ผลลัพธ์ของศาสตร์พระราชามีอะไรบ้าง
ศาสตร์พระราชาเป็นองค์ความรู้ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานไว้ให้ประชาชนนำไปเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต ศาสตร์พระราชาเป็นศาสตร์แห่งการพัฒนาที่นำไปใช้ได้กับทุกสาขาอาชีพ มีความเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระบรมนาถบพิตร ทรงสนพระทัยแม้แต่เรื่องเล็กน้อย รู้ว่าประชาชนต้องการอะไร สอนให้เข้าใจผู้คนในหลายหลายปัญหา สอนให้รู้ถึงวิถีชีวิตในสังคมว่ามีความแตกต่างกัน ทั้งลักษณะภูมิประเทศ น้ำบนฟ้า น้ำบนดิน น้ำใต้ดิน อากาศ ป่า และสิ่งแวดล้อม แต่ละภูมิภาคก็มีความแตกต่างกัน พระองค์ทรงเห็นความสำคัญของวัฒนธรรม ความเชื่อต่าง ๆ ของประชาชนในแต่ละภูมิภาค ทรงเก่งคิด คิดอย่างรอบคอบ คิดเป็นระบบเป็นขั้นเป็นตอน มีการประมวลระบบความคิดเป็นเลิศ ทรงเป็นนักคิด และนักวางแผนที่ดี และมีระบบการเก็บข้อมูลที่ดีเยี่ยม ซึ่งเราสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ ให้เหมาะสมกับทุกสถานการณ์ โดยใช้กระบวนการคิดตามศาสตร์พระราชา 3 อย่าง คือ “เข้าใจ” “เข้าถึง” “พัฒนา” ก็สามารถจะคิดการใดให้ประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก
การเข้าใจในสิ่งที่ศึกษาหรือเป็นปัญหา นอกจากอาศัยปัจจัยต่าง ๆ รวมทั้งความรู้ทางวิชาการมาประมวลผลและแก้ปัญหาแล้ว จำเป็นต้องมีการเข้าถึงปัญหา การลงพื้นที่ และสัมผัสปัญหาจริง เป็นข้อเท็จจริงที่หาในตำราไม่ได้ การลงพื้นที่จริงเพื่อประมวลผลปัญหา หาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา การลงมือ แก้ไขปัญหา จึงเป็นสิ่งสำคัญ ในบางครั้งการร่วมคิด ร่วมทำกับบุคคลในทุกระดับ การให้ความไว้เนื้อเชื่อใจกัน มีความเคารพซึ่งกันและกัน ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย ไม่ใช่ผู้มีอำนาจจะสั่งการจากหอคอยงาช้างเพียงอย่างเดียว หรือใช้ความคิดของตนเพียงคนเดียว การทำงานก็ไม่สำเร็จ เฉกเช่นเดียวกับที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงตรัสไว้ในหลักการของศาสตร์พระราชาว่าการทำงานต้องมีการเข้าถึงประชาชนให้ประชาชนมีส่วนร่วม ให้ประชาชนเป็นศูนย์กลางนั่นเอง
หากทุกฝ่ายมีความเข้าใจ และเข้าถึง ปัญหา แล้ว ทำให้ทั้งฝ่ายให้และฝ่ายรับ เข้าใจตรงกันแล้ว และทั้งสองฝ่ายมีจุดประสงค์เดียวกัน ย่อมนำไปสู่การพัฒนาได้อย่างง่ายดาย ส่วนการพัฒนาจะเป็นไปได้หลายรูปแบบ จะต้องปรับและประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมตามสภาพของปัญหา และเหมาะกับแต่ละภูมิสังคม เช่น การทำให้ประชาชนมีทักษะความรู้ มีการสร้างอาชีพ มีการนำน้ำ ป่า และผืนดิน มาใช้ให้เกิดประโยชน์ มีการปรับปรุงให้พอเหมาะพอควรกับความเป็นอยู่ของประชาชน ทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สามารถพึ่งพาตนเองได้ ปลูกฝังความเพียรพยายามในการใช้ชีวิต มีการบูรณาการร่วมคิดร่วมทำกันในทุก ๆ สิ่ง มีความรู้รักสามัคคีในหมู่คณะ มีความรักและหวงแหนในทรัพยากรในท้องถิ่น รู้จักธำรงรักษาไว้ซึ่งสิ่งอันเป็นประโยชน์ ทำให้มีชีวิตที่อยู่อย่างพออยู่พอกิน เป็นการสร้างความยั่งยืนให้ท้องถิ่นและสังคม
ศาสตร์พระราชาเกี่ยวข้องกับประชาชนทุกสาขาอาชีพ การนำศาสตร์พระราชาไปปฏิบัติในการดำเนินชีวิต ผลลัพธ์ที่ตามมา คือ ทำให้ประชาชนมีการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีการพัฒนาที่ยั่งยืน มีความเป็นอยู่ที่ดี และสามารถพึ่งพาตนเองได้
การยกระดับคุณภาพชีวิต
ประเทศไทยไม่ได้เป็นประเทศที่ร่ำรวย คนไทยส่วนใหญ่ยังมีฐานะยากจน มีหนี้สินครัวเรือนเฉลี่ยอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง หลายคนมีความทุกข์ในเรื่องปากท้อง รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย มีบุตรหลายคนต้องรับผิดชอบ ชีวิตต้องต่อสู้กับสิ่งต่าง ๆ ซึ่งเป็นกิเลสมากมายในสังคม บางคนใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อ ไม่รู้จักความพอดี พอสมควร อยู่ในวังวนของความแก่งแย่งชิงดีกัน จนทำให้ชีวิตดิ่งลึกลงเหว ชีวิตไม่มีความสุขในชีวิต บางคนเป็นหนี้เป็นสิน บ้านเรือนถูกยึด โดนออกจากงานก็มีมาก
การนำศาสตร์พระราชาไปเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต เป็นทางรอดของชีวิต ทำให้คนไทยกลับมีชีวิตใหม่มีความกินดีอยู่ดี พึ่งพาตนเองได้ ปรับมาใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ทำให้คนไทยมีความกินดีอยู่ดี ทั้งร่างกายและจิตใจ สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างเป็นสุข และสงบ ภาระหนี้สินลดลง เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยโดยเห็นได้ชัดเจน อย่างเช่น เกษตรกรมีการปลูกพืชผสมผสาน ไม่ปลูกพืชเพียงอย่างเดียวเหมือนสมัยก่อน เช่น ปลูกข้าว ก็ไม่ควรปลูกข้าวเพียงอย่างเดียว เพราะเมื่อหมดฤดูกาล ก็ไม่สามารถหารายได้อื่นมาเลี้ยงครอบครัว ควรหารายได้อื่น ๆ มาจุนเจือครอบครัวด้วย เช่น การขุดสระเลี้ยงปลา เลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ไว้เป็นอาหาร ปลูกผักสวนครัว ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อของพ่อค้า หากเหลือกินก็นำไปขายเป็นรายได้จุนเจือครอบครัวต่อไป พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรได้พระราชทานแนวคิดการแบ่งสรรพื้นที่ทำกินออกเป็นส่วน ๆ ดังนี้ พื้นที่ทำนาข้าว 30 % ขุดสระเก็บน้ำไว้ใช้ 30 % ปลูกพืชสวนพืชไร่ 30 % และปลูกที่อยู่อาศัย 10 % ตามหลักการของศาสตร์พระราชาเป็นหนทางแห่งการพ้นทุกข์ ทำให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นโดยแท้จริง เปรียบเสมือนน้ำทิพย์ชโลมใจคนไทยทั้งชาติ
มีความเป็นอยู่ที่ดี
มนุษย์เมื่อมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ย่อมทำให้มีความเป็นอยู่ที่ดีตามมา การมีชีวิตที่ดีได้ต้องมีความสุขทั้งสุขกาย และสุขใจ ส่งผลให้สังคมดี และประเทศชาติเจริญ
พึ่งพาตนเองได้
การยกระดับคุณภาพชีวิตของเราให้ดีขึ้นได้นั้น จำเป็นจะต้องมีความขยัน มีความเพียร จึงจะทำให้มีความเป็นอยู่ที่ดีได้ สามารถพึ่งพาตนเองได้ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร หรือให้ใครมาคอยให้การช่วยเหลือ ทั้งตัวเรา และครอบครัวของเรา และต้องไม่เป็นภาระของสังคม และประเทศชาติ หากเป็นมุมมองที่กว้างออกไป เช่นในระดับประเทศก็เช่นเดียวกัน ก็ต้องบริหารประเทศแบบพึ่งพาตนเองได้
มีการพัฒนาที่ยั่งยืน
มนุษย์หากมีคุณภาพชีวิตที่ดี ดำรงชีวิตอย่างพึ่งพาตนเองได้ ไม่เบียดเบียนใครและมีการพัฒนาที่ยั่งยืน “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ไม่มีใครปฏิเสธ ข้อความนี้ เพราะเป็นหลักปฏิบัติที่พิสูจน์ได้ว่าสามารถแก้ปัญหาได้จริงทุกเรื่อง
สรุปผลลัพธ์ของศาสตร์พระราชา ประกอบด้วย
1.เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้น ทำให้คนไทยมีความเป็นอยู่ที่ดี และพึ่งพาตนเองได้
2.เป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน
เราสามารถกล่าวได้อย่างสนิทใจว่า “ผลลัพธ์ของศาสตร์พระราชา แท้จริงแล้ว คือ ความสุขของประชาชนทั้งประเทศ” นั่นเอง
ความเห็น (5)
ทำเพื่อพ่อ น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงทั้ง 3 ห่วง (พอประมาณ มีเหตุผล และมีภูมิคุ้มกัน) และ 2 เงื่อนไข (ความรู้คู่คุณธรรม) ทำให้ทุกคน ทุกครอบครัว ทุกธุรกิจห้างร้าน ทุกหน่วยงาน จะมีความเป็นอยู่ที่ดี และพึ่งพาตนเองได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ
สาธุ ธรรมะราชา เจ้าค่ะ…
เรามาช่วยกันสืบสานพระราชปณิธานของในหลวงรัชกาลที่ 9 กันค่ะ
พออยู่ พอกิน พอใช้ และ พึ่งตนเองได้ ศาสตร์แห่งพระราชา เพื่อความอยู่เป็นสุข ของประชาชน
คิดถึงในหลวงค่ะคุณครู พระองค์เป็นสิ่งที่เรียกว่าที่สุดของที่สุดบนผืนแผ่นดินไทย