" มุกดาหาร " อัญมณีริมฝั่งโขง


" มุกดาหาร ในวันนี้ "

                  หลังจากผู้เขียนเอง ได้มีโอกาสเดินทางกลับมาเป็นนิสิตฝึกประสบการณ์ ณ ที่ว่าการอำเภอใกล้บ้าน เป็นเป็นครั้งแรกที่ได้กลับมาอยู่บ้านอันเป็นแผ่นดินแม่นานที่สุด ในรอบ ๓ ปี ซึ่งก็มีโอกาสเดินทางไปๆกลับๆ หลายครั้ง การกลับมาบ้าน "มุกดาหาร" แต่ละครั้ง จะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของที่แห่งนี้ตลอดเวลา ในวันที่เมืองมุกดาหารยืนกรานเป็นบ้านเป็นเมืองให้ชาวมุกดาาหารอาศัยมาอยู่ตั้งแต่ยุคเมืองต้น เมื่อเจ้าจันทรกินรีได้อพยพชาวบ้านมาตั้งเมือง และยังคงดำเนินเรื่องราวของชาวมุกดาหารจนปัจจุบันเข้าสู่ปีที่ ๒๔๘ ของการเป็นเมืองมุกดาหาร แดนดินถิ่มงามคู่ลำโขง และการก้าวเข้าสู่ปีที่ ๓๖ ของการยกฐานะเป็นจังหวัดมุกดาหาร ซึ่งปัจจุบัน มุกดาหารได้เกิดการเปลี่ยนแปลง และพัฒนาอย่างก้าวกระโดดทั้งเรื่องของพื้นที่ทางเศรษฐกิจต่างๆทั้งอุตสาหกรรม การเกษตร และที่สำคัญคือการท่องเที่ยวของจังหวัดมุกดาหารนั่นเอง

                  ผู้เขียนได้มีโอกาสติดตามเพจๆนึ่งในเฟสบุ๊ค ชื่อเพจ อยู่มุกฯ มุกดาหาร. ซึ่งเป็นเพจที่เกิดขึ้นโดยลูกหลานชาวมุกดาหาร ที่ได้เดินทางออกไปยังพื้นที่ต่างๆทั่วจังหวัด ทั้งเขต ๗ อำเภอ และมีเรื่องราวดีๆในจังหวัดมุกดาหาร ให้ลูกเพจผู้ติดตามทั้งที่จากบ้านไปทำงานอยู่ทางไกล และคนในพ้นที่ได้รับชมเรื่องราวและสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ จึงต้องขอขอบคุณแอดมินเพจมา ณ โอกาสนี้ด้วย

            "ทำไมต้อง(มา)มุกดาหาร" หลายคนที่ยังไม่เคยมาที่แห่งนี้ หลายคนรู้จักแบบผิวเผิน หลายคนไม่เคยได้ยินชื่อ หรือหลายคนเคยได้ยินชื่อแต่ไม่สนใจ อยากลองให้ท่านได้เปิดใจ แล้วจะพบกับความ(ไม่)ลับในจังหวัดมุกดาหาร

.........................................................................................................................................................

                  มุกดาหาร...เป็นดินแดนที่ตั้งอยู่ติดลำแม่น้ำโขง และแม่น้ำโขงตรงจังหวัดมุกดาหารมีความกว้างที่สุดตลอดทั้งสาย ทำให้วิถีชีวิตของคนมุกดาหารมีโอกาสในการใช้สอยประโยชน์จากแหล่งน้ำธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ในทุกด้าน ปัจจุบันสถานที่ต่างๆริมแม่น้ำโขงถูกพัฒนาให้กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยว สถานที่สำคัญหลายที่

มุกดาหาร เมืองงาม ชายฝั่งโขง

" หอแก้วสูงเสียดฟ้า ภูผาเทิบแก่งกะเบา

แปดเผ่าชนพื้นเมือง ลือเลื่องมะขามหวาน

กลองโบราณล้ำเลิศ ถิ่นกำเนิดลำผญา

ตระการตาชายโขง เชื่อมโยงอินโดจีน "

          จากคำขวัญของจังหวัดมุกดาหาร ซึ่งผู้เขียนเองก็ได้ท่องมาตั้งแต่ครั้งเรียนชั้นประถมเลยทีเดียว ซึ่งไม่แน่ใจว่าทุกวันนี้เด็กๆในโรงเรียนประถมยังจะได้ท่องคำขวัญประจำจังหวัดของเราหรือไม่ มุกดาหารที่ได้เปลี่ยนแปลงไป ทำให้คำขวัญของเราที่ใช้มาอย่างยาวนานนี้อาจจะไม่ทันสมัย แต่ก็ยังพอนึกภาพตามคำขวัญนี้ได้ว่าเมืองมุกดาหารของเรา มีของดีอะไรที่เป็นอัตลักษณ์ของชาวมุกดาหารบ้าง เมื่อครั้นที่เมืองมุกดาหารเกิดการเปลี่ยนแปลง และคนมุกดาหารเราก็พร้อม ที่จะต้อนรับผู้มาเยือนเมืองมุกดาหารเสมอ


               "หอแก้วสูงเสียดฟ้า" จากคำขวัญจังหวัดมุกดาหาร สถานที่แรก คือ หอแก้วมุกดาหาร หรือหอแก้วมุกดาหารเฉลิมพระเกียรติกาญจนาภิเษก คือ หอสังเกตการณ์ที่มีความสูง ๖๕.๕๐ เมตร สร้างขึ้นใน พ.ศ. ๒๕๓๙ ในพระราชพิธีฉลองศิริราชสมบัติ ๕๐ ปี หลายคนที่เพิ่งเคยมาที่นี่ หลายคนอาจสงสัยว่าที่แห่งนี้คืออะไร ซึ่งถ้าหากมีโอกาสเข้าไปสัมผัสเยี่ยมชมภายในหอแก้วละก็ คงเข้าใจไดว่าที่แห่งเปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์จังหวัดมุกดาหารนั่นเอง เพราะเรื่องราวและหลักฐานทางประวัติศาสตร์หลายอย่างถูกเก็บรักษาไว้ ณ ที่นี่ เพื่อให้ชนรุ้นหลังอย่างเราท่าน ได้มีโอกาสเข้าไปศึกษาหาความรู้และพูดถึงอดีตที่ผ่านมาของเมืองมุกดาหาร ที่นี่จัดแสดงนิทรรศการความเป็นมา ชนเผ่าต่างๆในจังหวัด และสิ่งของล้ำค่าต่างๆ แม้กระทั่งกลองมโหระทึก ที่ถูกขุดค้นพบก็เก็บรักษาไว้ ณ ที่นี่

               "ภูผาเทิบ แก่งกะเบา" ต่อมาคือแห่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามและถือว่าเป็น unseen มุกดาหารก็ว่าได้ เป็นประติมากรรมหิน ที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ไว้ให้ชาวมุกดาหาร และผู้มาเยือนได้ไปเยี่ยมชมความงามของธรรมชาติที่นี่ ฤดูที่เหมาะกับการเดินทางไปเยือนภูผาเทิบ คือช่วงต้นฤดูหนาว ตามอีสานบ้านเฮา ก็คงเป็นช่วง "เกี่ยวข้าวเเล้ว" เหมาะนักแล ที่ควรค่าแก่การไปรับบรรยากาศธรรมชาติ ที่แสนจะสดชื่น เมื่อท่านไปที่นี่ท่านจะได้พบกับความอัศจรรย์น่าหลงไหลของเหล่าผาหินรูปร่างต่างๆที่รายล้อมไปทั่ว ซึ่งสถานที่แห่งแรกที่ผู้เขียนจะนำเสนอทุกท่านก็คือ คือ ลานมุจลินทร์ ลานหินขนาดกว้างที่ถูกปกคลุมไปด้วยพฤกษาไม้ทางธรรมชาติที่โดดเด่น และเป็นที่กล่าวถึงของผู้มาเยือที่ต้องการชมความงามของพรรณไม้ที่อยู่บริเวณลานมุจลินท์แห่งนี้ 

               ดอกไม้ที่ปกคลุมแดนดินแห่งนี้ นั่นคือ "ดอกดุสิตา" นั้นเอง ดอกดุสิตาจะเริ่มเบ่งปานในช่วงปลายฝนต้นหนาว จนถึงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ของทุกๆปี ซึ่งความงามของพรรณไม้นี้จะเบ่งบานรอการเข้ามาเยือนของนักท่องเที่ยวอยู่เสมอ เรื่องราวของที่นี่ยังมีอีกมากมายที่ยังคงรอคอยให้ทุกท่านไปเยือนและเยี่ยมชมความงามของอุทยานแห่งชาติภูผาเทิบแห่งนี้

                  "ผาอูฐ" คืออีกสานที่ที่ผู้คนเข้าไปเยี่ยมชมมากเลยทีเดียว ด้วยลักษณะของหินที่ตั้งอยู่มีลักษณะคล้ายตัวอูฐ ผู้เขียนเองจึงขอยืนเป็นนายแบบคู่กับอูฐหินตัวนี้สักหน่อยครับ หากท่านมีโอกาสไปยังอุทยานแห่งชาติภูผาเทิบละก็ อย่าลืมไปเชคอินบริเวณนี้อีกที่นะครับ

          แปดเผ่าชนพื้นเมือง เป็นท่อนต่อมาของคำขวัญจังหวัดมุกดาหาร นั่นบ่งบอกถึงเผ่าต่างๆในจังหวัดมุกดาหาร นับตั้งแต่เป็นเมืองมุกดาหาร ซึ่งในที่นี้ไม่ได้นับชนชาติเชื้อชาตินะครับ กล่าวถึงเพียงเผ่าของชนพื้นเมืองที่อพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในเขตเมืองมุกดาหารเท่านั้น อันได้แก่ เผ่าไทอีสาน อันเป็นเผ่าใหญ่ที่สุดในเมืองมุกดาหาร ต่อมาเป็น เผ่าผู้ไท หรือตามท้องที่เราเรียก ภูไท อันเป็นชนเผ่าที่ใหญ่อันดับสองของเมืองมุกดาหาร อันมีเมืองหนองสูงเป็นพื้นที่หลัก กระจายอยู่ในเขตอำเภอคำชะอี เขตอำเภอหนองสูง อำเภอดงหลวง อำเภอเมืองในส่วนของตำบลนาโสก และอำเภอนิคมคำสร้อยในตำบลร่มเกล้า โชคชัย นิคมคำสร้อย และตำบลกกแดง รวมถึงชนเผ่าอื่นๆที่อาศัยอยู่ในจังหวัดมุกดาหาร ไม่ว่าจะเป็น เผ่าญ้อ ในเขตอำเภอเมือง อาศัยอยู่ในเขตอำเภอหว้านใหญ่ เผ่ากะเลิง อาศัยอยู่ในเขตอำเภอตอนตาล ชนเผ่าข่า ที่ถูกอพยกมาอยู่ในตำบลร่มเกล้า อำเภอนิคมคำสร้อย เผ่าโซ่ เผ่าแสก ในเขตอำเภอดงหลวง และเผ่ากุลาหรือไทยใหญ่ที่อพยพเข้ามายังเมืองมุกดาหาร ซึ่งปัจจุบันก็หลอมรวม กลมกลืนกันไปมากยิ่งขึ้น

                   แต่ในปัจจุบันก็ยังคงมีวัฒนธรรมที่โดเด่นและเเข็งแกร่ง ของชนชาวผู้ไทเมืองหนองสูงคำชะอี ที่ยังมีวัฒนธรรมที่คงเหลือให้เห็นเป็นวิถีของเผ่าชาวผู้ไทที่สืบทอดต่อกันมาในเรื่องของความเชื่อและวิถี ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงผี ของพี่น้องชาวบ้านโนนยาง อ.หนองสูง ปัจจุบัน ซึ่งก็จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี และมีให้เห็นตลอด

             

                  ความเชื่อ และรากเหง้าทางวิถี ที่ถือว่าเป็นวัฒนธรรมของชาวผู้ไท หรือ ภูไท ยังคงงดงามและสวยงามเสมอ เพื่อให้ลูกหลาน "เห้อลุหลานได่สื้บทอดต้อไป๋" จารีต หรือแนวปฏบัติของชนชาวผู้ไท ที่เข้ามายังเมืองมุกดาหารตั้งแต่ครั้งสมัยรัชกาลที่ ๓ ของแผ่นดินไทย ได้ฝังรากเหง้าที่หยั่งลึกและยังคงดำเนินไปตามวิถีทางปฏิบัติต่อมา จวบจนปัจจุบัน

   ......................................................................................................................................................

จากเรื่องของชนเผ่า และวัฒนธรรมแล้วนั้น ผู้เขียนเองก็จะได้กล่าวต่อในส่วนของคำขวัญส่วนที่เหลือ ซึ่งอาจจะกล่าวไม่ครบถ้วนหรือไม่หมด เพราะจะเหลือพื้นที่นี้ไว้ สำหรับกล่าวถึงสถานที่ที่สำคัญแห่งใหม่ของเมืองมุกดาหารบ้าง

"ลือเลื่องมะขามหวาน" จากอดีต มะขามหวานมุกดาหารเลื่องชื่อมาก จนงานประจำปีของเมืองมุกดาหารในช่วงประมาณเกือบ ๑๐ ปีที่แล้ว ชื่องานมะขามหวานเลยทีเดียว

"กลองโบราณล้ำเลิศ" กลองโบราณที่ว่านี้คือ กลองมโหรทึก ที่ถูกขุดค้นพบ เเละมีขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยค้นพบ ซึ่งปัจจุบันถูกเก็บรักษาไว้ที่หอแก้วมุกดาหาร

"ถิ่นกำเนิดลำผญา" มุกดาหารเป็นที่กำเนิดของลำผญา ซึ่งนำคำพูด บทกลอนของชาวอีสาน นำมาประยุกต์ในจังหวะดนตรี และกลายเป็นการร้องลำผญา ซึ่งกำเนิดในเขตอำเภอดอนตาล และอำเภอเมืองในแถบที่ติดเขตอำเภอดอนตาลเป็นส่วนใหญ่ และวิวัฒนาการต่อมาก็กลายมาเป็น ลำผญาซิ่งดอนตาลในที่สุด ซึ่งปัจจุบันความนิยมของลำผญาลดลง แต่ก็ยังมีหลายคณะที่ยังยืนหยัด ใช้การลำผญาเป็นอาชีพอยู่ 

และท่อนท้ายที่สุดคือ "ตระการตาชายโขง เชื่อมโยงอินโดจีน" ดังที่กล่าวข้างต้นว่าจังหวัดมุกดาหารมีพื้นที่ติดกับเเม่น้ำโขงกว้างและยาวที่สุด ในสามเขตอำเภอคือ อำเภอหวานใหญ่ อำเภอเมือง และอำเภอตอนตาล สิ่งที่ถือว่ามุกดาหารเป็นประตูสู่อินโดจีน คือเส้นทางการค้า ที่มีการนำเข้าและส่งออกสินค้าในคาบสมุทรอินโดจีน ไทย - ลาว - เวียดนาม - จีน ซึ่งถือว่ามุกดาหารเป็นหน้าด่านของการส่งออก อีกอย่างคือสะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ ๒ ที่อยู่ในจังหวัดมุกดาหาร เชื่อมต่อกับแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว เป็นประตูสู่ท่าเรือในเวียดนามต่อไป

                 สะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ ๒ เส้นทางเชื่อมโยงการค้า เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และเส้นทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของมุกดาหาร ยามเย็นเหมาะนักแล แก่การเดินกินลมชมวิว กินวิวชมลม แล้วแต่ท่านสะดวกเลนทีเดียว เหมาะที่จะไปเดิน ไปนั่ง บ้านเฮาสิเอิ้นว่า เป็นตาไปเลาะคัก...

    ................................................................................................................................................. 

                   ต่อมา...ผู้เขียนเองจะขอกล่าวถึงแลนด์มาร์คแห่งใหม่ ที่ใครๆก็กล่าวถึง เมื่อมาเยือนมุกดาหารบ้านเรา ซึ่งถือว่าเป็นที่ฮือฮามากและเป็นข่าวออกทีวีแทบทุกช่องเลย คือ "วัดรอยพระพุทธบาท ภูมโนรมย์" ซึ่งเป็นสถานที่ของการก่อสร้าง "พระเจ้าใหญ่แก้วมุกดาศรีไตรรัตน์" เพื่อเฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงมีพระชนพรรษาครบ ๘๔ พรรษา ซึ่งการก่อสร้างดำเนินมาเรื่อยๆจนใกล้แล้วเสร็จในทุกวันนี้

                  วันนี้ภูมโนรมย์ กับการก่อสร้างพระเจ้าใหญ่แก้วมุกดาศรีไตรรัตน์ ก็ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการช่วยเหลือในการร่วมทำบุญของพี่น้องชาวมุกดาหารกับทั้งจังหวัดเลยทีเดียว และเป็นสิ่งที่กำลังโด่งดังของวัดภูมโนรมย์ และเป็นที่สนใจของชาวมุกดาหารและคนทั่วไปนั้นคือ "องค์ปู่พญานาคพญาศรีมุกดานีลปาลนาคราช" โดยสร้างเพื่อเป็นองค์อภิบาลองค์พระใหญ่ ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก โดยมีความยาวกว่า ๑๒๒ เมตร บริเวณเศียรตั้งสูง ๒๐ เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางกว่า ๑.๕ เมตร ซึ่งช่างผู้ปั้นใช้เทคนิคการเล่นสีแสงเงาอย่างงดงาม โดยเป็นการสร้างตามคำสั่งของเจ้าอาวาสวัด ที่ได้รับฟังเรื่องราวจากพระเดชพระคุณพระราชมุกดาหารคณี (หลวงตายอด) อดีตเจ้าคณะจังหวัดมุกดาหาร อดีตเจ้าอาวาส ที่เคยนิมิตเห็นงูใหญ่ตัวสีดำนิลอยู่บริเวณวัด ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ซึ่งเป็นปีที่อำเภอมุกดาหาร ยกฐานะขึ้นเป็นเมืองมุกดาหาร ซึ่งเป็นปีที่ ๓๖ แล้วนั้น จึงได้มีการสร้างองค์พญานาคขึ้น ใช้เวลากว่า ๑ ปี ๒ เดือน 

                 นับเป็นสถานที่ที่สำคัญ และผู้คนจากทั่วสารทิศที่เลื่อมใสในพญานาคต่างหลั่งไหลมากราบสักการะขอพรองค์พญานาค และร่วมทำบุญสมทบทุนในการก่อสร้างพระใหญ่อีกด้วย ซึ่งในงานบวงสรวงวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๑ ที่ผ่านมา ผู้คนต่างหลั่งไหลมายังสถานที่แห่งนี้ จตามแรงศรัทธา และความเชื่อว่า เมื่อมากราบขอพรจากองค์พญานาคแล้วจะได้รับพรในเรื่องโชคลาภ เงินทอง 

                 มุกดาหาร เมืองเล็กๆที่มีมนต์ขลัง ยังติดตาตรึงใจสำหรับผู้มาเยือนเสมอ ผู้เขียนเอง ยังขอใช้พื้นที่ตรงนี้ กล่าวขอบคุณผู้มีส่วนในการสร้างสรรค์สิ่งดีๆเพื่อมุกดาหารมาตลอด กราบของคุณผู้ใหญ่ในบ้านเมือง นำโดยท่านพ่อเมืองมุกดาหาร ผู้นำระดับจังหวัด จนถึงผู้นำชุมชนทุกท่าน ที่ทำให้มุกดาหารในวันนี้ยังน่าอยู่ และเปลี่ยนแปลงในทางที่ดียิ่งขึ้น และพร้อมที่จะต้อนรับผู้มาเยือนแล้ว 

#มุกดาหาร เราพร้อมแล้ว ที่จะต้อนรับทุกท่าน

................................................................................................

ผู้เขียนต้องขอขอบคุณ และขออนุญาติเจ้าของภาพ

: ขอบคุณแอดมินเพจ อยู่มุกฯมุกดาหาร.

: ขอบคุณรูปภาพจากเว็บไซด์อุทยานแห่งชาติ

: ขอบคุณรูปภาพจากกูเกิล

และ ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจกับมุกดาหารของเราในวันนี้

************************************************************************************************************

ด้วยสำนึกรักบ้านเกิด

แทนธรรม (ธ) วงศ์สุขโข

ลูกหลานมุกดาหารบ้านของเรา

วันที่ ๑๙ - ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๑

หมายเลขบันทึก: 648352เขียนเมื่อ 19 มิถุนายน 2018 14:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2018 20:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท