ทพญ ฉลอง เอื้องสุวรรณ
ทพญ. ฉลอง ทพญ ฉลอง เอื้องสุวรรณ เอื้องสุวรรณ

การเดินทางของจิตวิญญาณ


ฉันถือว่าเป็นการเรียนรู้ แต่เป็นการเรียนรู้เพื่อรู้จักตัวเองและเข้าใจตัวเองมากขึ้น

20 พฤศจิกายน 2548     เรื่องราวการเดินทางของจิตวิญญาณ

                     ฉันตัดสินใจเดินทางไปฝึกอบรมการเป็นกระบวนกร    สถาบันขวัญเมือง มูลนิธิสังคมวิวัฒน์  จังหวัดเชียงราย  กล่าวได้ว่าชุมชนและผู้คนที่นั่นเป็นครูผู้นำแสงสว่างมาสู่ชีวิตฉันอีกครั้ง   ฉันถือว่าเป็นการเรียนรู้  แต่เป็นการเรียนรู้เพื่อรู้จักตัวเองและเข้าใจตัวเองมากขึ้น        การฟังตัวเองอย่างลึกซึ้งอันปราศจากอคติและการตัดสิน  จะนำพาให้การเดินทางของจิตวิญญาณมีความมั่นคงหนักแน่นและชัดเจนมากขึ้น     ทำให้มีความเข้าใจตนเองและในขณะเดียวกันยังสามารถเข้าใจผู้อื่นได้มากขึ้นด้วย     อะไรเล่า คือ การศึกษาที่แท้จริง   การศึกษา  คือ ชีวิต   ดูเหมือนว่า คงจะเป็น การศึกษาที่ทำให้เรารู้จักตัวตนมากขึ้นกระมัง   

                              อยู่ที่เชียงราย5 วัน 4 คืน     ได้รู้จักผู้คนมากขึ้นหลายคน     ได้มีโอกาสไปเที่ยวที่ตำหนักดอยตุงกับ   น้องมุก   ท่านเต้ย  ป้าแต๋ว   และพี่แอ๋ว  ได้กัลยาณมิตรมากมายสำหรับอาจารย์ก็ได้รู้จักกับคุณวิศิษฐ์   วังวิญญู   ที่เราเรียกกันว่าพี่ใหญ่  มีโอกาสได้เรียนรู้เรื่องของการฝึกการฟัง อย่างลึกซึ้งพบว่า เป็นอะไรที่สำคัญไม่น้อย  แต่ผู้คนไม่ให้ความสำคัญเท่าไรนัก  ประโยชน์ของมันก็คงจะเป็นการได้อรรถรสของสิ่งที่ฟังมากขึ้น  เช่น  รู้ว่าเขาพูดเรื่องอะไร  ด้วยความรู้สึกอย่างไร  และต้องการสื่ออะไรแก่ผู้ฟัง    ในขณะเดียวกันเมื่อเป็นผู้พูดแล้วมีคนตั้งใจฟังเราพูดบ้าง ก็เกิดความภูมิใจในคุณค่าของสิ่งที่พูด    และคุณค่าของตนเองด้วย  เหมือนหนึ่งว่ามีคนเข้าใจเรา  รู้จักความเป็นตัวเรามากขึ้น

                                พูดถึงอาจารย์ฌานเดช เห็นครั้งแรกรู้สึกแปลก ๆ พิลึกดี โบราณมาก เหมือนมาจากเมืองอินเดีย  สังเกตว่าชอบถือลูกประคำ คงจะช่วยนำมาสมาธิหรือเปล่า  แต่ก็ประทับใจในลีลาการแสดงการรำมวยจีนในงานอินดี้แฮนดี้  ทำให้รู้สึกอยากรำมวย  ก็โชคดีที่อาจารย์สอน  ตั้งใจฝึก ตั้งใจเรียนจนได้ติดตัวมา    แต่ครั้งนี้เรียกว่าได้อะไรติดตัวมาเป็นชิ้นเป็นอัน  เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบใหม่ของฉัน  ตั้งใจว่าจะฝึกทุกวันเชียวหละ   ข้อดีของการรำมวยจีน คือ  เป็นการนำพาคลื่นสมองเข้าสู่คลื่นอัลฟ่า  ซึ่งจะช้ากว่าคลื่นเบต้า 

                                 ภาวะที่สมองเป็นคลื่นอัลฟ่า  โหมดแห่งชีวิตของจะเป็นโหมดปกติจะทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย เซลล์มีการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายได้ดี  ในขณะที่การรำมวยจีนทำให้มีการตื่นตัว และการไหลเวียนของโลหิตและพลังชี่ดี  โดยที่ อวัยวะ 5 อย่าง คือ ตับ ไต ม้าม ปอด หัวใจ ได้รับการดูแล  รู้สึกว่าตัวเบา  มีการไหลเลื่อน เคลื่อนที่ เชื่อมโยง เปลี่ยนแปลง ของพลังในร่างกายได้ดี มีสมาธิ  และมีการบริหารกายและจิตใจพร้อมกัน ทำให้กระตุ้นการทำงานของสมองส่วนหน้า นำไปสู่การปิ๊ง แว๊บ หรือเกิดญาณทัศนะ

                                        ส่วนอาจารย์ณัฐฬส วังวิญญู เป็นอาจารย์ที่มีความสามารถในการถ่ายทอดวิทยาศาสตร์กระบวนการทัศน์ใหม่ได้อย่างแปลกใหม่  เร้าใจ  และน่าสนใจ  พูดถึงโหมดปกติ / โหมดปกป้อง   เมื่อพิจารณางานแล้วพบว่า ในหนึ่งวันที่ผ่านมาตัวเองอยู่ในโหมดปกป้องซะมาก  เพราะมีตัวกวนหลายเรื่องให้ต้องปกป้องกระมัง  เมื่อรู้ว่าโหมดปกป้องทำลายร่างกาย, หยุดการเรียนรู้ของตัวเองและผู้คน  แล้วเราจะไปอยู่ในโหมดนั้นทำไม หรือจะไปทำให้คนอยู่ในโหมดปกป้องทำไม  นี่เป็นส่วนหนึ่งของโลกใบใหม่ของเราที่จะต้องทำให้ตัวเองอยู่ในโหมดปกติมากกว่าโหมดปกป้อง  เพื่อจะส่งผลให้ผู้คนรอบข้างเข้าสู่ภาวะปกติด้วยตามหลักของทฤษฎี ควอนตัมฟิสิกส์

              เรื่องของกิจกรรมฉันคือใคร ? / ทิศ 4กิจกรรมนี้สำคัญไม่น้อย เพราะทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น  บางครั้งเราไม่รู้จักตัวเองได้ทุกมุมมอง  แถมยังมีอคติ และไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนอย่างนั้น   นอกจากนี้เรายังทราบด้วยว่าผู้อื่นเขาเป็นคนอย่างไร  เราจะรู้จักเขามากขึ้น และเข้าใจเขามากขึ้น   ที่สำคัญกิจกรรมนี้ทำให้เราเห็นข้อดีของเพื่อน ๆ และอยากจะเปลี่ยน เช่น จากเดิมเป็นกระทิง ก็อยากเปลี่ยนเป็นอินทรีย์บ้าง หมีบ้าง  หนูบ้าง   สำหรับตัวเองที่เป็นกระทิงมานานถึงแม้จะมีความภาคภูมิใจในความเป็นกระทิง เรื่องความเป็นผู้นำ และความมุ่งมั่น  แต่เรื่องของการก้าวร้าวและรุนแรงก็จะหายไป  และเอาลักษณะอินทรีย์, หนู, หมี มาเติม เพื่อประกอบการเขียนโลกใบใหม่     

                  มาถึงเรื่องของกิจกรรมของโลกใบใหม่   เขียนมาได้อย่างไร   สำหรับตัวเองแล้วก็พบว่ามาจากการได้มองตน ฟังตน พิจารณาตนมากขึ้น  หลายทิศทาง เมื่อเราตื่นรู้และมีความอ่อนน้อมถ่อมตนยอมรับความเป็นตัวตนแล้ว ด้วยตนเองก็พร้อมจะเปลี่ยนแปลงตน เพื่อสร้างโลกใบใหม่ เช่น-          มี deep listening-          มีอัลฟ่ามากขึ้น-          อยู่ใบโหมดปกป้องมากขึ้น-          เป็นกระทิงที่มีอินทรีย์ หนู หมี มากขึ้น-          เข้าใจผู้คนมากขึ้น-          ในเขามีเรา  ในเรามีเขา-          ผู้สังเกตและผู้ถูกสังเกตรวมเป็นหนึ่งเดียว ไม่สามารถแยกจากกันได้-          ใช้สมองส่วนหน้า ฝึกญาณทัศนะ                   

                        จะเล่าให้ฟังว่าตอนเช้าที่ฉันเดินทางจากเชียงรายประมาณ 7.00 .    ทำให้นึกถึงนางเอกในหนังหนังเรื่อง what the beep do we know ?   ตอนที่เธอรู้สึกตัวถึงร่องอารมณ์เดิมที่ทำให้ชีวิตเธอเครียด, กังวล ต้องกินยาแก้ปวดไมเกรนตลอด เมื่อเธอออกจากร่องอารมณ์เดิม  เธอได้เขียนรูปหัวใจทั่วตัว  และนอนจุ่มในน้ำ เพื่อให้เซลล์ทุกเซลล์ได้ดูดซึม และเปลี่ยนเป็นโลกใบใหม่ทั่วทุกเซลตอนฉันนั่งบนรถฉันรู้สึกว่าตัวเองเหมือนนอนในเปลชิงช้า ถูกไกวไปเรื่อยๆ ท่ามกลางป่าเขา  แสงอาทิตย์ที่สวยงาม   รู้สึกว่าธรรมชาติทุกอย่างหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกับเรา  รู้สึกผ่อนคลาย สบาย ๆ ความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ หาได้ไม่ยากเลย ชีวิตตอนนี้ก็เลยสุขง่าย แต่ทุกข์ยาก มองโลกในแง่ดี  โลกนี้ก็น่าอยู่มากทีเดียว  ผู้คนก็น่ารักมากขึ้น  ก็

                         ไม่รู้เหมือนกันว่าจะสามารถหลุดจากโลกใบเก่าเมื่อวันวานได้มากน้อยแค่ไหนมาถึงบ้านด้วยพลังที่เต็มอิ่ม  เหมือนได้ถ่านมาเต็มก้อน  ดูหน้าตาลูก ๆ ก็น่ารักไปหมด  รู้สึกเข้าใจความเป็นตัวตนของสามีมากขึ้น  รู้สึกเห็นใจ  อยากให้อภัยมากขึ้น  ใส่ใจมากขึ้น  ให้เขาเป็นตัวเขามากขึ้น    ถึงเวลาที่จะต้องปล่อยให้เขาเป็นองค์กรจัดการตัวเองซะที   เราคงทำได้แค่ว่าทำจิตใจให้ดี  มองโลกในแง่ดี  มองโลกอย่างเข้าใจ  ชีวิตคงจะสุขง่ายขึ้น  และก็หวังในความเป็นโฮโลแกรมและทฤษฎีควอนตัม  ที่จะแพร่ความรู้สึกที่ดี ๆ ให้เขาได้เป็นคนดี  และมีความสุขเหมือนดั่งที่เราเป็น  ขณะที่ดำรงชีวิตในทุก ๆ วัน ก็พยายามที่จะทำให้ตัวเองอยู่ในปัจจุบันขณะมากขึ้น เช่น กินข้าวช้า ๆ มากขึ้น  ไม่ดูทีวี  ไม่อ่านหนังสือ  ไม่คิดถึงเรื่องอื่น ๆ ให้อยู่กับอาหารที่กิน    

                          แต่อย่างไรก็ตาม  แม้ได้พยายามฝึกฝน  ก็จะมีมารมาผจญมากมาย  นึกถึงก่อนวันที่พระพุทธเจ้าจะตรัสรู้ ก็ทำเอาแย่  เราต้องใช้พลังต่อสู้มากมายซะเหลือเกิน  การละกิเสลเดิม ๆ นิสัยเดิม ๆ เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าการชนะตนเองนั้นเป็นการชนะที่สูงสุดจริง ๆ      พูดถึงเรื่องกิเลสตัณหา ไม่ว่าจะเป็นจากการมองเห็น สัมผัส ได้ชิมลิ้มรส ช่างน่ารังเกียจกระไรหนอ      และสลัดออกยากมาก คงจะติดกาวตราช้างกระมัง ?   ยากยิ่งนัก !  แต่ก็คงต้องต่อสู้ เพราะเชื่อว่าคุณธรรม จริยธรรม ความดีงาม จะช่วยเราให้ก้าวข้ามพ้นวังวนหรือร่องเดิมไปได้  ก็เรายังไม่ใช่พระอรหันต์นี่  คงต้องมองตน มองจิต และรู้ทัน  ฝึกใช้สมองส่วนหน้ามากกว่าสมองชั้นต้นของสัตว์เลื้อยคลาน หรือของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เป็นเพียงร่างกายและความรู้สึก คงมาใช้สมองของมนุษย์กันบ้าง เพื่อจะได้ข้ามพ้นและเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์  ขอเป็นกำลังใจให้กับตัวเองและเพื่อนๆ  ที่กำลังเขียนโลกใบใหม่ 

หมายเลขบันทึก: 65117เขียนเมื่อ 4 ธันวาคม 2006 13:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 22:41 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ขอต้อนรับคุณหมอฉลอง     ดีใจที่ได้พบคุณหมอใน gotoknow.org ครับ     เรื่องเล่านี้มีพลังมาก

วิจารณ์

คุณหมอหลองคะ  บันทึกยาว อยากแนะนำให้แบ่งข้อความ ขึ้นบรรทัดใหม่เป็นช่วงๆ จะทำให้อ่านง่ายขึ้นมาก  บันทึกดีๆ ก็จะได้รับการอ่านได้อย่างครบถ้วน ทุกตัวอักษร

โลกgotoknow น่าอยู่ดีแท้

เรียน ท่านผู้อ่านที่เคารพ

 ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้ท่านอ่านลำบาก  คงเป็นเพราะใช้ขนาดตัวอักษรไม่ตรงกับขนาดของgotoknow จึงทำให้ตัวอักษรเลื่อนเปลี่ยนไปจากที่ทำไว้  จะพยายามปรับใหม่อีกครั้งค่ะ 

ขอขอบพระคุณอาจารย์หมอวิจารณ์และอ.ปารมีด้วยค่ะ

                ด้วยความเคารพ 

                            หมอหลอง

font ที่เหมาะสมใน Notepad หรือ Word ที่จะนำมาแปะได้ดีคือ Tahoma 12 ค่ะ หมอหลอง

เป็นแฟนบล็อกคุณหมอด้วยคนแล้วค่ะ

ขอบคุณค่ะพี่ที่ช่วยแนะนำ  ก็ลองมาหลายfontแล้วเหมือนกัน ยินดีต้อนรับเป็นแฟนบล็อกค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท