กรุงเทพฯ---รัฐมนตรีกีฬาและการท่องเที่ยวพูดเมื่อวันอังคารนี้ว่ากระทรวงจะพิจารณาการควบคุมความรุนแรงกับการชกมวยเด็ก หลังจากที่เด็กอายุ 13 ปี ตายลง หลังจากถูกคู่ต่อสู้เอาชนะด้วยการน็อก ระหว่างการแข่งขันมวยไทยประจำสัปดาห์
Veerasak Kowsurat พูดว่ากระทรวงจะพิจารณาการแก้ไขพระราชบัญญัติการชกมวยปี 1999 ที่จะตั้งเกณฑ์ขั้นต่ำของอายุที่จะเข้าร่วมการแข่งขัน และเพิ่มเติมว่าจะนำเรื่องนี้ไปสู่คณะรัฐมนตรีให้เร็วที่สุด
เด็กถูกน็อกแบบหมดสติในวันเสาร์ ระหว่างรอบที่สามของการแข่งขัน การน็อกก็เกิดให้เกิดการตกเลือดในสมอง (a brain hemorrhage) และทำให้เขาไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลยจนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวันจันทร์
ทั้งเด็กชาย และคู่ต่อสู้อายุ 14 ปี ไม่ได้สวมใส่เครื่องสวมศีรษะ (headgear) การแข่งขัน จัดขึ้นที่สมุทรปราการ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงเทพฯ จัดขึ้นเพื่อการกุศลต่อต้านยาเสพติด และได้ถ้วยรางวัลจากรองนายกฯ ประวิทย์ วงษ์สุวรรณ
จากเหตุการณ์นำไปสู่การห้ามเรื่องอายุขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมๆกับงานวิจัยที่ทำโดยมหาวิทยาลัยมหิดล ที่เสนอว่าเด็กๆที่ชกมวยจะมีผลการทดสอบ IQ ที่ต่ำ หลังจากที่โดนต่อยที่หัว คนที่อยู่แวดวงการชกมวยต่างให้ทุนเพื่อช่วยเหลือครอบครัวของเด็กชาย โดยการประมูลกางเกงขาสั้นก่อนคนอื่นๆ
เพจเฟซบุ๊กในการสนับสนุนมวยไทย ชื่อ Thai Krobwongchorn นำเสนอการแสดงความเสียใจของครอบครัวของเด็กในคืนวันจันทร์ โดยการโพสต์รูปนักมวยในโรงพยาบาลภายใต้เครื่องช่วยอากาศ
หนึ่งความเห็นบนโพสต์ตั้งคำถามว่าเหตุใดคนที่อยู่จะไม่หยุดการต่อสู้ ทั้งๆที่เห็นได้ชัดเจนว่าเด็กไม่สามารถจะหายใจได้อีกแล้ว
ในวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันเดียวกับวันที่เขาเสียชีวิต มีธุรกิจเกี่ยวกับการชกมวยเป็นร้อยๆ รวมทั้งนักชกที่มีชื่อเสียง ได้รวมตัวกัน และฟังอย่างวิพากษ์ถึงร่างพระราชบัญญัติแก้ไขที่เสนอโดยสนช.
Sukrit Praekrithawej ซึ่งเป็นคณะกรรมการของสมาคมนักมวย กล่าวว่า ร่างพระราชบัญญัติการแก้ไขขัดแย้งกับประเพณีที่ถือกันมาอย่างยาวนาน และสภาพความเป็นจริงเกี่ยวกับการชกมวย ร่างการแก้ไขจะห้ามการชกมวยที่เป็นการแข่งขันสำหรับเด็กๆ ที่อายุต่ำกว่า 12 ปี และเสนอว่าเด็กอายุ 15 ปีต้องสวมใส่เครื่องป้องกัน (protective gear) และต้องได้รับการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ก่อนการแข่งขัน
Sukrit กล่าวว่า ยิ่งจำกัดสิทธิในการเข้าถึงกีฬามากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งจะทำให้ผู้คนไม่มีอาชีพมมากขึ้นเท่านั้น และยังทำให้เด็กจำนวน 300,000 คนขาดจากรายได้พิเศษอีกด้วย
ในประเทศไทย มันเป็นเรื่องที่ปกติมากๆ สำหรับเด็กชายในชนบทที่ยากจน จะเริ่มฝึกหัดมวยตั้งแต่เด็กๆ ที่ปรากฏคือตั้งแต่ 5 ขวบ เป็นต้นไป
ข่าวการตายของเด็กชายคือวันเดียวกับนักมวยที่ยังเป็นวัยรุ่นหญิงอายุ 11 ปี ขึ้นพาดหัวข่าว ในเรื่องลูกกตัญญู เพราะได้รับเงินแค่ 300 ถึง 500 บาทต่อการชก เพียงเพื่อช่วยพ่อแม่ที่ยากจน เด็กเกรด 6 จากราชบุรีได้รับเงินพิเศษจากการเก็บขยะ และพาหมาและแมวของเพื่อนบ้านไปหาสัตวแพทย์
เด็กพูดว่า เธอได้ชกมวยมา 2 ปี เพื่อเก็บเงิน เพราะครอบครัวยากจน พ่อแม่ต้องจ่ายเงินเพื่อพี่น้อง เธอคิดว่าสิ่งที่เธอทำเป็นสิ่งที่ดี
พ่อของเธอ Krittapas Pawutinand กล่าวว่า เขาเองเคยเป็นโชเฟอร์ แต่ว่างงานมา 5 ปี เพราะว่าไม่มีใครจ้างคนที่แก่ 35 ปีอีกแล้ว
“บางครั้งฉันสงสารลูกสาว เพราะคู่ต่อสู้ตัวใหญ่กว่า เธอเบากว่า 3-5 กิโลกรัม บางครั้งเธอสามารถสู้ได้ และหลายๆครั้งก็ไม่สามารถ แต่ใจของเธอเป็นนักสู้ และเธอเคยชนะน็อกเอาท์คู่ต่อสู้ที่ตัวใหญ่กว่าได้ถึงสองครั้ง”
แปลและเรียบเรียงจาก
Pravit Rojanaphruk. RULES EYED AFTER CHILD DIES BOXING
Enforce ‘headgear’ and change rule for child boxing –only point scoring –NO KNOCKOUT.
Make it a sport like karate, sumo, taekwondo, wrestling, fencing,… with aim to show better techniques and better handling – not knocking out other contestant.
Trainers mentality must be changed. They should train sportsmen - not combatants.
ขอบคุณกับความเห็นของคุณ [email protected] นะครับ