แหล่งโบราณคดีเมืองโบราณนครศรีธรรมราช อยู่ในเขตตำบลในเมือง อำเภอเมือง ฯ เป็นเมืองโบราณอยู่บนแนวสันทราย มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า วางตัวตามแนวทิศเหนือ - ใต้ มีคูเมือง กำแพงเมืองล้อมรอบอย่างละหนึ่งชั้น มีความกว้างประมาณ ๕๐๐ เมตร ยาวประมาณ ๒,๒๔๐ เมตร หน้าเมืองอยู่ทางทิศเหนือ คูเมืองทางทิศเหนือและทิศใต้ใช้ลำน้ำธรรมชาติเป็นแนวคูเมือง ได้แก่ คลองนครน้อย เป็นคูเมืองด้านทิศเหนือ และคลองปาเหล้า (คลองท่าดี) เป็นคูเมืองด้านทิศใต้ คูเมืองด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกเป็นคลองขุด ชักน้ำจากคลองธรรมชาติให้ไหลมาประจบกัน โบราณสถานที่เก่าที่สุดที่สามารถกำหนดอายุจากรูปแบบศิลปกรรมได้คือ พระบรมธาตุเจดีย์ที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เป็นเจดีย์ทรงกลมศิลปะลังกาแบบที่พบในเมืองโปโลนนาลุวะ ประเทศศรีลังกา มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๘
แหล่งโบราณคดีวัดมเหยงคณ์ (ร้าง) อยู่ที่บ้านลุ่มโหนด ตำบลสระแก้ว อำเภอท่าศาลา พบเนินโบราณขนาดกว้าง ๘ เมตร ยาว ๑๒ เมตร เป็นแนวกองอิฐกระจัดกระจายอยู่ตลอดเนิน พบชิ้นส่วนธรรมจักรดินเผา มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๓
แหล่งโบราณคดีหาดทวนไม้สูง อยู่ที่บ้านชุบโรง ตำบลสระแก้ว อำเภอท่าศาลา พบหลักฐานชุมชนโบราณนับถือพุทธศาสนา
ฝ่ายมหายาน มีการสร้างสถูปตามแบบวัชรยาน สำหรับบรรจุวัดถุมงคลและพระพิมพ์ มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๘
แหล่งโบราณคดีวัดพระนางตรา อยู่ในเขตตำบลไทรบุรี อำเภอท่าศาลา พบซากอุโมงค์เก่าเหลือแต่ฐานเนินดิน ซากเจดีย์มีขนาด ๑๐ x ๑๐ เมตร พบพระพิมพ์ดินเผาศิลปะแบบลพบุรี มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๗ - ๑๘ พระพุทธรูปสำริดปางแสดงธรรม มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๘ ถึงกลางพุทธศตวรรษที่ ๑๙
แหล่งโบราณคดีบ้าน อยู่ในเขตตำบลถ้ำโลน อำเภอลานสกา พบประติมากรรมรูปปั้นเทวสตรี มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๘ - ๒๐
แหล่งโบราณคดีวัดหว้ายาน (ร้าง) อยู่ในเขตตำบลมะม่วงสองต้น อำเภอเมือง ฯ พบพระพุทธรูปศิลปะทวาราวดี สูง ๑๐๕ เซนติเมตร พระเศียรและพระหัตถ์ทั้งสองข้างหักหายไป สันนิษฐานว่าเป็นปางแสดงธรรม ห่มจีวรแบบคลุม จีวรบางแนบพระองค์ แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์กับชุมชนทวาราวดี ในภาคกลางของประเทศไทย ตั้งแต่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๒
แหล่งโบราณคดีบ้านเทพราช อยู่ในเขตตำบลเทพราช อำเภอสิชล เป็นเนินโบราณสถานรูปร่างเกือบกลม มีขนาดประมาณ ๒๐ x ๒๐ เมตร สูงจากพื้นที่โดยรอบประมาณ ๑ เมตร มีสระน้ำโบราณอยู่สามสระตั้งอยู่ทางทิศเหนือ ทิศตะวันออกและทิศตะวันตกของเนินโบราณสถาน
แหล่งโบราณคดีบ้านนาเหรง อยู่ในเขตตำบลนากราย อำเภอท่าศาลา พบเนินโบราณสถานขนาด ๓๐ x ๓๒ เมตร สระน้ำโบราณ บ่อน้ำโบราณ และโบราณวัตถุได้แก่ฐานโยนี ธรณีประตู กรอบประตู
แหล่งโบราณคดีบ้านนูด อยู่ในเขตตำบลลาย อำเภอท่าศาลา พบเนอนดินโบราณสถาน เป็นเนินดินรูปร่างเกือบกลม ขนาด ๒๐ x ๒๗ เมตร สูงจากพื้นที่โดยรอบประมาณ ๑ เมตร พบสระน้ำโบราณสองสระ
แหล่งโบราณคดีวัดเกาะพระนารายณ์ อยู่ในเขตตำบลไทรบุรี อำเภอท่าศาลา พบเนินดินโบราณสถานและเทวรูปพระวิษณุสององค์ มีอายุอยู่ประมาณครึ่งแรกพุทธศตวรรษที่ ๑๓
แหล่งโบราณคดีโมคลาน อยู่ที่บ้านโมคลาน ตำบลโมคลาน อำเภอท่าศาลา พบเนินดินโบราณสถานขนาดใหญ่ เป็นที่ตั้งชุมชนโบราณ นับถือศาสนาพราหมณ์ลัทธิไศวนิกาย มีอายุประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๖ พบซากโบราณสถาน ซึ่งน่าจะเป็นทรากเทวาลัย ชิ้นส่วนสถาปัตยกรรมได้แก่ ฐาน เสาอาคาร ธรณีประตู กรอบประตู หลักหิน บางหลักมีการแกะสลักลวดลาย ศิวลึงค์ศิลา ฐานโยนี และพบว่าชิ้นส่วนสถาปัตยกรรมในศาสนาพราหมณ์ได้ถูกดัดแปลงเป็นพุทธสถาน พบชิ้นส่วนพระพุทธรูปปูนปั้น เม็ดพระศกพระพุทธรูป มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๙ - ๒๓ ในสมัยอยุธยา
แหล่งโบราณคดีทุ่งน้ำเค็ม อยู่ในเขตตำบลโมคคัลาน อำเภอท่าศาลา ห่างจากแหล่งโบราณคดีโมคคัลลานไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือสองกิโลเมตร สภาพเป็นที่ราบลุ่ม อยู่ระหว่างคลองโต๊ะเน็งและคลองอู่ตะเภา พบเหรียญกษาปณ์แบบทวารวดีบรรจุอยู่ในไหจำนวน ๑๕๐ เหรียญ มีลวดลายสัญลักษณ์เป็นรูปพระอาทิตย์และศรีวัตสะ มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๔
แหล่งโบราณคดีบ้านตีน อยู่ในเขตตำบลฉลอง อำเภอสิชล
แหล่งโบราณคดีบ้านสีสา อยู่ในเขตตำบลเปลี่ยน อำเภอสิชล เป็นโบราณสถานรูแสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด ๒๕ x ๔๖ เมตร สูงประมาณ ๔ เมตร พบแผ่นธรณีประตูและสระน้ำโบราณ
แหล่งโบราณคดีบ้านหัวทอน อยู่ในเขตตำบลเสาเภา อำเภอสิชล ลักษณะเป็นเนินดินรูปสี่เหลี่ยมคางหมู มุมมน ขนาด ๔๒ x ๕๘ เมตร สูงประมาณ ๕ เมตร พบศิวลึงค์หนึ่งชิ้น มีลักษณะที่น่าจะแสดงพัฒนาการระหว่างกลุ่มศิวลึงค์แบบเหมือนจริงกับกลุ่มประเพณีนิยม โดยมีสัดส่วนของพรหมภาค วิษณุภาค และรุทธภาค ไม่เท่ากัน ส่วนรุทธภาคมีขนาดใหญ่และสูงกว่า มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๑ ถึงกลางพุทธศตวรรษที่ ๑๒ พบสระน้ำโบราณและบ่อน้ำโบราณ เป็นบ่อทรงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางสามเมตร
แหล่งโบราณคดีวัดเบิก อยู่ที่บ้านดอนม่วง ตำบลฉลอง อำเภอสิชล พบเนินโบราณสถานและสระน้ำโบราณ ชิ้นส่วนสถาปัตยกรรม ได้แก่ กรอบประตู จำนวน ๓ ชิ้น
แหล่งโบราณคดีบ้านนาหัน อยู่ในเขตตำบลฉลอง อำเภอสิชล มีลักษณะเป็นเนินดินสูงประมาณเจ็ดเมตร พบฐานเสาแผ่นธรณีประตูทำจากหินปูน
