เช้ามืดวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๑ ผมนั่งแท็กซี่ไปสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อขึ้นเครื่องบินไปเชียงใหม่
ผมหาโอกาสนั่งแท็กซี่บ้าง เพื่อทำความรู้จักชีวิตของผู้คนในต่างเศรษฐฐานะ
เมื่อคุยถามสารทุกข์สุกดิบกันก็ได้ความว่า เขาเป็นพ่อหม้ายลูกติดเมียทิ้ง แม้จะมีลูกสองคนแล้ว ภรรยาอายุ ๓๕ ก็ทิ้งลูก (๒ คน) ทิ้งสามีไปอยู่กับแฟนเก่าสมัยเป็นนักเรียน ที่ห่างกันไป แต่กลับมาพบกันใหม่ผ่าน เฟสบุ๊ก โดยที่แฟนเก่านั้นเป็นคนติดยา
คุณโชเฟอร์บอกว่า ตอนไม่มีผู้โดยสารบางครั้งต้องจอดรถร้องไห้ แต่ก็ทำใจว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปแล้ว แก้ไขไม่ได้แล้ว และจะเคียดแค้นไปก็ไม่มีประโยชน์ และตอนนี้ภรรยาเก่าก็ท้องกับแฟนใหม่ได้ ๖ เดือนแล้ว โดยที่ไม่มีความสุข เพราะสามีใหม่ติดยา ผมบอกคุณโชเฟอร์ว่า คนที่คิดตัดใจให้อภัยได้เช่นนี้ เป็นคนมีจิตใจเข้มแข็ง และยิ่งใหญ่
แต่ผมกลับได้ยินคำพูดที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น เมื่อโชเฟอร์บอกว่าตนได้บอกกับอดีตภรรยายว่า ถ้าอยู่กับเขาไม่มีความสุขก็กลับมาอยู่ด้วยกันใหม่ได้ ที่หลงผิดไปแล้วก็แล้วกันไป จะได้อยู่กันครบพ่อแม่ลูก ส่วนลูกในท้องไม่เป็นไร “ฉันเลี้ยงได้”
ผมบอกคุณโชเฟอร์ว่า ความทุกข์เทวษแสนสาหัสครั้งนี้ เป็นชนวนให้เขาบรรลุธรรมที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้ ซึ่งน้อยคนที่จะบรรลุได้ เป็นการเอาชนะโทสะ โมหะ และให้อภัยทาน ต่อความผิดพลาดของภรรยา
ผมได้เรียนรู้ธรรมะภาคปฏิบัติ ในชีวิตจริง
คนจิตใจสูงมีอยู่ในสังคมทุกชั้นวรรณะ
วิจารณ์ พานิช
๒๒ มี.ค. ๖๑
ห้องรับรองการบินไทย สนามบินสุวรรณภูมิ
เรียน อาจารย์
ขอแสดงความนับถือ
คุณลิขิต