" กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงง " เสียงนี้อาจเป็นเสียงสวรรค์ของใครหลายคน และก็อาจเป็นเหมือนเสียงนรกของใครอีกหลายคนเช่นเดียวกัน เพราะมันคือเสียงอ๊อดที่บ่งบอกเวลาการสิ้นสุดของวิชาที่กำลังเรียนอยู่ แล้วก็เป็นเสียงที่จะเริ่มต้นเรียนของวิชาถัดไป.......ตลอดระยะเวลาของการเป็นนักเรียน ฉันจะรู้สึกดีใจ และมีความกระตือรือร้นเมื่อจะได้เรียนกับครูที่ฉันชอบ วิชาที่ฉันชอบ ถนัด และสนใจ แต่ในทางกลับกันนั้นฉันก็จะมีความรู้สึกขี้เกียจ ไม่อยากเข้าเรียนในวิชาที่ฉันนั้นไม่ถนัด รวมไปถึงการไม่ชอบครูผู้สอนที่ชอบดุ จุ้จี้ ขี้บ่นเป็นธรรมดา
ตลอดระยะเวลาที่ได้ศึกษาเล่นเรียนฉันต่างปฏิเสธกับตัวเองมาโดยตลอดว่า " ฉันไม่อยากเป็นครู " ฉันฝันอยากเป็นนั้น ฉันฝันอยากเป็นนี่เยอะไปหมด แต่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองฝันและความต้องแท้จริงแล้วนั้นอยากเป็นอะไรกันแน่ จนมาวันหนึ่งอาชีพที่ฉันคอยวิ่งหนีมันมาตลอด กลับเป็นอาชีพที่วิ่งเข้าหาฉันโดยที่เราไม่ทันได้ตั้งตัวเลย โดยการเริ่มต้นของอาชีพความเป็นครูด้วยการสอนพิเศษให้น้องๆแถวบ้าน หลังจากนั้นไม่นานอาจเป็นเพราะโชคชะตา หรืออาจเป็นเพราะฟ้าลิขิต กำหนดมาแล้วว่าฉันต้องมาเป็นครู และแล้ววันนั้นก็มาถึงกับวันแรกของการสอนในโรงเรียนได้รับมอบหมายให้สอนในรายวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ แค่ชื่อวิชาที่สอนก็ไม่อยากนึกภาพของนักเรียนในขณะที่สอนเลย และเมื่อใกล้ถึงเวลาที่ฉันต้องทำการสอน ฉันเกิดความกังวลใจอยู่ไม่น้อยเลยและบวกกับความตื่นเต้นเพราะนี่คือครั้งแรกของการสอนคนจำนวนมากของฉัน จากประสบการณ์ที่ฉันเคยสอนพิเศษตัวต่อตัว ทำให้รู้ว่าการถ่ายทอดความรู้ให้ผู้อื่นให้เข้าใจนั้นมันช่างเป็นสิ่งที่ยากมากขนาดไหน แล้วการที่ต้องมาสอนในชั้นเรียนที่มีเด็กจำนวนมากๆ ต่างที่มา ลักษณะที่แตกต่างกัน ความคิด ความชื่นชอบก็แตกต่างกัน รวมไปถึงการเรียนรู้ การรับรู้ที่แตกต่างกันแล้ว ทำให้ฉันเกิดคำถามมากมายในใจว่า
" เด็กจะเป็นยังไง?
จะสอนยังไง?
สอนแล้วนักเรียนจะเข้าใจไหม?
จะเริ่มต้นพูดอย่างไร?
เด็กจะชื่นชอบการสอนของเราไหม? "
คำถามต่างๆมากมายและความ่นเต้นกัดกินสติของฉันไปในตอนนั้นจนทำอะไรไม่ถูก แต่ตอนนั้นเราก็ต้องเรียกสติเรากลับมาจนได้ เมื่อถึงเวลาที่ต้องสอน สิ่งแรกที่ฉันทำคือการแนะนำตัวเอง ทำความรู้จักกับเด็กๆก่อน มันน่าแปลกมากความกังวลเหล่านั้นก็หายไป เพราะเด็กๆต่างให้ความสนใจที่จะเรียนกับเรา รีบเข้าห้องนั่งเป็นระเบียบฉันจึงสามารถดำเนินการสอนได้อย่างราบรื่นและผ่านมาได้ด้วยดีมาตลอด แต่เมื่อเริ่มเทอมใหม่ตารางสอนของฉันได้มีการปรับเปลี่ยนรายวิชาที่สอนเล็กน้อย แต่เดิมที่สอนวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ได้เปลี่ยนมาเป็นสอนวิชาวิทยาศาสตร์กับคอมพิวเตอร์นักเรียนต่างก็ให้ความสนใจในรายวิชาใหม่ที่เราสอน แต่กลับมีคำถามจากเด็กๆที่คอยมาถามฉันตลอดเวลาว่า
..... " อยากเรียนวิชาคณิตกับครู "
" ครูทำไมไม่สอนคณิต "
" อยากเรียนคณิตกับครูอีกต้องทำยังไง "
" เมื่อไหร่ครูกลับมาสอนคณิตอีก "
" ครูมาสอนคณิตเถอะ "
" ครูว่างไหมคะ/ครับ ช่วยสอนวิชาคณิตหนู/ผม หน่อยได้ไหม " .....
