นานมาแล้ว แต่ยังจำได้ ด้วยความสามารถและความทะยานอยาก คืออยากมีอยากเป็น อยากทำให้ได้เหมือนโรงเรียนใหญ่..แต่ทำภายในรั้วโรงเรียนเล็ก....
โดยเริ่มจากจุดเล็กๆ ที่เรียกว่า “คุณภาพ” ทำให้เด็กอ่านได้เขียนได้เสียก่อน แล้วผลสะท้อนกลับ..จะตามมาด้วยเรื่องราวและสิ่งดีๆ..
ผมหมายถึง..อาคารสถานที่ ห้องประชุม โรงอาหารและอาคารอเนกประสงค์ ซึ่งทุกอย่างมีพร้อมในโรงเรียนขนาดใหญ่..
คิดอยู่เสมอ..ว่าทำอย่างไรจะมีเหมือนเขาบ้าง? ในบางครั้งจึงรู้สึกเปรียบเทียบจนดูเป็นความผกผันของชีวิต คิดถึงแต่เรื่องด้อยคุณค่าน้อยวาสนาเสียเหลือเกิน...
ตอนนั้น..ไฟแรงและหลงลืม “สัจธรรม”ของระบบการศึกษาไทย ทั้งนโยบายและโครงสร้าง..มิอาจเรียกร้องหรือตั้งความหวังอะไรได้ ไม่มีปัจจัยใดให้ควบคุมได้เลย..
มารู้ตัวอีกที..ก็อยู่ในขบวนรถไฟเที่ยวสุดท้าย..ที่เขาจะยุบควบรวม โชคดีที่ปฏิเสธทัน แล้วกระโดดลงข้างทางเสียก่อน จากนั้นก็เดินย้อนกลับมาตั้งหลัก หาที่พักพิงแบบ “พึ่งตนเอง”
จากวันนั้น..เป็นต้นมา..โรงเรียนขนาดใหญ่ก็ฟูเฟื่องเลื่องลือ ด้วยป้ายชื่อและสีสัน ด้วยอาคารแบบอลังการงานสร้างอย่างพร้อมสรรพ แต่ฝันผมยังไม่สลายและผมก็ให้กำลังใจตัวเอง..หิ่งห้อยฤาจะแข่งกับแสงจันทร์..
เป็นคำพังเพยที่มาถูกที่ถูกเวลา..ผมนำสถานศึกษาเข้าสู่การบูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง..หลีกเลี่ยงการประชันขันแข่งและอยู่บนฐานของความจริง..ที่ไม่ต้องวิ่งตามใคร ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน..
ชีวิต ผอ.เล็กๆ กับ ผอ.ผู้ยิ่งใหญ่ ช่วยเตือนสติให้คิดทบทวนใหม่ว่า อย่าได้นำตัวน้อยๆของผมไปเปรียบเทียบกับความยิ่งใหญ่ของคนอื่น
เพราะจะกลายเป็นการดูถูกตัวเองจนเป็นนิสัย สิ่งที่ควรใส่ใจ คือความจริง..ที่อยู่ในรากฐานของจิตใจ..มั่นคงหนักแน่นเข้าไว้ เพื่อการอยู่ต่อไปให้ได้..
ผมคิดว่า..การนำโรงเรียนเล็กๆไปเปรียบเทียบกับโรงเรียนใหญ่ นำตัวเองไปเปรียบเทียบกับผู้ที่มีอิทธิพลเหนือกว่า ..ย่อมส่งผลที่ด้อยค่า ไม่เกิดปัญญาและห่างไกลจากความเป็นจริงมากขึ้น..
ผลที่จะตามมาก็คือชีวิต..แทนที่จะมองเห็นโอกาสก้าวหน้าต่อไปอย่างมีเหตุมีผล กลับกลายเป็นจ่อมจมลงไปสู่สภาวะที่มืดมนหมองมัว
ผมหันหัวกลับลำ เพราะคำที่ว่า..หิ่งห้อยฤาจะแข่งกับแสงจันทร์ ..จากวันนั้น..ทำให้ผมค่อยๆก้าว..และเดินมาได้ไกล..ถึงวันนี้..
วันที่..ยังไม่มีห้องประชุมครู หรือห้องรับแขก..แต่ผมก็มีห้องเรียนเล็กๆที่ว่างเปล่า..กำลังโล่งโปร่งสบาย..ผมจะทำให้มันประหยัดเรียบง่าย..ในแบบของผม..ก็สามารถสร้างคุณประโยชน์ได้มิใช่น้อย..
ดังนั้น..ครูและผู้บริหารที่มีชีวิตการทำงานตกอยู่ในสภาพที่เรียกกันว่า ตัวเล็กๆ หากรักษารากฐานการพึ่งตนเองไว้อย่างมั่นคงเข้มแข็ง ย่อมไม่นำใจไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น ซึ่งมีอำนาจ มีโอกาสและมีความเป็นอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เหนือกว่า..
แต่ควรภูมิใจในคุณค่าของความเป็น “ครู”ซึ่งตนมีอยู่แล้ว นอกจากไม่ทำให้รู้สึกมีปมด้อย ยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้และอยู่ในสายตาคนอื่น..อย่างสง่างามและสมศักดิ์ศรี คิดแบบนี้หรือเปล่า ที่เขาเรียกว่า..จิ๋วแต่แจ๋ว..
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
ไม่มีความเห็น