แหล่งโบราณคดีวัดจอมทอง อยู่ที่บ้านจอมมทอง ตำบลสิชล อำเภอสิชล พบพระวิษณุศิลา อายุปประมาณกลางพุทธศตวรรษที่ ๑๓ พบชิ้นส่วนสถาปัตยกรรมได้แก่ ธรณีประตู มีอยู่ชิ้นหนึ่งมีจารึกอักษณปัลลวะ รุ่นเดียวกับที่พบในศิลาจารึกหุบเขาช่องคอย พบกรอบประตู พระพุทธรูปมีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๗ - ๑๘ และพระพิมพิ์เป็นจำนวนมาก มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๙
แหล่งโบราณคดีวัดนาขอม (ร้าง) อยู่ที่บ้านนาขอบ ตำบลสิชล อำเภอสิชล พบเนินโบราณสถานขนาดใหญ่ กลางเนินพบศิวลึงค์ห้าชิ้น แต่ละชิ้นมีขนาดต่างกัน ตั้งแต่ขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่มาก มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๓ พบพระพิมพิ์ดินเผาศิลปะเขมร เป็นพระพุทธรูปประทับนั่งอยู่ในซุ้มเรือนแก้วหกองค์ องค์ประธานนั่งอยู่ในซุ้มเรือนแก้วทรงปราสาทเขมร มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๗ - ๑๘ พบเครื่องถ้วยจีนแบบลายครามสมัยราชวงศ์เหม็ง เครื่องถ้วยสุโขทัย ลักษณะเป็นกระปุกขนาดเล็ก บรรจุเถ้าอิฐของคนตายแล้วนำไปบรรจุไว้ตามเจดีย์ พบพระพุทธรูปศิลปะท้องถิ่นนครศรีธรรมราช สร้างเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ ๒๒ แหล่งโบราณคดีแห่งนี้เดิมคงเป็นเทวสถานพราหมณ์ลัทธิไศวนิกายมาก่อน จนประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๗ จึงได้เปลี่ยนแปลงมาเป็นวัดในพระพุทธศาสนา มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวณณาที่ ๑๒ - ๒๒
แหล่งโบราณคดีบ้านไสสับ อยู่ในเขตตำบลฉลอง อำเภอสิชล มีลักษณะเป็นเนินสูงเหมือนจอมปลวก พบอิฐจำนวนมาก เมื่อขุดลงไปในเนินนั้น เมื่อรื้ออิฐออกพบหิน เมื่อขุดลึกลงไปจากผิวดินลึกหนึ่งเมตรได้พบฐานโยนิ ฐานเสาและธรณีประตู
แหล่งโบราณคดีวัดพระโอน (ร้าง) อยู่ในเขตตำบลฉลอง อำเภอสิชล พบเนินโบราณ รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด ๒๕ x ๓๖ เมตร สูงประมาณ ๒ เมตร พบบ่อน้ำโบราณรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสหนึ่งบ่อ มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตววรรษที่ ๑๑ - ๑๔
แหล่งโบราณคดีเขาคา อยู่ในเขตตำบลเสาเภา อำเภอสิชล พบเทวสถานพราหมณ์ลัทธิไศวนิกาย บนยอดเขาคาคงเป็นที่ประดิษฐานเทวาลัย ที่สำคัญที่สุดในละแวกนี้ โดยมีแหล่งเทวาลัยเล็ก ๆ ที่พบกระจายอยู่รอบเขาคาเป็นบริวาร สิ่งสำคัญที่พบบนเขาคาคือ เทวสถานสี่หลัง สระน้ำโบราณสามสระ ศาสนาสถานที่ตั้งศิวลึงค์หนึ่งแห่ง พบชิ้นส่วนสถาปัตยกรรมได้แก่ ฐานเสา ธรณีประตู กรอบประตู เศษอิฐ ประดับอาคาร โบราณวัตถุได้แก่ ฐานโยนี พระวิษณุศิลา ท่อโสมสูตร มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๔
แหล่งโบราณคดีบ้านต่อเรือ (วัดเทพราช - ร้าง) อยู่ในเขตตำบลเทพราช อำเภอสิชล ลักษณะเป็นเนินรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสมุมมน ขนาดประมาณ ๔๕ - ๔๕ เมตร พบสระน้ำหนึ่งสระและศิวลึงค์ขนาดใหญ่ มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๓
แหล่งโบราณคดีบ้านไสหิน อยู่ในเขตตำบลเสาภา อำเภอสิชล พบเนินโบราณสถานรูปสี่ดหลี่ยมผืนผ้า ขนาด ๕๓ x ๙๐ เมตร สูงประมาณ ๒ เมตร พบชิ้นส่วนสวถาปัตยกรรมได้แก่ ฐานเสา อาคาร และสระน้ำโบราณสองสระ
แหล่งโบราณคดีบ้านพรหมโลก อยู่ในเขตตำบลพรหมโลก อำเภอพรหมคีรี ตั้งอยู่ระหว่างคลองปลายอวนกับคลองนอกท่า พบศิวลึงค์ขนาดใหญ่ มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๔
แหล่งโบราณคดีวัดคันนาราม อยู่ที่บ้านนาสาร กิ่งอำเภอพระพรหม พบเศียรพระพุทธรูปศิลา สูง ๓๐ เซนติเมตร เป็นพระพุทธรูปศิลปอินเดียและชวา พระพักตร์อิ่มรูปสี่เหลี่ยม เม็ดพระศกรูปหอยใหญ่ อุษณีษะเป็นรูปกรวย พระเนตรเหลือบมองต่ำ พระโอษฐ์เล็ก อันเป็นลักษณะพระพุทธรูปแบบภาคใต้ มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๔
แหล่งโบราณคดีวัดพระเพรง อยู่ใกล้วัดพระเพรง ในเขตตำบลนาสาร กิ่งอำเภอพระพรหม มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๐ - ๑๑ พบเทวรูปพระวิษณุศิลา ประทับยืนบนปัทมอาสน์ ทำด้วยสำริด สูง ๑๙ เซนติเมตร มีสี่กร พระหัตถ์หน้าขวาแสดงปางประทานพร พระหัตถ์หน้าซ้ายถือนิโลตบล (ดอกบัวสีน้ำเงิน) พระหัตถ์หลังขวาถือลูกประคำ พระหัตถ์หลังซ้ายถือหนังสือ เกล้าพระเกศาเป็นมวยทรงสูง เรียกชฎามงกุฎ มีรูปพระธยานิพุทธอมิตาภะ ปางสมาธิประดับบนมวยผม คล้องสายยัชโญปวีด เฉียงบนพระอังสะซ้าย ทรงผ้ายาวกรอบพระบาทคาดทับด้วยหนังสือที่บริเวณพระโสณี จะเห็นหัวเสือที่พระโสณีเบื้องขวา มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๔
แหล่งโบราณคดีวัดโพธิ์ท่าเรือ (ร้าง) อยู่ในเขตตำบลท่าเรือ อำเภอเมือง ฯ เดิมมีซากเจดีย์อยู่เก้าองค์ มีพระพุทธรูปหินทรายแดงสามองค์ เมื่อมีการขุดเจดีย์ไเด้พบพระพิมพ์ทั้งที่เป็นดินเผาและเนื้อชินเงิน ศิลปะลพบุรี มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๘ พบชิ้นส่วนสถาปัตยกรรมได้แก่ เสาหิน แกะสลักลวดลาย คล้ายกับเสาหินที่พบที่แหล่งโบราณคดีโมคลาน แต่ที่โคนเสาแกะสลักลวดลายดอกไม้ พบแผ่นหินขนาดกว้างประมาณ ๓๖ - ๔๒ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๑๒๕ - ๑๘๐ เซนติเมตร หนาประมาณ ๒๑ - ๓๐ เซนติเมตร จำนวนเจ็ดแผ่น แกะสลักตรงกลางเป็นลายดอกไม้ห้ากลีบ ที่บริเวณทั้งสองข้างของแวผ่นหินแกะสลักเป็นรูปคล้ายบัวหัวเสา คล้ายกับศิลปะโจฬะตอนปลาย มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๙
แหล่งโบราณคดีบ้านท่าเรือ อยู่ในเขตตำบลท่าเรือ อำเภอเมือง ฯ ในคลองท่าเรือ พบเครื่องถ้วยชามจีนจำนวนมากจมอยู่ในคลอง เป็นเครื่องถ้วยจีนสมัยราชวงศ์ถัง เป็นไหเคลือบสีเขียวมะกอก มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๕ เครื่องถ้วยจีนสมัยราชวงศ์ซ้อง เช่น ตลับเคลลือบสีเขียว ชามเซลาดอนเคลือบสีเขียว มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๘ - ๑๙
แหล่งโบราณคดีกลุ่มชุมชนโบราณคลองท่าเรือ น่าจะเป็นแหล่งเมืองเก่าค้าขายกับดินแดนโพ้นทะเลมาตั้งแต่สมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์ โดยใช้คลองท่าเรือเป็นเส้นทางคมนาคม ค้าขายแลกเปลี่ยนต่อ ๆ กันมาเป็นเวลากว่าพันปี
แหล่งโบราณคดีเมืองโบราณพระเวียง อยู่ในเขตตำบลเมือง อำเภอเมือง ฯ เป็นเมืองโบราณตั้งอยู่บนแนวสันทราย อยู่ถัดจากเมืองโบราณนครศรีธรรมราช ลงมาทางทิศใต้ประมาณ ๖๐๐ เมตร ผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตามแนวทิศเหนือ - ทิศใต้ มีคูเมืองล้อมรอบหนึ่งชั้น ตัวเมืองกว้างประมาณ ๔๕๐ เมตร ยาวประมาณ ๑,๑๐๐ เมตร คูเมืองวด้านวทิศเหนือและทิศใต้ ลำน้ำธรรมชาติเป็นแนวคูเมืองได้แก่ คลองสวนหลวงและคลองคูพาย ด้านทิศตะวันตกเป็นคลองหัวหว่อง และด้านทิศตะวันออกเป็นคลองขุดเชื่อมชักน้ำจากคลองธรรมชาติ ทำให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ภายในเมืองมีวัดโบราณ๊อยู่หลายแห่งได้แก่ วัดสวนหลวงตะวันออก (ร้าง) ปัจจุบันเป็นที่ตั้งพิพิทธภัณฑ์สถานแห่งชาตินครศรีธรรมราช เคยขุดพบภาชนะดินเผาลักษณะเป็นหม้อปากผายมีเชิง บริเวณลำตัวและไหล่ภาชนะ ตกแต่งด้วยลายก้านขดเครือเถา ลักษณะคล้ายกับลวดลายในศิลปะชวาภาคกลาง ที่มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๔ นอกจากนี้ยังพบกุณทีทรงกลมคอกว้าง มีพวยคล้ายกับกุณทีของจีน มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๙ - ๒๐
แหล่งโบราณคดีวัดสระเหรียงหรือวัดสระเนรมิต อยู่ในเขตตำบลเสาธง อำเภอร่อนพิบูลย์ พบเนินโบราณสถานรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด ๕๒ - ๕๘ เมตร มีกำแพงแก้วก่ออิฐล้อมรอบทั้งสี่ด้าน เนินสูงประมาณ ๔ เมตร มีคูน้ำกว้างประมาณ ๑๐ เมตร ล้อมรอบ พบชิ้นส่วนอาคารสถาปัตยกรรมใต้ฐานเสาอาคารสี่เสา ธรณีประตูหินปูนหนึ่งชิ้น และเศษอิฐกระจายอยู่ทั่วไป ด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ห่างจากโบราณสถานประมาณ ๑๐๐ เมตร มีสระน้ำโบราณหนึ่งสระ ขนาดประมาณ ๖๐ - ๖๐ เมตร เนินดินแห่งนี้น่าจะเป็นเทวาลัยของพราหมณ์มาก่อน มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๔
แหล่งโบราณคดีทั้ง ๑๒ แห่งนี้ แสดงหลักฐานการตั้งถิ่นฐานของชุมชนนแรกเริ่มประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๐ - ๑๑ เป็นต้นมา เว้นแต่กลุ่มชนโบราณคลองท่าเรือแห่งเดียวที่มีอายุเก่าไปถึงประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๐ - ๑๑
ไม่มีความเห็น