ทุกครั้งที่ได้ฟังสิ่งต่างๆเหล่านนี้ หรือพอนึกถึงมันทำให้ฉันรู้สึกว่า " ฉันทำได้แล้ว ฉันประสบสำเร็จไปอีกหนึ่งขั้นแล้ว " จากเสียงสะท้อนเล็กๆของเด็กๆเหล่านี้ มันมีค่ามากกว่าเงินทองหรือเพชรพลอย เพราะมันเทียบไม่ได้กับความรู้สึกที่บริสุทธิ์ของเด็กพวกนี้ ฉันเชื่อว่าหากใครก็ตามที่ได้มาได้ยินและรับรู้ถึงความต้องการ ความรู้สึกเหล่านั้น ต้องรู้สึกดีใจไม่น้อยเลยทีเดียว
นับแต่นั้นเป็นต้นมาเสียงสะท้อนเหล่านั้นก็เป็นเสมือนกำลังใจให้ฉันเรื่อยมา เพราะมันเป็นแรงผลักดันให้ฉันเกิดความพยามที่จะศึกษา เรียนรู้ ค้นคว้าหาเทคนิค วิธีการใหม่ๆ เพื่อมาถ่ายทอดความรู้ให้แก่เด็กเพื่อให้เกิดประโยชน์กับพวกเขาให้ได้มากที่สุด ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคต่างๆที่เข้ามา และเมื่อเหน็ดเหนื่อยต่ออะไรหลายๆอย่างรอบตัวฉันก็จะบอกกับตัวเองว่า "ไม่เป็นไร" และต้นเริ่มใหม่ทุกครั้งเพื่ออนาคตของตัวเองและก็เพื่อความรู้ของเด็กๆเหล่านั้น..... :)
ไม่ต้องสร้างภาพอะไรให้เด็กรัก เด็กจะรักเราเพราะเป็นเรา ถูกต้องแล้ว ;)…
เห็นด้วยค่ะ ว่าเสียงสะท้อนจากเด็กน้อยเป็นกำลังใจให้เราจริงๆค่ะ แล้วเราอย่าลืมให้กำลังตัวเองนะค่ะ
สิ่งหนึ่งที่เราได้รับพลังในตอนทำงาน นั่นคือเสียงสะท้อนของเด็กๆตัวเล็กๆ เห็นด้วยกับงานเขียนนี้ค่ะ ชอบมากค่ะ
ความรู้+ประสบการณ์+และความรัก ได้ถ่ายทอดให้เด็ก ๆ รักและชื่นชอบ ในวิชาที่เรียน และคงจะมี นร.อีกหลายคน ในอนาคตจะมาเขียนเล่าว่า “ได้ต้นแบบจากคุณครู” ทำได้ดีมากครับ
เห็นด้วยค่ะ กำลังใจจากเด็กๆนี้เเหละ ที่ทำให้ครูอย่างเราทำทุกอย่าง เพื่อให้เด็กๆของเราได้ความรู้และมีความสุขไปพร้อมๆกัน
เขียนถ่ายทอดได้ดีมากครับ สู้ๆครับ
กำลังใจจากนักเรียน คือกำลังใจที่มีพลังที่สุดของคนเป็นครูคะ
แค่เราเห็นเด็กหัวเราะในชั่งโมงที่เราสอนนั่นคือกำลังใจของเราค่ะ
เขียนได้ดีค่ะ สู้ๆนะคะ
เป็นกำลังใจให้คะ
เขียนถ่ายทอดความรู้ อารมณ์และประสบการณ์ได้ดีคะ
เป็นกำลังใจให้นะคะสู้ๆค่ะ
Power of child. นะครับ
เป็นกำลังให้ครับผม
กำลังใจของครูคือเด็กนักเรียน
กำลังใจของครู
เด็กจะเป็นกำลังใจของครู
ใช่แล้วคะ ครูOngkuleemarn
ของคุณนะคะ ครูพัชรินทร์ ทีเก่ง
ขอบคุณที่ชื่นชอบงานเขียนนี้นะคะ ครูstamptamp
ขอบคุณมากๆนะคะ ครูบัวแก้ว
ใช่แล้วคะ ครูkwanthai
ของคุณนะคะ ครูคนบนฟ้า
ขอบคุณมากๆนะคะ ครูน้ำหมึก ส.รุ่งรักษ์เจริญชัย
ใช่แล้วคะ ครูเหล่าซือพิซซ่า
ขอบคุณคะ ครูสุพิชฌาย์
ของคุณนะคะ ครูSukanya C.
ใช่แล้วคะ ครูณภัชชา
ขอบคุณคะ ครูsirisopa minmunin
ขอบคุณคะ ครูพิมพ์สุณัชญา
ของคุณนะคะ ครูเกศินี ป๊อกนันตา
ขอบคุณนะคะ ครูJintarha Phanyakeaw
ขอบคุณมากๆคะ ครูรจนา ตาสุยะ
ขอบคุณมากๆคะ ครูนางสาวเกศริน กาไว
ขอบคุณคะ ครูKhanitta
ใช่แล้วคะ ครูนายจันทร์เจ้า
ขอบคุณมากๆคะ ครูDocAutomotive
ใช่แล้วคะ ครูคนครัว
ใช่แล้วคะ ครูTacha Subhasan
ใช่แล้วคะ ครูวณัฐพล ตุ่นแก้ว
เป็นกำลังใจให้นะคะ
ขอบคุณคะ ครูเมษา ใจโอบอ้อม
ขอบคุณคะ ครูกัญญา สมอ๊อด