ที่โรงเรียน..ครูจ้างสอน ซึ่งหมายถึงครูที่ไม่ได้ประจำการ แต่โรงเรียนว่าจ้างให้สอนโดยใช้เงินรายได้สถานศึกษา จบปริญญาตรี แต่ได้ค่าจ้างไม่ถึงหนึ่งหมื่นห้าพันบาท
แต่สอนดีเหลือเกิน สอนให้เด็กป.๑ อ่านคล่องเขียนคล่อง ลายมือสวย เป็นที่ชื่นชอบของผู้ปกครอง เป็นที่รักของนักเรียน ผมเองก็รักเพราะเธอ..มุ่งมั่นทุ่มเทให้กับงานสอนอย่างสม่ำเสมอ..
วันนี้เธอทราบข่าวดีแล้วมาบอกผม ว่าเธอสอบผ่านข้อเขียนในตำแหน่ง “ครูผู้ช่วย” สอบบรรจุที่สุพรรณบุรี เขต ๑ พรุ่งนี้..เธอจะไปสอบสัมภาษณ์..
ผมใจหายวูบ..ใจสั่นนิดๆ คิดไปไกลเลย แต่เก็บอาการไว้..ฟังเธอพูดให้จบ จากนั้น..ผมก็ทำใจได้ เพราะเป็นแบบนี้ทุกที ครูดีมีความรับผิดชอบ พอเรียนรู้งานจนเก่งแล้ว ก็จะต้องจากไปเมื่อถึงเวลาอันควร..นี่ก็จะเป็นรายต่อไป
สุดท้าย..เธอก็ถามว่า ถ้ากรรมการสอบสัมภาษณ์ถาม..จะตอบอย่างไรดี
ผมก็เลยถามเธอ..แล้วคิดว่ากรรมการจะถามว่าอย่างไร?
“การใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงกับการเรียนการสอน..”
ผมอึ้งไปอีกนิดนึง..คิดในใจว่า..เด็กคนนี้สมแล้วที่สอบผ่านข้อเขียน ขนาดคิดก็ยังมีวิสัยทัศน์กว้างไกล เข้าใจตั้งโจทย์และรู้จักเตรียมตัว..แบบนี้ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว
ผมก็เลยมอบลิ้งที่เป็นบล็อกของผม ที่ใช้ชื่อว่า “บ้านหนองผือ สถานศึกษาพอเพียง” เขียนในโกทูโน..ให้เธอไปค้นคว้าหาอ่าน ข้อความในลิ้งเขียนว่า www.gotoknow.org/blog/08189954...
มีเรื่องราวเกี่ยวกับศาสตร์พระราชา ปรัชญาฯที่ผมประยุกต์ใช้กว่า ๒๐๐ เรื่อง มีภาพประกอบในโรงเรียนที่เธอคุ้นเคย จะทำให้เธอเข้าใจง่ายขึ้น
แต่พอมาคิดอีกที..พรุ่งนี้เช้าเธอก็ต้องเข้าสอบสัมภาษณ์แล้ว อ่านอย่างเดียวคงไม่จำ สรุปความคิดรวบยอดให้เธอเข้าใจจะดีกว่า เวลากรรมการสัมภาษณ์เธอจะได้แก้ปัญหาได้..ไม่อ้ำอึ้ง
ก่อนสรุป..ผมขอเกริ่นนำสักหน่อยว่า..ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เข้าสู่สถานศึกษาขั้นพื้นฐานนานกว่า ๑๐ ปีแล้ว ผมเชื่อว่าครูส่วนใหญ่ทั้งโรงเรียนปกติและโรงเรียนต้นแบบฯ มีความเข้าใจน้อยถึงน้อยที่สุด..
ผมหมายถึง..ในแง่ของการนำไปใช้ ไม่ใช่การท่องจำ ทุกคนทราบแต่ว่า ๓ ห่วง ๒ เงื่อนไข..ครูบางคนหนักกว่านั้น..เศรษฐกิจพอเพียง คืองานเกษตร ปลูกผัก เลี้ยงไก่ เลี้ยงเป็ด เลี้ยงปลา..ไปโน่น
เศรษฐกิจพอเพียง..มิใช่วิชา แต่เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวทางการดำรงชีวิต เป็นหนึ่งในศาสตร์พระราชา และเป็นคำสอนของพ่อ..ที่ทรงให้ยึดทางสายกลาง..
คราวนี้..จะนำไปประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนอย่างไร? ไม่ยากเลย เพียงแค่เรื่อง “การบ้าน” ก็ผ่านแล้ว เพราะการบ้านต้องให้ตามความแตกต่างระหว่างบุคคล คือพอประมาณ พอดี ไม่มากเกิน
การบ้าน..ฝึกให้นักเรียนใช้เหตุผล โดยให้เขียนตอบ เขียนเรื่องจากภาพ เล่าเรื่องที่บ้านก็ได้..นักเรียนช่วยงานอะไรบ้าง..ทำไมต้องช่วยเหลือพ่อแม่..
มีภูมิคุ้มกันที่ดี..คือนำเด็กเรียนรู้นอกห้องเรียน เพิ่มทักษะชีวิต ในด้านการอ่าน การเขียน การค้นคว้า และการทำงานร่วมกัน
การปฏิบัติงานของนักเรียนในแหล่งเรียนรู้ นักเรียนจะได้รับประสบการณ์และได้คำตอบในตัวเอง ตามบริบทของโรงเรียน และช่วงชั้น วัย ความถนัดและความสนใจของแต่ละคน (พอประมาณ)
ในขณะเดียวกัน “งาน” ที่เด็กทำ เด็กจะเข้าถึง “เหตุผล”ว่าทำไมถึงต้องทำ ทำไปเพื่ออะไร? ทำแล้วได้อะไร? ส่วนเงื่อนไขความรู้จะเกิดขึ้นจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เกิดความรอบรู้ รอบคอบ และทำงานอย่างระมัดระวัง
ในระหว่างที่จัดกิจกรรม..ครูต้องสอดแทรกคำสอนด้วย แต่บางครั้งคุณธรรมก็เกิดขึ้นเอง ทั้งในแง่ความซื่อสัตย์ สุจริต ความขยันอดทน และการแบ่งปัน..
ผมอยากจะบอกครูว่า ทั้งครูและนักเรียนต้องศึกษาปรัชญาฯให้เข้าใจและเข้าถึง ด้วยการปฏิบัติพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพื่อชีวิตจะได้มีความสมดุล เศรษฐกิจครอบครัวจะได้มั่นคง เพื่อการดำรงอยู่ในสังคมอย่างยั่งยืน...โชคดีนะครับคุณครู
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๑