๘ มิถุนายน..ที่ผ่านมา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เป็นผู้นำพานักศึกษา ชาว สปป.ลาว มาเยี่ยมเยือนถึงโรงเรียน..
มาในชุดเสื้อสีม่วง เป็นเสื้อทีมหรือเสื้อคณะที่เรียน..ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย ทั้งหมดที่มากำลังศึกษาในระดับปริญญาโท โดยได้รับทุนจากรัฐบาล
ก่อนมาเรียน..ก็ทำงานราชการในตำแหน่งหมออนามัย หมอในโรงพยาบาล หมอฟันหรือทันตแพทย์ก็มี บางท่านทำงานด้านเภสัชกร และก็มีที่ทำงานด้านสาธารณสุขทั่วไป
จากการพูดคุยแนะนำตัว..น้ำเสียงคุณหมอหนุ่มสาวฟังไพเราะเพราะพริ้งมากๆ อ่อนน้อมถ่อมตน และเป็นกันเอง..ก็สมกับที่เป็นนักศึกษา ที่ตั้งใจมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ในหัวข้อเรื่อง..”โรงเรียนเล็กในป่าใหญ่ กับการจัดการเรียนการสอนด้วยศาสตร์พระราชา” ผมเองรู้สึกประทับใจ..ตั้งแต่เห็นหัวข้อในหนังสือราชการ..ขนาดว่าเป็นโรงเรียนเล็กๆ ก็ยังอุตส่าห์มากัน ถือว่าได้รับเกียรติอย่างสูง
ท่านอาจารย์จากธรรมศาสตร์..ที่เป็นคนไทยคนเดียวในคณะที่มา..บอกผมว่า ชาวธรรมศาสตร์เคยมาแล้วครั้งนึง กลับไปบอกเล่าเรื่องราวของหนองผือ จนคณะสาธารณสุข..อยากเห็นและสัมผัสบรรยากาศของโรงเรียน...
รอยยิ้ม..ของคุณหมอ จาก สปป.ลาว บ่งบอกมิตรภาพ ทำให้ผมมีแรงกายแรงใจที่จะบรรยายพิเศษสั้นๆ เพื่อให้เวลาการเดินในภาคสนาม จะได้ซักถามในเรื่องที่อยากรู้
เสียดายเวลาน้อยไปนิด เพราะคณะมาถึงก็ปาเข้าไป ๑๑ โมงกว่า การพูดจายืดเยื้อในเวลาใกล้เที่ยง..เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ..
ผมแนะนำโรงเรียน..ด้วยข้อมูลพื้นฐาน ตามด้วยข้อมูลที่เป็นสภาพทั่วไป ที่ไม่ได้เป็นโรงเรียนดีเด่น..แต่อย่างใด แต่เน้น”คุณภาพ”ทางวิชาการ
ให้ความสำคัญกับการเรียนการสอน เพื่อยกระดับคุณภาพผลสัมฤทธิ์และทักษะชีวิตของผู้เรียน โดยให้ความสำคัญกับสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ที่เป็นหัวใจสำคัญ เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ทุกสิ่ง
ส่วนทักษะชีวิตนั้น..จะใช้แหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียนเป็นสื่อบูรณาการ เชื่อมโยงไปสู่..คุณลักษณะที่พึงประสงค์
ผมบอกคุณหมอท่านนึง ที่ถามว่า..ใช้กระบวนการสอนอย่างไร? และมีความสอดคล้องกับศาสตร์พระราชาอย่างไร?
แรกเริ่มเดิมที โรงเรียนไม่มีแหล่งเรียนรู้ และผู้ปกครองไม่ศรัทธาในโรงเรียนและตัวครู..เด็กมีน้อย และผู้ปกครองส่งลูกไปเรียนที่อื่น..
ผมจึงทำเรื่องเล็กๆ ที่น่าสนใจและผมเองก็ถนัด ไม่ต้องลงทุนมาก ง่ายและประหยัด คือ เน้นการสอน..สอนให้เด็กอ่านคล่อง เขียนคล่องเสียก่อน เมื่อทำได้ก็ได้ใจผู้ปกครอง..
จากนั้น..ก็ใช้หลักการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง พัฒนาแหล่งเรียนรู้ ในแบบ ๓ ห่วง ๒ เงื่อนไข..คือ..ทำอย่างมีเหตุผล..เพื่อใช้เป็นสื่อในการเรียนภาคปฏิบัติ
ทำอย่างพอประมาณ โดยที่ไม่ต้องเลิศหรูอลังการ ไม่ต้องสิ้นเปลือง ทำให้สอดคล้องกับบริบทโรงเรียน และใกล้เคียงกับชุมชน ทำโรงเรียนให้เหมือนบ้าน..
สร้างภูมิคุ้มกันให้เกิดขึ้น..โดยทำงานให้ผู้ปกครองเห็นความความตั้งใจ เพื่อการพัฒนาโรงเรียนแบบยั่งยืนและต่อเนื่อง..เมื่อผู้ปกครองศรัทธา จะเป็นรั้วที่แข็งแกร่งให้โรงเรียน..
ในส่วนของ “ความรู้”..เมื่อเดินชมจนทั่ว..คุณหมอก็เข้าใจทันที การใช้ทุกพื้นที่อย่างคุ้มค่า..เพื่อสร้างกิจกรรมที่หลากหลาย ให้นักเรียนเกิดองค์ความรู้ที่ฝังลึก ฝึกหัดจนเกิดทักษะชีวิตขั้นพื้นฐาน ..ทำงานเป็น แก้ปัญหาได้
คุณหมอ..ถามว่า..วิธีการสอนที่ทำให้เด็กมีคุณธรรมจริยธรรม..ทำอย่างไร..? ผมบอกว่า..การเรียนนอกห้องเรียน..จะสอดแทรกคำสอนอยู่แล้ว ทั้งความซื่อสัตย์ ความอดทน และความเสียสละ แต่อย่างไรก็ตามก็ยังเชื่อว่า..”ตัวอย่างที่ดีของครู มีค่ากว่าคำสอน..”
สิ่งที่สะดุดตาและประทับใจในคณะผู้มาศึกษาดูงานครั้งนี้ คือ ทุกคนจะสนใจ บันทึกและมีคำถามมากมาย
สิ่งที่ผมได้เป็นข้อคิดก็คือ..หนึ่งในคณะที่มามีคำพุด ที่ไม่ตั้งใจให้ผมได้ยิน แต่ผมรู้สึกดีและจะนำไปปรับปรุง คือ ..ผมเลี้ยงน้ำเปล่าที่เป็นแก้วพลาสติค..คุณหมอพูดว่า..”เมืองไทยใช้พลาสติกเยอะจัง..” อันนี้จริงครับ..
ทำอย่างไร? ครูไทย..จะไปศึกษาดูงาน แล้วมีสไตล์แบบคุณหมอจาก สปป.ลาวบ้าง..คุณหมอ..มีบุคลิกเหมือนคุณครู คือ เรียนรู้ เพื่อจะนำไปสอนตนเองและนักเรียน..
ผมมาเข้าใจถ่องแท้ในนาทีสุดท้าย ที่ตัวแทนกล่าวขอบคุณผม และบอกว่า..สิ่งที่ได้พบเห็นในวันนี้..จะนำไปใช้และพัฒนา ให้ลูกหลาน ในสปป.ลาว ได้มีโรงเรียนดีๆแบบนี้บ้าง...
สุดท้าย..ผมก็บอกว่า..ครั้งหนึ่งในชีวิต ผมอยากไปเห็น “หลวงพระบาง” คุณหมอ..ก็ยิ้มและบอกว่าถ้าผมไปจะมาคอยต้อนรับและพาเที่ยวชมเมือง..
สงสัย..ต้องรอให้เกษียณแล้ว..นั่นแหละ
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๑
ขอดูตารางประจำวันขอการศึกษาโรงเรียนเล็กในป่าใหญ่มีการปลูกผักเลี้ยงสัตว์อะไรบ้าง