๗๘๓. พี่ฟ้าคราม...ถูกเลี้ยงแบบ ๓ Rs ๔ Cs


พี่ฟ้าคราม...ถูกเลี้ยงแบบ ๓ Rs ๔ Cs

๓Rs ๔Cs คือ ๓ รู้ ๔ การ...เป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญในศตวรรษที่ ๒๑ ได้แก่

๑. รู้ภาษา     ๒. รู้คณิต     ๓. รู้ ICT    และ ๔ การ ได้แก่ ๑. การคิดแบบมีวิจารณญาณ   ๒. การสื่อสาร      ๓. การทำงานร่วมกัน    ๔. การสร้างสรรค์

นี่คือ หลักของทักษะพื้นฐานของคนในศตวรรษที่ ๒๑...ซึ่งในความจริง เมื่ออ่านเกี่ยวกับ ๓ Rs ๔Cs แล้ว ผู้เขียนได้กลับมามองดูที่ครอบครัวของผู้เขียนเอง...โดยครอบครัวของผู้เขียนก็ใช้ชีวิตแบบนี้มาก่อนแล้ว ยังรู้สึกดีใจ ที่ภาครัฐทางการศึกษา มองเช่นเดียวกับครอบครัวของผู้เขียน...เริ่มต้นจากปู่เรของพี่ฟ้าคราม แม้ว่าจะไม่ได้จบปริญญากับเขา แต่ปู่เรได้ศึกษา เรียนรู้ด้วยวิธีอ่านหนังสือต่าง ๆ มากมาย เอาชีวิตรอดมาได้จากการทำงานรับราชการ...ข้อดีของปู่เร คือ เป็นคนที่พิมพ์ดีดเร็วมาก และพิมพ์แบบสัมผัส เพราะสมัยก่อนไม่มีคอมพิวเตอร์ มีพิมพ์ดีดใช้ในสำนักงาน...ปู่เรจึงเป็นคนพิมพ์หนังสือเก่งมาก...ปู่เรเป็นคนมีความจำดีมาก แม้จะเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่มัธยม แต่ปู่เรก็ยังสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างดีเยี่ยม มาบัดนี้ คราวใดที่เห็นชาวต่างชาติ...ปู่เรจะเข้าไปคุยด้วย ฉันกัลยาณมิตร...

ต่อมาสมัยคอมพิวเตอร์ ปู่เรก็จะเรียนรู้คอมพิวเตอร์ด้วยตนเอง รู้เกี่ยวกับการใช้โปรแกรม เพราะปู่สนใจมาก...ปู่เรจะมีความคิดสร้างสรรค์ มีการวางแผนให้กับครอบครัว...การใช้ชีวิตที่ไม่ประมาท การทำการใด ปู่เรจะมีการคิด วิเคราะห์ให้ดีเสียก่อนจึงจะตัดสินใจ...มีการพูดคุยกับคนภายในครอบครัว หากความคิดไม่ตรงกัน พูดคุยกันด้วยเหตุด้วยผล จึงทำให้เห็นว่า ครอบครัวของเราเป็นครอบครัวที่ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน...ความคิดไม่ตรงกัน ก็จะหันหน้าคุยกันด้วยเหตุด้วยผล...เราทำกันมาแบบนี้ ตั้งแต่รู้จักกันสมัยสาว ๆ หนุ่ม ๆ...

ในการใช้จ่ายเงิน เราจะแบ่งแยกกัน ไม่ยุ่งกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไว้ใจกัน ต่างคนต่างหา แต่ถ้าพูดถึงครอบครัว เราจะมาช่วยดูแลกัน...เราใช้ชีวิตกันแบบนี้มาเกือบ ๓๗ ปี ที่เป็นแบบนี้ เราจะไม่ยุ่ง วุ่นวายกันเรื่องเงิน เรียกว่า "เงินคนละกระเป๋า"...แต่หากเมื่อใดมีเรื่องส่วนรวม คือ เป็นภาพรวมของครอบครัว เช่น ซื้อบ้าน ซื้อที่ดิน ซื้อรถยนต์ เราจะนำเงินมาแชร์กัน เป็นกองกลาง...นี่คือ ชีวิตของพวกเรา...บางคนถามว่า ไม่มีปัญหารึ?...ขอบอกได้เลยว่า "ไม่มีปัญหา" เพราะทุกเรื่องเราจะพูดคุยกันตลอดเวลา มีอะไรที่จะมีปัญหา เราจะบอกกันก่อนให้เข้าใจ ให้รับรู้ถึงว่ากำลังจะมีปัญหา...สุดท้ายเรื่องนั้น ๆ ก็ผ่านพ้นไป

ครอบครัวของเราจะชอบวางแผนกันก่อน ไม่ว่าแผนการดำรงชีวิต แผนงาน แผนเงิน ฯลฯ...เรียกว่า สร้างเป้าหมายไว้ก่อน แล้วเราจึงเดินตามแผนนั้น เหตุอาจเป็นเพราะว่า พวกเราอ่านหนังสือมาก ส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือเรื่องของการทำงานมากกว่า เพราะเราจะนำเรื่องต่าง ๆ ที่อ่านนำมาบูรณาการ ปรับปรุงและประยุกต์ให้เข้ากับตัวของเรา...พวกเราจึงไม่ค่อยมีปัญหากัน...มีอีกเรื่องหนึ่งที่ปู่เรจะชอบอ่านหนังสือ ท่านอ่านเรื่องสามก๊ก เป็น ๑๐ รอบ...มีคนบอกว่าอ่านแค่ ๓ รอบ ก็คบไม่ได้แล้ว แต่ขอบอก...ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลมากกว่า เพราะเรื่องสามก๊ก เป็นเรื่องของการบริหารจัดการ โดยเฉพาะคน หากนำมาใช้กับคนอื่น จะทำให้ดูเป็นคนมีเล่ห์เหลี่ยม...แต่ปู่เรที่ผู้่เขียนคบมา ไม่เคยมีเล่ห์เหลี่ยมกับใคร มีแต่เป็นคนระมัดระวัง คิดมาก กว่าจะจ่ายเงิน คริ ๆ ๆ เรียกว่า "ขี้เหนียว"...อาจเป็นเพราะตอนเล็ก ๆ ปู่เรลำบาก จึงทำให้ต้องเก็บเงินไว้ใช้จ่ายตอนโต...ปู่เรจะอยู่แบบเศรษฐกิจพอเพียงมาตั้งแต่เล็ก เช่น ปลูกต้นไม้ ปลูกพืช ผัก สวนครัว...ข้อดีของปู่เร เป็นคนตระหนี่ก็จริง แต่เป็นคนชอบเก็บเงิน เรียกว่า ไม่ค่อยใช้เงิน สมกับคำว่า "เศรษฐกิจพอเพียง"

ความคิดของครอบครัวของเรา เป็นความคิดแบบสร้างสรรค์ ชอบสังเคราะห์ วิเคราะห์ เศรษฐกิจ การเมือง สังคม โลก...ตอนเช้าเวลาดื่มกาแฟ หรือกินข้าวร่วมกัน เราจะพูดคุย ถึงเรื่องนี้ รวมถึงกับชีวิตแต่ละวันของพวกเรา...ทำให้พวกเราเป็นคนวิเคราะห์คนเป็น เรียกว่า ดูคนออก บอกคนเป็น...พวกเราจะสอนลูก ๆ ของเราให้มีความคิดแบบนี้ ให้ช่วยสังคมได้ หากมีโอกาส ไม่เอาเปรียบคนอื่น คิดแต่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน อาจเนื่องมาจากส่วนตนเราสามารถบริหารจัดการกันได้แล้ว เราจึงไม่เดือดร้อน...มีอะไรแบ่งปันสังคมได้ก็จะทำ เรียกว่า ทำแล้วครอบครัวของเราไม่เดือดร้อน...หากมีความรู้ก็จะแบ่งปันในสิ่งที่เรารู้ ซึ่งคนที่ได้ไปอาจไม่ทำตามครอบครัวของเราก็ได้ แล้วแต่ตัวของพวกเขาเอง...

ครอบครัวของเราจะคิดในเชิงบวกกันมากกว่า...เพราะพวกเราไม่ค่อยได้ว่าใครหากเราอยู่รวมกัน เราจะพูดคุย ถึงสิ่งที่ทำให้ใจเรามีความสุข หัวเราะต่อกระซิกกับคนภายในครอบครัว...อาจารย์ภัคร (เจ้าลูกชายคนโต) ยังบอกว่า "ครอบครัวของเราอบอุ่น" ถึงแม้จะไม่ร่ำรวยเช่นคนอื่น แต่เราจะมีภูมิคุ้มกันทางใจที่ดีมาก ๆ...

สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ที่ครอบครัวของเรามี...เราได้ถ่ายทอด และสอนให้กับลูก ๆ หลาน ๆ โดยเฉพาะพี่ฟ้าคราม พี่สกายของพวกเรา ซึ่งเราก็ไม่ทราบว่าจะดีหรือไม่ แต่ในความคิดมาทั้งชีวิตที่ผ่านมาสำหรับผู้เขียนเกือบ ๖๐ ปี ก็คิดว่าดีกว่าการคิดแบบอื่น...จึงนำมาสอนลูก ๆ หลาน ๆ ของพวกเรา ยิ่งอ่านทักษะพื้นฐานในศตวรรษที่ ๒๑ ด้วยแล้ว...ก็คือ "มันใช่เลย" สำหรับครอบครัวของเรา...เพราะพวกเรายึดคำสอนที่ว่า "พึ่งพาตนเองให้ได้เป็นดีที่สุด ดีกว่าจะไปพึ่งพาคนอื่น เราต้องทำจนสุดกำลังของเราให้ได้ก่อน"...นี่คือ การดำเนินชีวิตของพวกเรา

แม้แต่การสอน ผู้เขียนก็จะสอนพี่ฟ้าครามให้คิดเลขด้วยตนเอง สอนวิธีคิด สอนเทคนิคในการดำเนินชีวิต เพราะผู้เขียนคิดว่า เมื่อตัวเราเรียนรู้แล้ว...ควรนำความรู้นั้นกลับมาสอนคนที่ใกล้ตัวของเราให้มากที่สุด เพราะมันคือ การประยุกต์ใช้ความรู้ที่เรารู้มา...สำหรับในอนาคต ค่อยมาดูกันว่า พี่ฟ้าครามกับพี่สกายจะเป็นเด็กเช่นไรในอนาคต เพียงแต่ว่าในช่วงนี้ ปู่กับย่าจะคอยสอดแทรกวิธีการสอนต่าง ๆ สิ่งที่ดีให้กับพวกเธอ...เพราะผู้เขียนคิดว่า "ผลที่ได้นั้น คือ คุณภาพ ที่ภาครัฐต้องการให้เยาวชนเป็นเด็กเช่นไร?"

ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติเข้ามาอ่านบันทึกนี้ค่ะ

บุษยมาศ แสงเงิน

๖ มกราคม ๒๕๖๒

หมายเลขบันทึก: 659142เขียนเมื่อ 6 มกราคม 2019 11:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 มกราคม 2019 11:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท