850. "การเล่น" ในยุคสามก๊ก


วันนี้อยากมาคุยเรื่องหนึ่ง เรื่องที่ขงเบ้งหลอกสุมาอี้เนื่องจากมีกำลังน้อยสู้ไม่ได้ และอยู่ระหว่างถอย เมื่อไม่ทัน ก็เลยใช้วิธีการเปิดเมืองรับ และตัวเองก็ขึ้นไปดีดพิณ สุมาอี้มาเจอเกิดระแวงเพราะเคยแพ้มาหลายรอบ เลยหนีแบบไม่คิดชีวิต ขงเบ้งเลยรอดตัว เหตุการณ์นี้เราจะยกย่องปัญญาของขงเบ้งมาก ปฏิบัติการขำของขงเบ้งทำให้ขงเบ้งเอาตัวรอดจากภัยคุกคามได้ ไม่พอทำให้สุมาอี้กลายเป็นตัวตลกในประวัติศาสตร์ เรียกว่ายับเยินมากๆ  

ในฐานะวันนี้ที่ผมหันมาอยู่กับ #ทีมขงเบ้ง .. 


ไม่ว่าคนจะมองเรื่องนี้อย่างไร รู้สึกทึ่งเรื่องนี้มาก เพราะอะไรครับ ...เพราะนี่คือการใช้สมองที่ชาญฉลาด ...แสดงว่าถ้าเราจะแก้ปัญหาที่น่ากลัว เป็นภัยคุกคาม เราควรมองแบบขงเบ้ง...

ประเทศไทยมีปัญหาที่แก้ไม่ได้มากมาย เอาเป็นว่าเรามาสำรวจวิธีการแบบขงเบ้งดู...อาจเจอคำตอบอะไรบางอย่าง..

ผมนึกถึง Dan Pink กูรูด้านบริหาร สุดยอดคนท่านนี้ได้ศึกษาปรากฏการณ์ของโลก ค้นพบว่าโลกปัจจุบันเปลี่ยนไปเร็วมากๆ สิ่งที่คุณทำอยู่อาจไม่มีใครต้องการโดยที่คุณไม่รู้ตัว ผมเองทำงานเป็นที่ปรึกษาให้องค์กรบางแห่ง ก็กำลังเจอสภาวะนี้ครับ ...อยู่ดีๆ ใครก็ไม่ต้องการคุณ...อาจารย์ Dan บอกว่าเราจะใช้สมองซีกซ้ายที่เป็นตรรกะต่อไปไม่ได้ คุณต้องใช้สมองซีกขวา...ในโลกที่ผันผวนบ้าคลั่งขนาดนี้ คนใช้สมองซีกขวาจะครองโลก ...อาจารย์แดนเพิ่งพูด...ผมอ๋อเลย นี่ไง โลกยุคนั้นตระกูลโจ ตIะกูลสุมาปวดประสาทอยู่เกือบ 100 ปี ด้วยฝีมือคนใช้สมองซีกขวาเก่งๆ อย่างขงเบ้ง ...  

Credit ภาพ:http://freakonomics.com/podcas...


มาลงลึกตามหลักวิชาปัจจุบันว่าขงเบ้งทำอะไร ...

อาจารย์แดนบอกว่า การใช้สมองซีกขวาสร้างอะไรใหม่ๆ หาคำตอบที่ใครทำไม่ได้ มีหกแนวทาง อาจารย์ท่านเรียกว่า Six Senses นั่นคือ

  1. Design คุณต้องเชื่อมโยงผู้บริโภคที่ความรู้สึก ไม่ใช่แค่การใช้งาน...  นั่นหมายถึงการออกแบบอะไรก็คำนึงถึงความรู้สึกด้วย เช่นบริษัทหนึ่งออกแบบครัว เขาก็ไปดูว่าคนมีปัญหาอะไร เขาไปเจอผู้สูงอายุ ร่างกายหด ไม่สูงยื่นมือไปเอาของในครัวรูู้ลำบาก เขาเลยทำให้เตี้ยลง..ก็ขายดีขึ้น 
  2. Story มีเรื่องราว ผลิตภัณฑ์ดังๆ มักมีเรื่องราวเสมอ เช่น Steve Jobs  ถ้าไม่มีเรื่องราวมักจะธรรมดา ดังนั้นคุณต้องขุดเรื่องดีๆ ขององค์กรมาเล่าด้วย
  3. Symphony เน้นนวัตกรรม ไม่ใช่เอาแต่รายละเอียด ...หมายถึงอะไรครับ ชัดเลยเช่น App ทั้งหลายของ Apple ที่ทำให้คุณไม่ต้องรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการเขียน Programme แต่ก็ใช้งาน Appได้ 
  4. Empathy ไปให้ไกลกว่าตรรกะ ต้องใช้อารมณ์และลางสังหรณ์ให้มากขึ้น  ตอนนี้ผู้บริหารสูงสุดของรถไฟฟ้าสิงค์โปร์ขายรถ และหันมาขึ้นรถไฟบริษัทตนเองไปทำงาน ทำตัวปนเปไปกับผู้โดยสาร ทำให้เห็นปัญหามากกว่า
  5. Play เล่นครับเล่น เราต้องใส่อารมณ์ขันและความสนุกเข้าไปด้วย ก็จะแก้ปัญหาได้... ฝรั่งคนหนึ่งแก้ปัญหาเด็กที่ไม่ไปโรงเรียนในอาฟริกา เนื่องจากต้องคอยไปตักน้ำในที่ไกลๆ ให้ครอบครัว เขาเลยออกแบบม้าหมุนที่มีกลไก ถ้าหมุนไปก็สูบน้ำขึ้นมาเก็บไม่ต้องใช้ไฟ.   เด็กๆ ก็เลยไปโรงเรียนเหมือนเดิม และเด็กๆก็จะลงมาเล่น เจ้าม้าหมุนนี่ก็จะสูบนำ้ไปเก็บไว้ ผู้ปกครองก็ได้น้ำ ไม่ต้องใช้เด็กไปตักน้ำในที่ไกลๆ มาส่งเด็กมาโรงเรียนก็ตักน้ำกลับบ้านไป ...ที่สุด เด็กก็ไปโรงเรียนได้ สุดยอดไหมครับ  ลองดู Clip ครับชื่อ Play Pump ...

6. Meaning แปลว่ามีความหมาย การมีความหมายแปลว่าให้มากกว่ารับ ...  ไม่ใช่ขายของ ...เช่น Starbucks ซื้อเมล็ดกาแฟจากชาวไร่โดยตรง..แบบไม่บีบราคา แต่เดิมชาวไร่โดนกดราคา.. Starbucksไม่โลภครับ พัฒนาชาวไร่ไปด้วย ยกระดับมาตรฐานไปด้วย ที่สุดชาวไร่ก็มีความสุข ลูกหลานได้ไปโรงเรียน  Starbucks ก็ได้ของดี   

ผมคงไม่ลงลึกตัวอื่น แต่ที่ขงเบ้งทำเรียกว่าการเล่น (Play) 

เล่นนี่แหละครับ ที่ผมอยากบอกสุดยอดมากๆๆๆ  ถ้าขงเบ้งไม่ทำอย่างนี้จ๊กก๊กคงจบไปนานแล้ว...

เล่นจึงเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่  

เล่นทำให้เรื่องใหญ่เป็นเรื่องเล็ก 

อะไรที่ยากๆ เราอาจต้องเล่นกันบ้างจริงไหมครับ มาดูตัวอย่างการเล่นที่ทำให้เกิดการแก้ปัญหายากๆ ได้ในบ้านเรา

1.ปัญหาการศึกษา ประเทศเรากำลังบ่นเรื่องการศึกษา คุณภาพที่ย่ำแย่ ปรากฏว่ามีอาจารย์ผมมาเล่าให้ฟัง ว่าแถวอำเภอจตุรัสเมื่อ 10 กว่าปีก่อน เด็กที่นี่สอบได้รางวัลชีววิทยาโอลิมปิกของโลก...ของโลก ...  คุณคงคิดว่าที่นี่มีครูจากรร. เตรียม มหิดลวิทย์ไปสอน ..ไปติว มีเครื่องมือวิจัยเพียบ ..ไม่ใช่ครับ ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรจริงๆ ..ครูเลยให้เด็กไปเรียนชีววิทยาจากทุ่งนา ไปศึกษาชีวิตแมงกุดจี่ ศึกษาไส้เดือน...พอไปสอบระดับโลก ได้ที่ 1 นี่ไงครับไม่ได้สอนวิทย์แห้งๆ ประสาทๆ ท่องชื่อสารเคมี แต่ไม่รู้ของจริงเป็นอย่างไร ... ผมไปถามโรงเรียนอเมริกันที่เก็บค่าเรียนแพงๆ เขาก็เรียนชีวะในทุ่งหญ้าครับ... ท้องนา ทุ่งหญ้า คือแหล่งที่มาของความรู้ ไม่ใช่หนังสือ สูตรวิทยาศาสตร์แห้งๆ ... จบลงด้วยการติวเข้าหมอ วิศวะ อย่างเดียว..แล้วคิดอะไรไม่เป็น..ซื้อจากต่างประเทศอยู่ดี..มันวิทย์ตรงไหน (ฟะ) ...เล่นกันบ้าง พี่เล่นครับพี่ ...แสดงว่าเรามีสิทธิสร้างนักวิทยาศาสตร์ระดับโลกได้โดยแทบไม่ใช้งบอะไรเลย  เพียงเปลี่ยนวิธีคิดเท่านั้น

2. ศาสตราจารย์สุชัชวีย์ อธิการพระจอมเกล้า ลาดกระบัง (อาจารย์เอ้) แทนที่จะพาอาจารย์มาต้อนรับนักศึกษาอย่างเย็นชาชวนหลับ  แล้วก็ไม่รู้เรื่อง  ไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์กับนักศึกษาตั้งแต่แรก เพราะความยิ่งใหญ่ทำให้เกิดช่องว่างอย่างที่เป็นกันมา.. ช่องว่างอะไร จริงๆ อาจารย์ทั้งหลายมีประสบการณ์ชีวิตมามาก บางสาขาสัมผัสกับเอกชน รู้วัฒนธรรมอะไรใหม่ๆ อะไรที่เลิกทำอะไรที่ต้องมองล่วงหน้า ผู้ใหญ่กลุ่มนี้รู้ครับ...ไม่ครับ ด้วยวิธีการรับน้อง ปฐมนิเทศน์แบบเดิมไม่เปิดโอกาสให้เด็กเข้าไม่ถึงผู้ใหญ่ระดับนี้... หลายที่ช่องว่างนี้ถูกเติมเต็มด้วยระบบ SOTUS ของรุ่นพี่บักหำน้อย ที่แก่กว่ากันปีเดียว... แต่กลับทำตัวมีประสบการณ์กร้านโลก ... หนักสุดมีการทำร้ายร่างกาย ทำร้านจิตใจกีดกันคนคิดต่าง ถ้าปัญญาอ่อนสุดก็น่าจะเป็นเรื่องให้นักศึกษารุ่นน้องอมลูกอมวนๆ กันไป  แม้ผมจะไม่เคยเจอเรื่องงี่เง่าระดับนี้ แต่ก็รู้สึกไม่มีความสุขที่ได้ยินเรื่องรับน้อง หรือการปฐมนิเทศน์ที่ทำกันมา 

ผมได้แต่วิพากษ์วิจารณ์..แต่อาจารย์เอ้ ท่านไม่ว่าใคร ไม่ตำหนิใคร ท่านพาเล่นซะเลย ...ท่านจัดการปฐมนิเทศน์แบบใหม่... พาผู้บริหาร คณบดี Rap เพลงต้อนรับเด็กใหม่อย่างอบอุ่น จริงๆ แกทำแนวนี้มาก่อน ...สิ่งที่เห็นคือเด็กปีหนึ่งเรียกอธิการว่าพี่..บางทีแวะมาหาที่ห้องอธิการ มาปรึกษาปัญหากับผู้ใหญ่ที่เก่งจริงๆ รู้ Trend แนะนำได้จริง.. ช่องว่างบางอย่างที่เคยมี มันเริ่มหายไป... เพราะสมัยผมเรียนผมไม่รู้จะไปหาอาจารย์ผู้ใหญ่ที่ไหน มีปัญหาก็ต้องเก็บไว้คนเดียว จะไปคุยกับรุ่นพี่ก็ได้ครับ แต่ทุกคนก็ไม่ได้มีประสบการณ์จริงๆ .. มันเห็นชัดสมัยเวลาโตมาว่าผู้ใหญ่สำคัญอย่างไร ...โดยเฉพาะปริญญาเอก การได้คุยได้เรียนได้มีความสัมพันธ์กับอาจารย์ที่เป็นผู้นำในสาขานั้นๆ มันเปลี่ยนชีวิตจริงๆ แต่ตอนป.ตรีผมไม่มีครับ  ไม่รู้เสียโอกาสอะไรไปบ้าง...  อยากให้เล่นกันแบบอาจารย์สุชัชวีย์ครับ การศึกษาไทยอาจไปไกลกว่าเดิม 

3. คนที่เล่นต่อมาคือลูกศิษย์ผมเอง ผมเรียกเขาว่าอาจารย์ม่อน ..อาจารย์ม่อนเป็นลูกศิษย์ที่ MBA ขอนแก่น อาจารย์ม่อนเป็นคนเรียนเก่งเลยเป็นมือติวของรุ่น จบมามาทำธุรกิจที่ปรึกษา ก็เริ่มเห็นปัญหาครับ ..คนเรียนบริหารไม่ใช่ทุกคนจะ get เพราะมันคือวิทยาศาสตร์และศิลปะ  บางคนอาจเก่งบางวิชาแต่เชื่อมโยงไม่ได้ บางคนไม่เห็นความสัมพันธ์ว่าทำอย่างนี้ไปจะทำให้อะไรเกิด อะไรส่งผลถึงอะไร ... อาจารย์ม่อนเห็นลูกเล่นโดมิโน เลยเดิแรงบันดาลใจเอาเกมโดมิโน่มาดัดแปลงให้ผู้ใหญ่เล่น ตั้งชื่อว่า "Domino Business Game " เป็นเกมส์บริหารธุรกิจทำไปทำมากลายเป็นอาชีพ สามารถใช้เกมส์นี้มาให้ผู้บริหารเล่นแก้ปัญหาองค์ได้จริง ตอนนี้อาจารย์ม่อนมาเป็นอาจารย์รับเชิญที่ MBA KKU ด้วย มาสอนผู้บริหารเล่มเกมส์ เล่มเกมส์อ.ม่อนสองวันนี่ทำให้เชื่อมโยงทุกวิชาที่เรียนมาได้ ...สุดยอดไหมครับ นี่ครับการเล่น  (ลองเข้าไปดูใน Website ของอาจารย์นะครับ http://www.dominobg.com/)

4. ผมเองก็พยายามพัฒนาการเล่นมาใช้ในการสอน  ผมใช่ไพ่ทาโรต์ Roots of Asia มาช่วยนักศึกษาค้นหาตัวเองว่าอยากทำอาชีพอะไร ที่จะทำให้ตัวเองมีความสุขที่สุด คือหา Passion ในอาชีพ ปรกติใช้เวลานานเป็นชั่วโมง ตอนนี้ผมใข้เปิดไพ่เอา (ไม่ใช่ทำนาย) ให้นักศึกษาคิดเชื่อมโยงจากส่ิงที่เห็นในไพ่ ไปหาสิ่งที่ตัวเองชอบ ทุกคนจะมองออกเอง ด้วยวิธีการเล่นๆ ของผมนี้ล่าสุดผมช่วยคนประมาณ 10 คนค้นหาตัวเองได้ ทำทีละค้นภายในสองชั่วโมง (ปรกติถ้าทำตามหนังสือก็ 2 ชั่วโมงต่อคน)   เอาง่ายๆ ผมใช้สามใบถามหา Passion ...ซึ่งคือคุณชอบทำอพะไรมากๆ ชนิดนักแบบเจาะลึกสามเรื่อง...เพื่อเลือกเรื่องที่คุณชอบไปต่อยอดไปอาชีพ... สมัยก่อนผมให้เติมคำในช่วงว่าง..จำนวนมากใบ้ครับ..พอใช่ไพ่..เช่นสามใบข้างล่าง ดูภาพหรือคำก็ได้นึกถึงอะไรที่คุณชอบมากๆ    

"น้ำนมแห่งความดี ผมนึกถึงผู้หญิง..ผมชอบชอบการบริหารงานที่เน้นคุณภาพชีวิตสร้างความสมดุลชีวิตให้คนกับบ้าน ไม่ใช่ใช้เขาทำงานจนดูแลครอบครัวไม่ได้" ถ้าใครมาเจอไพ่นี้แล้วชอบมาแนวนี้ ผมจะแนะนำให้ไปต่อยอดทำเรื่อง Positive Organzation Schorlarship ที่เน้นการสร้างวัฒนธรรมที่ดีในการทำงาน สร้างสมดุลชีวิต เป็นที่ปรึกษา เป็นอาจารย์ก็ได้  หรือจะเอาแนวคิดนี้ไปสร้างองค์กรของคุณก็ได้ ถ้าคุณเป็นผู้นำ... เป้นต้นครับ ... 

...วิธีการนี้ผมจะเล่าให้ฟังโดยละเอียดในตอนต่อๆ ไป...นี่ครับ เล่น ..จนเห็นอาขีพ... 

สรุปครับอะไรยากๆ หาคำตอบไม่ได้ ก็เล่นซะเลย วิธีการเล่นทำอย่างนี้ครับ เท่าที่ผมสำรวจมา

  1. เอางานอดิเรกของตนเองไปแก้ปัญหาครับ ...เช่นขงเบ้งเล่นพิณเป็น Hobby ก็ใช้พิณในการสงคราม ลูกศิษย์ผมชอบเล่นเกมส์ ก็เอาเกมส์มาเชื่อมโยงแก้ปัญหา แล้วทดลองดู อาจารย์ MBA ท่านหนึ่งชอบอาหารมาก เลยพาลูกศิษย์ไปฝึกภาวะผู้นำด้วยการฝึกเป็น Chef สุดยอดมากครับ เครื่องมือเปลี่ยนโลกอาจอยู่ไกล้ตัวคุณมากกว่าที่คิด
  2. สังเกตคนที่เล่นเก่งๆ ดึงมาช่วยคิด...อาจารย์สุชัชวีย์มีลูกศิษย์เป็นนักดนตรี Rap และมีภาควิศวกรรมการดนตรี กลุ่มนี้เขาเล่นสุดๆ อยุ่แล้ว ก็ดึงมาช่วย ผลออกมาอย่างที่เห็น...
  3. สุดท้ายอย่าสิ้นหวังอะไร เพราะแก้ไม่ได้คุณหาวิธีเล่นครับ ขยี้มันเลย เล่นไม่เป็น ดึงคนที่เล่นเป็นไปช่วย ..ผมเองตอนหลังสอน ผมเล่นแบบอ.ม่อนไม่เป็น เราก็ร่วมทีมสอนด้วยกันซะเลย 

อยากแก้ปัญหาได้แบบขงเบ้ง ต้องเล่นเป็นครับ.. 

ว่าแล้ว..

มาทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็กกัน มาเล่นกันครับ

บทความโดย

ดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์

www.aithailand.org

Note:  หนังสืออ้างอิงเรื่อง Six Senses 


หมายเลขบันทึก: 649797เขียนเมื่อ 16 สิงหาคม 2018 11:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 สิงหาคม 2018 13:13 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

กำลังเครียดเรื่องเรียนอยู่ ทำให้มีกำลังใจขึ้นมาเลยครับ ต้องเอาเรื่องเรียนมาทำให้เป็นเรื่องเล่นบ้างแล้ว

กำลังเครียดเรื่องเรียนอยู่ ทำให้มีกำลังใจขึ้นมาเลยครับ ต้องเอาเรื่องเรียนมาทำให้เป็นเรื่องเล่นบ้างแล้ว

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท