ข้าฯก็รอคอยว่าคงจะได้พบเขาก่อนตาย แต่ก็ยังไม่มีโอกาสเช่นนั้นเลย จนบัดนี้ วันนี้.......” ข้อความในแผ่น cd หมดแค่นั้น ชายผู้เป็นเจ้าของที่ บอกชายผู้พ่อว่า “ เรื่องที่ท่านบอก กับข้อความในสมุดบันทึกกับ cd ดูเหมือนจะตรงกัน แต่เราจะต้องขอให้ท่านพิสูจน์อีกบางอย่างก่อน ๆที่ เราจะปักใจว่าขายไทยคนนั้นเป็นท่านจริง “ว่าแล้วเขาก็ตบมือ 3 ครั้ง สิ้นเสียงตบมือมีชายอินเดียแต่งตัวแบบต่าง ๆ ออกมายืนเรียงรายกัน 10 กว่าคน “ ดูว่าคนไหนแต่งกายคล้ายอาบังขายถั่วคนนั้นในวันนั้นมากที่สุด “ ชายเจ้าของที่หันมาบอกผม ผมให้ลูกชายพาไปดูเสื้อผ้าของแต่ละคนอย่างใกล้ชิด แล้วชี้ไปที่คนหนึ่ง ที่ใส่เสื้อผ้าเหมือนอาบังขายถั่วมัน ๆวันนั้นมากที่สุดที่จำได้ ชายเจ้าของที่ พยักหน้าหงึด ๆ ไม่ว่าอะไร เขาโบกมือสั่งให้ทุกคนเหล่านั้นกลับเข้าไปในห้อง พอพวกนั้นเข้าห้องไปหมดแล้ว เขาก็ปรบมือ 3 ครั้งอีกครั้ง คราวนี้มีคนแต่งตัวเหมิอนชุดที่อาบังใส่วันนั้นจริง ๆออกมา 5 คน “ ทดสอบต่อครับ บังกาปูตัวจริงยังอยู่ครับ ให้ดูว่ามีใครคือบังคนนั้นไหม “ ชายเจ้าของที่บอก พร้อมผายมือให้ผมออกไปพิสูจน์อีก ผมชักหงุดหงิดขึ้นมา แต่ก็หักใจไว้ บอกให้ลูกพาออกไปอีก นึกในใจอย่างรวดเร็วว่ามีอะไรบ้างหนอที่พอจะจำเป็นข้ออ้างอิงได้ ก็นึกได้ว่า น่าจะเป็นรอยแผลทีหัวแม่เท้าข้างซ้าย กับ ไฝดำเหนือตาตุ่มเขาที่เห็นตอนทำแผลให้ หากมีที่ใคร คนนั้นก็คืออาบังคนนั้นแน่ คิดได้แล้วก็ค่อยเบาใจ แล้วก็นึกได้เพิ่มขึ้นมาว่า มีอีกแห่ง แขนขวาของอาบังมีรอยสักเป็นรูปวัวใหญ่สีดำ 1 ตัว จึงใจชื้นข้นมาอีก หลักฐานสามอย่างน่าจะพอ ผมตรวจสิ่งเหล่านี้ทุกคน พบว่าแต่ละคนมีสิ่งที่จะอ้างอิงดังกล่าว แต่ไม่ครบ บ้าง บางคนก็มีมากกว่า จึงน่าจะไม่ใช่สักคน ก็บอกชายเจ้าของบ้านไปว่าไม่ใช่สักคน ชายเจ้าของบ้านถามกลับว่า “แน่ใจแล้วหรือ” ผมตอบกลับว่า “ แน่ใจ “ ปรากฏว่าเขามองผมนิ่งนานกว่าทุกครั้ง แล้วก็โบกมือให้คนทั้ง 5 กลับเข้าไปในห้องทั้งหมด แล้วก็เหมือนเดิมอีก คือเขาตบมืออีก 3 ครั้ง คราวนี้ปรากฏคนเข็นรถเก้าอี้มีคนนั่ง 1 คนออกมา 2 คันคนเข็นรถคันหนึ่งเป็นผู้ชาย คนเข็นรถอีกคันเป็นหญิงสาวสวย ส่วนคนนั่งทั้งสองคันเป็นผู้ชายสูงอายุทั้งคู่ แต่งตัวเหมือนกัน หน้าตาก็เหมือนกันอีก ชายเจ้าของที่พูดกับผม “ ถึงเวลาชี้ชะตาแล้วครับถ้าชี้ไม่ได้อีกจะถือว่าคุณไมใช่ชายไทยคนนั้น จะต้องถูกพาตัวออกไปจากบริษัททันที “ “ถ้าผมชี้ถูกล่ะ “ “ คุณจะได้รับการต้อนรับและได้เงินจำนวนมากที่เก็บไว้ให้ไป “ “ ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาประสบกับเรื่องนี้ “ ผมพึมพำกับตัวเองเบา ๆ บอกให้ลูกชายพาออกไปอีกครั้ง ลูกชายผมไม่ว่าอะไร ให้พ่อเกาะไหล่พากันเดินไปที่รถเข็นทั้งสองคัน ผมดูคนในคันแรกก่อน โดยดูแขนหารอยสักรูปวัวใหญ่เป็นเรื่องแรก พบว่ามี หนึ่งละผมพึมพัมกับตัวเองและ........( โปรดรออ่านตอน 13 ในตอนหน้า )
ไม่มีความเห็น