...
เช้านี้ฟังรายการวิทยุรายการนึง
ขณะที่ดีเจกำลังสนทนากับเพื่อนดีเจอีกคนอย่างออกรสออกชาติ
ก็ได้มีการหยิบยกตัวเลขทางสถิติขึ้นมาอ้างอิงกอปรกับเรื่องที่กำลังเล่า ดูน่าเชื่อถือ
"ร้อยละ 80.37 ของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา พึงพอใจค่ะ"
นี่ก็เป็นอีกรูปประโยคนึงที่ได้ยินและพบเห็นกันได้บ่อยตามสื่อโฆษณา
แต่สังเกตกันดีๆสิครับ ร้อยละ 80.37 จริง แต่จากผู้ทดลองใช้ทั้งหมด 10 คน .. เอากับเค้าสิ
แว่บแรกที่ได้ยิน ก็รู้สึกเชื่อได้ในทันทีว่า เออหว่ะเรื่องที่เค้ากำลังบอกอยู่นั้นเป็นเรื่องจริงที่สมเหตุสมผลมากๆเลย
หลังจากฟังจบ นึกย้อนดูก็สงสัยว่าเท่าที่เคยฟังใครต่อใครสนทนากันมา
หลายครั้งได้มีการหยิบยกตัวเลขเปอร์เซ็นต์ขึ้นมาพูดคุย ซึ่งผลตอบรับที่ได้แทบจะทันทีกับคนฟังก็คือ
อาการนิ่ง และตั้งใจฟังในสิ่งที่ผู้พูดกำลังจะพูดคุยอธิบายต่อไป
เรามาลองเปรียบเทียบดูก็ได้ ไม่ต้องกับใครหรอกครับ กับตัวเราเองนี่แหละ
ระหว่างคนที่พูดโดยอ้างอิงตัวเลข กับ คนที่ไม่อ้างอิงตัวเลข เราจะมีแนวโน้มเชื่อใครมากกว่ากัน
"ร้อยละเจ็ดสิบสามจุดสองของจำนวนคนทั้งหมด เห็นด้วยกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน"
"กว่าเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ของพนักงานทั้งหมด ขอให้โรงอาหารในบริษัทเพิ่มจำนวนร้านค้า"
"สามสิบแปดเปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงที่มีคนในครอบครัวสูบบุหรี่ มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง"
"คนส่วนใหญ่ เห็นด้วยกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กำลังเกิดอยู่ในตอนนี้"
"จากผลการสำรวจพบว่า วัยรุ่นไทยส่วนใหญ่มีแนวโน้มตั้งครรภ์ก่อนวันอันควร"
ลองเทียบประโยคต่อประโยค จะเห็นได้ชัดเลยครับว่า เรามักมีโอกาสเชื่อสิ่งที่ได้ฟัง หรือ อ่านมากขึ้น
หากเป็นการอ้างอิงจากผลสำรวจ , ตัวเลขเปอร์เซ็นต์ หรือ การอ้างถึงแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
เหตุผลเพราะมันฟังดูน่าเชื่อถือไงล่ะครับ
หลายครั้งที่เราใช้ตัวเลขเปอร์เซ็นต์ มาเทียบเคียงกับความรู้สึกของเราเอง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิด
เพราะมันเป็นการอ้างอิงความรู้สึกของเราเอง ให้คนอื่นเข้าใจแล้วกะ ประมาณความรู้สึกเราต่อเหตุการณ์นั้นๆให้ชัดเจนมากขึ้น
A : "คุณมั่นใจมากแค่ไหนคะ กับการแข่งขันในวันนี้"
B : "อ๋อ มั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์เลยครับ เพราะผมเตรียมตัวมาอย่างดี"
C : "ส่วนผมก็ 50 : 50 ครับ คู่ต่อสู้เค้าเป็นถึงแชมป์ระดับเอเชียอยู่เหมือนกัน"
แต่หากเราใช้ตัวเลขมาอ้างอิง เพราะอยากได้รับความมั่นใจจากคนอื่นโดยขาดข้อมูลหรือหลักเหตุผลที่เหมาะสม ตัวเลขนั้นก็อาจสร้างผลกระทบต่อคนอื่นต่อได้ เราจึงควรระวังเวลาที่กำลังสนทนาในเรื่องที่สำคัญๆ เพราะประโยคใดก็ตามที่ถูกพูดขึ้นแล้วประโยคเหล่านั้นมีโอกาสนำไปถ่ายทอดต่อให้กับคนอื่นๆ
จากเรื่องไม่จริงก็มักจะกลายเป็นเรื่องที่จริงมากขึ้นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีคนมาหักล้างความคิดนั้นลงไป ท้ายที่สุดแล้ว หากนั่นเป็นเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ ก็ไม่สำคัญแล้วล่ะครับว่าเรื่องเหล่านั้นจะเป็นเรื่องจริงรึเปล่า เพราะวิธีที่ง่ายที่สุดของพวกเราก็คือ เลือกที่จะเชื่อในเรื่องนั้นๆต่อไปโดยไม่ถามเหตุผลจากใครอีกเลย
ไม่มีความเห็น