ช่วงนี้เป็นช่วงระยะที่จิตใจไม่ค่อยนิ่งเท่าไหร่
มีหลายเรื่องที่ประเดประดังเข้าใจ
ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องงานที่มากับคน
หรือเรื่องคนที่มากับงาน
พรุ่งนี้ (จ ๒๕ มิ.ย.๖๑) จะเปิดเทอม ๑/๒๕๖๑
มีปรากฎการณ์หลายเรืื่องที่เกิดขึ้น
สิ่งก่อสร้างที่เรียกว่า "ศูนย์แม่ริม"
ดำเนินการเสร็จไปแล้วร้อยละ ๘๐
หอพักเริ่มเปิดใช้งานได้ ๒ สัปดาห์
นักศึกษาครู รหัส ๖๑ (ปี ๑) ๖ สาขาวิชา
ประเดิมปฐมฤกษ์
หอนักศึกษาชาย ๑ และนักศึกษาหญิง ๒
จำนวนเด็กไม่เกิน ๓๖๐ คน
วงรอบของหอพักตรงนี้เป็นอาณาเขต
ของคณะผลิตครู
นอกจากนั้นมีอาคารเรียน ๓ อาคาร
สำนักงาน ๑ อาคาร โรงอาหาร ๑ โรง
หอประชุม ๑ หอ และอาคารที่พักว่างอีก ๑ อาคาร
มันคือพื้นที่เสมือนหุบเขาทางการศึกษา
ล้อมรอบด้วยป่า ต้นไม้ ที่อยู่บนดอยที่ไม่สูงมากนัก
เมื่อทุกอย่างพอใช้ได้แล้ว
การเรียนการสอนจึงต้องเกิดขึ้นที่นี่เป็นภาคเรียนแรก
ปี ๑ (รหัส ๖๐) วิชาชีพครูทั้งหมดจะเริ่มมาเรียนที่ศูนย์แม่ริมนี้
ส่วนปี ๒ - ปี ๔ ยังเรียนอยู่ที่วิทยาเขตในเมืองเหมือนเดิม
เมื่อการเรียนการสอนพร้อม
ผมนี่ก็ช่างโชคดีกับเขา ถูกแจ๊กพ็อกเหมือนกัน
ถูกเชิญไปสอนวิชา "ความเป็นครู"
ซึ่งเป็นวิชาชีพครูชุดแรกที่ต้องมาเรียนที่ศูนย์แม่ริม
โดนไป ๒ วัน เต็มวัน คือ อังคาร กับ พฤหัสบดี
จากบ้านถึงวิทยาเขตในเมือง ๒๐ กิโลเมตร
จากวิทยาเขตในเมืองถึงศูนย์แม่ริม ๓๐ กิโลเมตร
รวม ๕๐ กิโลเมตร ไป-กลับ ๑๐๐ กิโลเมตรพอดี ;)...
ตอนดูแลเด็กครูเป็นเลิศ เมื่อปี ๒๕๕๕ - ๒๕๖๐
ก็เดินทางประมาณนี้แหละ จึงไม่ค่อยเดือดร้อนใจเท่าไหร่นัก
มหาวิทยาลัยจัดรถรับส่งให้ตามเวลาตั้งแต่เช้าถึงเย็น
แต่เชื่อเถอะว่า คงเอารถส่วนตัวไปอยู่ดี
สำหรับแหล่งผลิตครูที่ "ศูนย์แม่ริม" นี้
ถูกวางแผนมาจากมหาวิทยาลัยว่า
อยากให้มีการนำรูปแบบของครูเป็นเลิศ
อย่างที่เคยทำไว้ นำมาประยุกต์ใช้
กับการผลิตครูแบบเดิม ๆ ที่เคยทำมา
แต่ ... หัวไม่กระดิก หางจะกระดิกได้อย่างไร
ผู้บริหารคณะไม่มีศักยภาพมากพอที่จะผลิตครูได้
ทำทุกอย่างมั่ว ๆ ซั่ว ๆ ไม่มีกรอบการผลิตครู
ให้ดีเหมือนที่ครูเป็นเลิศเคยทำมานั้น
ในฐานะคนผลิตครูเป็นเลิศมาก่อน
ก็เสียความรู้สึกมากมาย
ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า
"สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม
ใครทำสิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้น"
และ
องค์กรนี้ไม่ใช่ของเรา
เราคนเดียวทำอะไรไม่ได้หรอก
แต่
เราก็สามารถสิ่งที่เรารับผิดชอบอยู่
ให้ดีที่สุดก็พอ
เช่น
ยังตั้งใจสอนเด็ก ๆ ในหมู่เรียน
ให้เข้าใจและออกไปเป็นครูที่ดี
ให้ดีที่สุด
..
อย่างไรก็ตาม การสอนที่ใหม่เป็นแค่ส่วนหนึ่ง
เพราะต้องสอนทั้ง ๒ วิทยาเขตอยู่แล้ว
ในรายวิชาเอกและวิชาปฏิบัติการ
ที่ใหม่ คือ นักศึกษาใหม่
ที่เก่า คือ นักศึกษาเก่า
ประมาณนั้น
สิ่งที่ได้รับการเร่งรัดและเร่งด่วนแบบไม่มีแผนการอีก
ก็คือ การต้องช่วยเขียนเอกสารประกอบการสอนใหม่
ได้รับมอบมาหลายบท จนรู้สึกเหนื่อยอยู่
เพราะปิดเทอมตั้งหลายเดือน คณะกลับไม่ทำอะไร
แต่จะมาทำก็เวลาใกล้จะเปิดเทอม
ไหนจะต้องมีงานลงพื้นที่เพืื่อทำโครงการของ สกอ. อีก
นี่ก็เลยเมาหัว หัวหมุนไปอีก ;)...
ส่วนหูอีกข้าง ก็มีคนข้าง ๆ ห้องมาตะโกนให้ทำวิจัย
รีบ ๆ เสนอหัวข้อวิจัยมาซะดี ๆ อารมณ์ประมาณนี้
..
ช่วงนี้
อนุทิน เขียนอยู่บ้าง
แต่ บันทึก แทบหายไปเลย
..
เมื่ออายุงานมากขึ้น คนรู้จักมากขึ้น
ทำให้เรารู้ระบบและกลไกการทำงานมากขึ้น
แน่นอน เราเห็นคนโกง คนเห็นแก่ตัวมากขึ้น
จนรู้สึกเบื่อหน่าย
เห็นคนหาช่องทางจากการเขียนโครงการ
เพื่อให้เงินมาเข้ากระเป๋าตัวเอง
หรือไม่ก็มีการจ่ายเบี้ยใบ้รายทาง
ผู้มีอำนาจก็เหมือนพยายามหาเงินเก็บ
มีกองเงินการสอนอยู่ที่ไหน
ก็วิ่งไปคว้ากินเหมือนผีเปรต
เห็นแล้วก็น่าสังเวชใจไม่น้อย
จบสูง ตำแหน่งมี บรรดาศักดิ์มี
แต่เหมือนผีเปรตจริง ๆ
..
สงสารเด็ก ๆ
สงสารคณะ
สงสารสาขา
แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้
นอกจากต้องปล่อยให้เป็นไป
เราห้ามอะไรไม่ได้
"มันเป็นเช่นนั้นเอง"
ไม่ใช่พูดเพื่อให้สบายใจ
แต่มันเป็นเช่นนั้นเองจริง ๆ
..
ปล่อยล่ะนะ วางล่ะนะ
พักตรงนี้ดีกว่า
บุญรักษา ทุกท่านครับ ;)...
..
..
"มันเป็นเช่นนั่นเอง" จริงแท้ค่ะอาจารย์ ปล่อยบ้าง วางลงหน่อย..แล้วจะรู้สึกเบาขึ้นเยอะเล้ย ???.....
ขอบคุณมากมาย กำลังใจเล็ก ๆ ครับ ;)...
ขอบคุณครับ คุณ ยายธี ;)...
สู้ ๆ ค่ะ ... พักใจเป็นระยะ (บอกตัวเองนี่ละมากกว่า)
เดี๋ยวจะพาไปชมนางพญาเสือโคร่งปีหน้านะคะ
อ้าว !!! ใครพาไป หุ หุ ^_,^
ขอบคุณครับ คุณหมอ ธิ ;)...
รถแดงพาไป 555