิน  เงินเป็นสิ่งที่ชั่วร้าย...เงินทำร้ายจิตใจและชีวิตของคน

หลายคนแขวนคอตายก็ด้วยเรื่องเงิน  บางคนเหมือนเลือกเกิดมาได้  เขาได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง  ไม่ต้องทำอะไร  นอนตื่นมาก็มีที่อยู่ที่กินเหลือเฟือ  ชีวิตแสนสบาย  ในขณะที่บางคน  ดิ้นรนใช้สติปัญญาและเรี่ยวแรงของตนทำหลายอย่าง  เพื่อความอยู่รอดไปวัน ๆ เท่านั้น  บางคนใช้แรงงานหนักหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินแต่ยังไม่พออยู่พอกิน

        ความจริงแล้วเงินไม่ใช่สิ่งที่ชั่วร้าย  ดังที่หลายคนคิดและเงินไม่ใช่พระเจ้า  เงินเป็นเพียงบางสิ่งที่สามารถใช้ในการแลกเปลี่ยนสิ่งของอยู่ในสังคมและเป็นสิ่งรับประกันความมั่งคั่งของชีวิตเท่านั้น

        ถ้าคุณคิดว่าเงินเป็นสิ่งที่ง่าย ๆ คุณก็จะได้เงินมาแบบง่าย ๆ  ถ้าคุณคิดว่าเงินเป็นสิ่งยาก  มันก็ยากที่คุณจะได้เงินมา  ถ้าคุณคิดว่าเงินเป็นสิ่งที่ชั่วร้าย...คุณจะไม่มีโอกาสได้เงินหรืออาจได้มาด้วยความชั่วร้าย

        ถ้าคุณบอกว่าเงินคำเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นและเจ้าไม่ได้แสวงหาเงินให้เต็มที่  คุณก็ไม่มีโอกาสที่จะสร้างความมั่งคั่ง  ให้กับตัวเองได้  เพราะคุณพยายามบอกตัวเองว่า  ไม่ต้องมีเงินให้มาก ๆ ก็ได้  คุณไม่เคยฝันเลยว่า  จะสร้างชีวิตตัวเองให้ร่ำรวย  คุณก็ได้แต่อยู่อย่างนั้น  อิจฉาคนอื่นอยู่อย่างนั้นไปวัน ๆ

        เงินไม่สามารถซื้อความสุขได้  ความสุขอยู่ที่ใจไม่มีเงินก็มีความสุขได้...จริงหรือไม่..?  ถ้าคุณตอบว่าใช่  ผมอยากให้ถามตัวเองว่า  คุณกล่าวถูกไหมหรือเป็นการแก้ตัวอย่างนั้นเอง

        คุณเคยสังเกตไหมว่า  คนที่ชอบพูดอย่างนี้ 90 %  ไม่ใช่คนมีเงินมาก  แล้วคุณเคยได้ยินคนรวยพูดแบบนี้ไหม..?  เงินไม่ได้เป็นบ่อเกิดแห่งความชั่วร้าย  ความจนนั้นละเป็นบ่อเกิดแห่งความชั่วร้ายแน่นอน  ผมเชื่อว่าคนมีเงินสามารถทำได้หลายอย่างกว่าคนที่ไม่มีเงิน 

ผมไม่ได้กล่าวดูถูกคน  ผมก็เป็นคนจน  ผมยิ่งมาจากบ้านนอก...แต่ผมคิดว่า  เราเลิกกล่าวอย่างนั้นซะ

        คุณอยู่ท้องนา  หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน  ไม่ได้ไปเที่ยวต่างประเทศ  ไม่ได้ไปรับประทานร้านอาหารดัง ๆ ไม่ได้ไปเที่ยวทะเล  ไม่เคยได้นอนโรงแรมดัง ๆ หรูหรา  คุณกล่าวว่าดีแล้ว  คุณว่ามีความสุขแล้วหรือ..?

        คุณลองเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ดูนะ  คุณมีเงินคุณอยู่ท้องนาก็ได้เหมือนกัน  คุณอยากไปเที่ยวต่างประเทศก็ไปได้  คุณไปพักผ่อนเที่ยวทะเล  นอนโรงแรมหรูกินอาหารอร่อยก็ได้แน่นอน  คุณต้องมีความสุขกว่าใช่หรือไม่..?

        สรุป  คนมีเงินสามารถทำได้หลายอย่างกว่าคนไม่มีเงิน  ถ้าคุณเป็นคนมีเงินมากและคุณรู้จักวิธีการบริหารเงินของคุณให้ดีแล้วแน่นอนคุณต้องมีความสุขกว่า  เงินและชีวิตมันสัมพันธ์กันมีหลายอย่างที่คล้ายคลึงกันเงินและชีวิตล้วนแต่เป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมา  เราต้องดูแลรักษาให้ดี  เลี้ยงดูให้มีความเจริญเติบโตเป็นอย่างดี  เพื่อต่อไปในวันข้างหน้า  เมื่อเราอ่อนแรงลงแล้ว  เงินเหล่านั้นจะสามารถมาตอบแทนเราดูแลเราเสริมชีวิตได้

        นักการเงินได้แบ่งช่วงการสร้างชีวิตและช่วงการสร้างเงินของเราออกเป็น 3 ช่วงเวลาซึ่งมีความแตกต่างกันคือ

ช่วงที่ 1 ช่วงก่อสร้างตัว

        เงินก็เปรียบเหมือนกับเด็กน้อยเกิดใหม่ที่คุณต้องได้ดูแลอย่างใกล้ชิด  เพื่อให้เด็กมีรากฐานที่แข็งแรง  เช่นเดียวกันกับเงินที่ทุกคนต้องได้วางแผนควบคุมการใช้จ่ายให้ดี

ช่วงที่ 2  ช่วงสะสมความมั่งมี

        หากเรามีการวางแผนควบคุมการเงินที่ดีความมั่งมีก็ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น  เพราะหากเราดูแลช่วงนี้เป็นอย่างดีเงินของเราจะสะสมให้เพิ่มพูนขึ้นเหมือนกันกับเด็กในวัยเรียนที่ต้องเรียน  เพื่อเก็บเกี่ยวสะสมความรู้ไว้  เพื่อนำไปใช้ในอนาคต

ช่วงที่ 3  คือช่วงรักษาความมั่นคง

        เมื่อเงินของเรามีรากฐานที่ดีแล้ว  เงินก็สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวและเพิ่มพูนขึ้นมาได้เอง  เงินที่เรามีสามารถสร้างผลตอบแทนเองได้โดยเราไม่ต้องไปออกแรงเพื่อสร้างเงินแล้ว

ตัวอย่าง

        เงินปันผลจากการซื้อหุ้น  เงินเก็บหรือกำไรจากการลงทุนในอสังหาริมะทรัพย์  ผลตอบแทนจากการลงทุนกับสถาบันการเงินต่าง ๆ ในช่วงนั้นคุณมีโอกาสจะได้เป็นอิสระภาพทางด้านการเงินเท่ากันกับคนในวัยทำงาน

        เมื่อเราสะสมความรู้ให้เด็กมาได้ระดับหนึ่งเขาสามารถเข้าทำงานและเลี้ยงดูเขาเองได้เช่นกัน  เงินและชีวิตมีจุดที่เหมือนกันแต่มันก็มีจุดที่ต่างกันเช่นกัน  เงินและชีวิตต่างกันอยู่ที่ว่าเงินไม่ตายเหมือนคน  ถึงแม้ว่าชีวิตเราจะสลายไปแต่เงินของเราก็ยังอยู่เพื่อลูกหลาน

        ฉะนั้น  อย่าลืมดูแลเงินเพื่อให้เงินกลับมาดูแลเรา  ก่อนที่จะช้าเกินไป  อย่าให้ชีวิตของคุณก้าวล่วงหน้าไปกว่าชีวิตของเงิน  ถ้าเป็นเช่นนั้น  เงินจะไม่ดูแลคุณนะ  สิ่งที่น่ายินดีคือตายโดยที่ใช้เงินไม่หมด  สิ่งที่น่าสลดสังเวชใจคือเงินหมดแต่ยังไม่ทันตาย

        มีหลายคนเคยกล่าวว่า...รวยขนาดไหนก็ตามตายไปแล้วก็เอาไปด้วยไม่ได้ดอก  นี่เป็นคำกล่าวของคนเห็นแก่ตัว  สำหรับผมแล้วผมอาจจะทุกข์ในตอนนี้แต่ผมจะไม่ยอมให้บั้นปลายชีวิตเป็นคือตอนท้ายของประโยคข้างบนนี้เด็ดขาด  ผมไม่สามารถรู้ได้เลยว่าอนาคตผมจะรวย 100 % แต่สิ่งที่เรารู้คือผมต้องแก่ชราแน่นอน...ผมเคยสงสัยมาตลอดว่าทำไมหลายคนจึงไม่ยอมทำงานหนักตอนยังหนุ่ม  เก็บเงินไว้ตอนยังหนุ่มเพื่อสามารถนำเงินก้อนนั้นไปทำการลงทุนต่อยอดตอนอายุ 40 ปีขึ้นไป  แต่เขากลับไปทำงานตอนอายุ 40 ปีขึ้นไปแล้ว  ผมคิดว่า  ตอนนั้นร่างกายเราคงถึงจุดสูงสุดแล้ว  เราจะเริ่มอ่อนแรงและต้องการพักผ่อนมากขึ้น  ในตอนที่ยังมีแรงอยู่  เพื่อเราจะได้พักผ่อนในยามแก่ชรา.

...........................................................

ปล. ทดสอบแปลภาษาลาว ขอบคุณอาจารย์ภูผา มอบหนังสือเล่มนี้ให้มา ประเทืองปัญญาดีจัง...

หมายเลขบันทึก: 659746เขียนเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2019 15:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2019 15:08 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท