แม่คลอดเรามากี่ปีแล้วนะ ลองจินตนาการว่า ด้วยสาเหตุใดก็ตาม ทำให้เราขาขาดทั้งสองข้าง
แม่จะหัวใจสลาย เจ็บมากกว่าเราสักเท่าใด
ลองคิดคร่าว ๆ แล้วเราจะทำใจยอมรับได้ ลุกขึ้นมาสู้ ๆ ใช้ชีวิตด้วยตนเองมากที่สุด ไวที่สุด
สภาพจิตใจ จะเสียใจกี่ปี กี่เดือน กี่วัน จะโทษตัวเองไหม ทำไมโชคร้ายแค่เรา จิตใจเราจะแข็งแกร่งพอที่จะยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว
มองเห็นแง่มุมดี ๆ เป็นพลังบวกในการใช้ชีวิตต่อไป
ลองตอบตัวเองนะคะ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์จนยืนหยัดจิตใจปกติ พร้อมสู้ ๆ 10 ปี 5 ปี 2 ปี 3 เดือน 2 สัปดาห์ หรือเพียง 5 วัน
^_,^
น้องธันย์ ณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์ เล่าและเปิด slides ประกอบ
ปี 2554 น้องสวมชุดผู้ป่วยนอนบนเตียงในโรงพยาบาล ไม่มีขาท่อนล่างทั้งสองข้างแล้ว แต่มือซ้ายยังชูสองนิ้วรูป V ด้วยใบหน้าร่าเริงเปื้อนรอยยิ้มกว้าง
น้องจำไม่ได้ว่าเศร้าหรือเสียใจนานไหม น้องบอก ดูหน้าสิคะ ยิ้มได้ตลอด
อายุ 14 ปี ไปเรียน summer ที่สิงคโปร์ ใช้รถไฟฟ้าตามปกติ
อยู่ ๆ ก็ตกลงไป เคลื่อนตัวขยับไม่ได้ มีสติร้องให้คนช่วย คลำข้างกระเป๋ากางเกง โทรศัพท์ดังพอดี
ครอบครัวที่สิงคโปร์โทร.มาพอดี เพราะหายไปนาน
จากนั้น ทุกสิ่งก็ดำเนินไปตามที่ควรจะเป็น เข้ารักษาในโรงพยาบาล มีช่างภาพสื่อมวลชนตามติด พยายามซูมกล้องผ่านกระจกช่องเจาะสี่เหลี่ยมเล็กที่ประตูหน้าห้อง
รำคาญนัก หันไปยิ้มกว้างให้ 1 ครั้ง
นั่นละจุดเปลี่ยน ... สาวน้อยคิดบวก ยิ้มได้ตลอดตั้งแต่บัดนั้น
^_,^
พื้นฐานจิตใจมองโลกแง่บวกมาจากครอบครัว โดยเฉพาะคุณพ่อ เป็นลูกคนเล็ก แต่ถูกเลี้ยงให้มีเหตุผลและช่วยเหลือตัวเองได้มาตลอดตามวัย
รักษาแผลที่ขาหาย ตั้งใจทำกายภาพบำบัด ฝึกกล้ามเนื้อ ได้รับพระราชทานขาเทียมจากสมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาฯ
ช่วงเวลาฝึกเดิน น้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจเกินร้อย ฝึกเดินซ้ำ ๆ ๆ ๆ ทุก ๆ วัน ขาตัวเองเสียดสีกับขาเทียม เจ็บ บางครั้งมีเลือดออก ไม่เคยท้อ ฝึก ๆ ๆ ๆ ... จนเดินเองได้
เพราะผ่านวิกฤติมา ได้รับความช่วยเหลือมากมาย
วันหนึ่ง มองขาเทียมที่ถอดพักวางในห้อง ความคิดผุดขึ้น
จะใช้ขาคู่นี้ ทำประโยชน์ต่อเพื่อคนอื่นได้อย่างไร
^_,^
คำตอบคือ ใช้ขาเทียมแล้ว ทำทุกอย่างให้ใช้ชีวิตปกติโดยไวที่สุด ไม่ได้คิดว่าขาเทียมเป็นอุปสรรค ไปเรียน เที่ยวสวนสนุกกับเพื่อน ขับรถ ฝึกดำน้ำ
เลือกสิ่งที่ดีที่สุดด้านการศึกษา ย้ายจากตรังเข้าโรงเรียนจิตรลดา มาแตร์เดอีวิทยาลัย สอบเข้าคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จบสามปีครึ่ง และยัง Pre-degree คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
กลางปี 2560 โรงพยาบาล World Medical เปิดรับสมัคร ส่งคลิป และสัมภาษณ์ น้องธันย์ได้รับเลือกให้ทำหน้าที่ "ผู้สำรวจความสุขคนไข้" เริ่มงาน 16 สิงหาคม เป็นระยะวลา 6 เดือน ค่าตอบแทนเดือนละ 1 ล้านบาท
จากการทำหน้าที่ พบว่าคนไข้มีความสุขภายนอก จากความพึงพอใจต่อหมอ ต่อการบริการ ส่วนความสุขภายใน มาจากความรู้สึกภายในของตัวเอง สาเหตุหลักความทุกข์ของคนไข้ไม่ได้มาจากโรค แต่เป็นปัญหาที่บ้าน อะไรมากกว่า
น้องธันย์ได้สร้างรอยยิ้ม แบ่งปันความสุข สร้างความสุขต่อให้ผู้อื่น และได้รอยยิ้มกลับคืน อ้อมกอด มิตรภาพ ความผูกพัน ข้อคิด ความรู้มากมายกลับคืนมา
เป็นทั้งผู้ให้และรับ
^_,^
แผนอนาคต น้องธันย์อยากเรียนต่อ นำข้อมูล ความรู้มาใช้ทำหน้าที่ในการสร้างแรงบันดาลใจและแบ่งปันความสุขต่อผู้คนต่อเนื่องไป
คิดบวกในความหมายของน้องธันย์ ไม่ใช่โลกสวย แต่มองโลกตามความจริง
นั่งฟังน้องพูดคุย ชวนถามนิดหน่อยเป็นเวลา 1 ชั่วโมงนิด ๆ มีความรู้สึกว่าน้องจิตใจเข้มแข็งมากโดยไม่ต้องพยายาม น้องเชื่อในรอยยิ้ม และเป็นเช่นนั้นจริง น้องยิ้มเก่งมาก ยิ้มบ่อยตลอดที่พูดคุยกัน
สร้างสุขโดยยิ้มจากใจให้ตัวเองก่อน ส่งรอยยิ้มสดใส ส่งกำลังใจต่อให้คนอื่น ให้ไปก็จะได้รับกลับ
น้องได้รับการเลี้ยงดูโดยพ่อแม่เป็นวัคซีนให้ชีวิต คนเรายังต้องการวัคซีนหลายตัว หาต้นแบบในการให้กำลังใจตัวเอง หากำลังใจจากรอบข้าง หาวิธีคิดบวกแบบนั้น แบบนี้ หลาย ๆ วิธี เราก็จะมีวัคซีนป้องกันในตัวเยอะแยะ เวลาเจอสถานการณ์แตกต่าง สติ จะช่วยมองเรื่องใหญ่เป็นเรื่องเล็ก ใช้วัคซีนบวกแต่ละวิธีให้ผ่านไปได้
มองเรื่องเหมือนไร้สาระก็เป็นสุขได้
แต่ถ้ามองแบบมีอคติ เรื่องเล็กจะกลายเป็นเรื่องใหญ่
^_,^
ด้านบวกขยันมองหา หากมีความคิดลบผุดมา ต้องฝึกฝนใจเตรียมพร้อมจัดการ ห้ามพูด 4 คำ เบื่อ เหนื่อย ท้อแท้ ทำไม่ได้
หาเหตุผลใช้ชีวิตเดินทางสายกลาง
ถ้ายังไม่รู้ว่า Passion ของชีวิต คือ อะไร ให้ลองทำหลาย ๆ อย่าง จนค้นพบว่า สิ่งไหนที่เราทำอย่างมีความสุข หรืออยู่ตรงนั้นได้นาน ๆ
เราต้องลองทำก่อน ก่อนจะบอกว่าทำไม่ได้
ตราบใดที่เรามีลมหายใจ เราควรใช้ให้เกิดประโยชน์ ให้โอกาสตัวเอง ทำกิจกรรมให้กำลังใจคนรอบข้าง
คนเราทุกคนสามารถให้กำลังใจกันและกัน
จุดเริ่มต้น จากการให้โอกาสตัวเอง กับการให้โอกาสคนอื่น
เราจะมีความรู้สึกต่างกัน ความภูมิใจต่างกัน
ทุกคน ไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร เป็นตัวของตัวเอง คนอื่นมองเราแง่ลบ ขึ้นกับการตีความของตัวเราเอง
ความคิดของคนอื่น ไม่มีผลต่อตัวเรา
^_,^
เป็นช่วงเวลาคุณภาพเยี่ยมอีกช่วงในชีวิต ที่ได้ซึมซับวิธีคิดบวก ๆ ๆ ทวีคูณจากน้องธันย์
ยังมีความฝัน เรื่องที่ยังไม่ได้ลองทำอีกหลายเรื่อง
พลังชีวิตซุกซ่อนยังไม่นำมาใช้อีกมาก เพื่อความสุขตัวเรา เพื่อรอยยิ้มคนรอบข้าง เพื่อความสุขผู้อื่น ทั้งรู้จักหรือไม่รู้จักกันมาก่อน
วันนี้ วันแม่ กราบแม่ด้วยหัวใจ
ลูกจะทำเบื้องหลังรอยยิ้ม ฟันดี เพื่อชีวิตผู้เกี่ยวข้องที่ดีขึ้น
พร้อมรอยยิ้มกว้างสดใส เป็นสุข
เป็นพลังสร้างสรรค์ สร้างพลังสังคมร่วมกัน
...
สวัสดีวันแม่นะคะทุกท่าน
^_,^
ปล. 1. ขอบพระคุณ สำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย ที่ให้โอกาสผู้เขียนร่วมสนทนากับน้องธันย์ ในการประชุมวิชาการทันตสาธารณสุขแห่งชาติ ครั้งที่ 5 : Good Teeth For Better Life ณ โรงแรมมารวยการ์เด้น 8 - 10 สิงหาคม 2561
2. ขออนุญาตน้องธันย์และผู้จัดการประชุม เรียบเรียงเขียนบอกเล่าต่อนะคะ
3. Notebook พัง พรุ่งนี้ไปซ่อม หวังว่าจะลงภาพได้ ค่ำนี้เขียนโดยมือถือ คือ แรงบันดาลใจล้นเหลือ รีบเขียนก่อนค่ะ
ขอบพระคุณมากนะคะที่ติดตาม
^_,^
อ่านแล้วยิ้มค่ะหมอธิ ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องราวดีดีค่ะ
ชอบตรงนี้มากครับ“ดูหน้าสิคะ ยิ้มได้ตลอด”ผมต้องเรียนรู้ด้วยละครับ
ส่งยิ้มให้กันนะคะขอบคุณมากค่ะคุณขวัญ
ยิ้มให้ตัวเอง ยิ้มให้คนรู้จักรอบข้าง ยิ้มให้ใครที่ไม่รู้จักก็ได้ … ยิ้มแบ่งปันความสุขให้โลกด้วยกันค่ะ อ.แผ่นดิน
ครอบครัวคงมีส่วนมากที่สุดนะครับ..
ครอบครัวหล่อหลอมความคิด บ่มเพาะการกระทำในเบื้องต้นของชีวิต เหมือนสร้างมาตั้งแต่รากแก้วแห่งจริยธรรมและแนวคิดพื้นฐานของการเติบโตช่วงวัยต่อมา … ขอบพระคุณมากค่ะอาจารย์ธนิตย์