๗๗๕. หลงทางกันหรือไม่? กับการศึกษาไทย


หลงทางกันหรือไม่? กับการศึกษาไทย

ในฐานะที่ทำงานด้านบุคคลมานานนับเกือบ ๓๐ ปี...เห็นถึงสิ่งหนึ่งในการศึกษาไทย นั่นคือ การวัดผลจากเกรดของเด็กนักเรียน...พอเข้าใจว่า นั่นคือ การวัดความจำ ความสามารถของความรู้ของเด็กแต่ละคนได้เล่าเรียนมา...น่าจะเป็นการวัดความรู้มากกว่า...ซึ่งความรู้ คือ พื้นฐานที่เด็ก ๆ ทุกคนต้องเรียนรู้และควรรู้ แต่นั่น ก็คือ ความรู้ ซึ่งส่วนใหญ่จะวัดกันแบบเต็ม ๑๐๐ จึงออกมาเป็นลักษณะของเกรด ความเก่ง ใครสอบได้ก็ได้ที่ ๑ ไป

แต่สิ่งที่หลงลืมกันไป นั่นคือ ความถนัด หรือความสามารถของเด็กแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน เพราะคนเราเกิดมามีต้นทุนชีวิตที่ไม่เหมือนกัน...บางคนมีความพร้อม บางคนไม่พร้อม ครอบครัวดี ครอบครัวไม่ดี มีความอบอุ่น ไม่มีความอบอุ่น...ซึ่งความถนัด ความชอบของแต่ละคนอาจมีที่ไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างง่าย ๆ หากคนเราเหมือนกัน ทำไมรูปร่าง หน้าตาทุกๆ จึงไม่เหมือนกัน (ยกเว้นน้อยคนที่มีลักษณะหน้าตาคล้ายๆ กัน ซึ่งมีน้อยมาก)...

ในฐานะที่ฉันทำงานด้านบุคคลมานาน และมารับสภาพ รับบทบาทในการเข้าทำงานของคนตอนปลายเหตุ...ฉันบอกได้เลยว่า...เป็นการยากมาก ๆ ที่จะสอนหรือบอกให้กับที่จบการศึกษาแล้ว ปฏิบัตินั่น โน่น นี่ เพราะแต่ละคนมีอัตตาของตนเองสูงมากๆ...แต่ก็ไม่ทุกคน แต่น้อยคนนักที่จะเชื่อฟัง...อาจเป็นการสอน พื้นฐานของความเป็นมนุษย์ดั้งเดิมก็เป็นได้ เพราะแต่ละคนถูกปลูกฝังมาแตกต่างกัน รวมถึงค่านิยมของประเทศไทยแบบดั้งเดิมผสมอยู่ด้วย

ฉันมองเห็นถึงการพัฒนาเด็กไทยในอนาคต ควรต้องปรับเปลี่ยน...เสมือนกับการสอนเด็กในสมัยนี้ คือ สอนเพื่อให้เด็กไปสอบแข่งขันกัน...แต่ทำไม? ไม่มองว่า นั่นคือ การสอนเด็กให้ไปแก่งแย่ง แข่งขันกัน เพราะปัจจุบันบ้านเมืองเราก็เป็นแบบนั้น แม้กระทั่งในการทำงาน ณ ปัจจุบัน...ในความคิดของฉัน ๆ คิดว่า ควรที่จะมีสัดส่วนในการวัดคน เช่น วัดด้านความรู้ กี่เปอร์เซนต์ วัดด้านความสามารถ (Competency) ของเด็กกี่เปอร์เซนต์)...ครูประจำชั้นต้องมีความสามารถมาก ๆ ในการดูว่าเด็กในแต่ละคนนั้น มีแวว มีความถนัด ความชอบในด้านไหน...จำเป็นต้องเรียกครูที่สอนให้ความรู้ ฝึกการดูความชอบ ถนัด ของเด็กให้เป็นครูที่เชี่ยวชาญในการดู Competency ของเด็กที่ตนเองสอน...หากบอกมาตรฐานว่าอยู่ตรงไหน ตรงนี้ก็ต้องสร้างเครื่องมือเข้ามาช่วยในการวัดมาตรฐานของการเป็นครูที่มีความรู้ด้าน Competency...เรียกว่า คนเป็นครูในอนาคต ไม่ใช่ให้ความรู้อย่างเดียว ต้องมีความเชี่ยวชาญในการดู Competency ของมนุษย์ได้อีกด้วย

เพราะการวัด Competency ของมนุษย์ ตั้งแต่เด็ก ๆ จะทำให้เด็กได้ศึกษาวิชา หรือความรู้ที่ตนเองถนัด รัก ชอบ มากกว่าการยัดใส่ให้ของการศึกษาในปัจจุบัน...ฉันทราบว่าผู้ใหญ่ต้องการให้เด็กเป็นแบบนั้น แบบนี้ แต่ในความจริงนั้น "มันใช่หรือ? เพราะความจริงของโลก นั่นคือ มนุษย์เกิดมาบนความแตกต่างกัน ตามที่บอกในข้างต้น"...เหมือนที่ผ่านมาเรายัดเยียดให้เด็ก ๆ...เปลี่ยนได้หรือไม่ว่า...ใส่บ้างเป็นความรู้พื้นฐานที่มนุษย์ควรมีก่อนที่จะโตไปเผชิญโลกกว้าง อย่ามากมายเกินไป...อนาคตควรให้สอนให้เขาตัดสินใจ เลือก แยกแยะเอง ให้หัดวิเคราะห์เอง คิดเองว่า เขาชอบ รัก ถนัดด้านใด...เขาต้องรับผิดชอบตัวของเขาเอง ตรงนี้ผู้ใหญ่ในวงการศึกษาต้องคิดว่าจะใช้เครื่องมือใดมาวัดและนำความรู้ใดมาเป็นพื้นฐานก่อน...หากทำได้ นั่นคือ ประเทศไทยจะได้เด็กที่มีความสามารถตามที่ตนเองถนัด เรียกว่า มี Competency (ความสามารถ) เต็มตัว...และจะไม่ต้องมานั่งโทษกันว่า "การศึกษาไทยผิดเพราะใคร...ส่วนใดที่ต้องผิดและรับผิดชอบ"...เพราะในการทำงานปัจจุบัน ก็จะมีการวัดกันในเรื่องของการเป็นนักคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ Create งานให้ได้...

เมื่อเด็ก ๆ เติบโตขึ้น เขามีใจรักด้วยตัวของเขาเอง...สิ่งที่จะเกิดขึ้นในบ้านเมืองไทย นั่นคือ เขาจะมีความสามารถ (Competency) เฉพาะบุคคล ซึ่งจะสอดรับกับที่ภาครัฐให้ส่วนราชการและภาคเอกชนนำ Competency มาใช้ให้กับคนทำงานในประเทศไทย...ในการวัด Competency จะได้ผลอย่างจริงจัง...มิใช่แบบ ณ ปัจจุบัน จริงหรือไม่

ฉันเขียนมาเพื่อแค่อยากเห็นเด็กไทยในอนาคตไม่หลงทางในการศึกษา...เพราะหากประเทศไทย ยังคงต้องใช้ Competency กับคนทำงาน...ฉันเพียงเพื่อต้องการเห็นคนไทยมีคุณภาพมากกว่า ณ ปัจจุบันเท่านั้น...ฉันคิดว่าทำได้ หากเป็นนโยบายลงมาและร่วมมือปฏิบัติกันอย่างจริงจัง!!! อาจใช้เวลาเป็นร้อยปี...แต่ถ้าลงมือทำ เราจะเป็นทิศทางของการศึกษาไทยที่ปรับเปลี่ยนไป แต่ขึ้นอยู่กับเครื่องมือที่ใช้ ต้องเป็นเครื่องมือที่เป็นไปได้ตามความเป็นจริงเท่านั้น...และพึงตระหนักได้แล้วว่า...อะไร คือ มาตรฐานที่แท้จริง...สิ่งนี้ คือ การสร้างจิตสำนึก ถึงความตระหนัก เพราะเด็ก คือ อนาคตของชาติ...ฉันไม่ได้เขียนมาเพื่อเปลี่ยนแปลงคน ณ ปัจจุบัน แต่ฉันเขียนเพื่อต้องการเห็นเด็กไทยในอนาคตเขาต้องมีคุณภาพที่แท้จริง สามารถเห็นได้ชัดว่า คือ สิ่งใด...แล้วจะไม่มีการมาโทษว่า การศึกษาควรเป็นแบบใด...การศึกษาเกี่ยวกับ "คน" หากคนมีพื้นฐานที่บิดเบี้ยว เมื่อเติบโตจะให้ได้ตรง ๆ ได้อย่างไร...เขียนขึ้นเพื่อภาครัฐต้องการวัดการทำงานของคนจาก Competency

"ข้อคิด"...หากเราเปรียบเทียบเด็กเล็ก ๆ เป็นโทรศัพท์เครื่องเปล่า ๆ ที่เราซื้อมา...หากเราต้องการที่จะได้อะไรเป็นพื้นฐานบ้างก็ใส่ลงไปบ้าง...เพียงพอที่จะนำติดตัวไปเป็นความรู้บ้าง...แต่ส่วน Application อื่น ขึ้นอยู่กับเด็กที่จะต้องใส่ลงไปในเครื่องเองมากกว่า...เพราะแต่ละ App นั้น แต่ละคนก็จะมี App ไม่เหมือนกัน เพราะความชอบ ถนัด รัก ไม่เหมือนกัน...นี่คือ คนในสมัยนี้และการศึกษาก็ควรเป็นแบบนี้มากกว่า...ที่ผ่านมาเหมือนผู้ใหญ่พยายามยัดเยียดสิ่งต่าง ๆ ให้กับเด็กมากจนเกินไป...บางทีให้จนเด็กบางคนก็ไม่สามารถที่จะรับได้ เพราะคนเราไม่เหมือนกัน...สิ่งที่เป็นความจริง นั่นคือ มนุษย์มีความแตกต่างกัน...แต่ทำอย่างไรจะให้มนุษย์อยู่ร่วมกันได้บนความแตกต่าง หากมนุษย์เหมือนกัน...มันใช่หรือ?...เพราะในความเป็นจริงมนุษย์พัฒนาได้ โดยอยู่ได้บนความแตกต่างกันมากกว่า...เป็นความถนัด ความเชี่ยวชาญ ความชำนาญกันคนละด้าน คนละเรื่อง คนละวิชา...เพราะหากเป็นแบบที่บอก จะสามารถตอบโจทย์ของการศึกษาไทยในอนาคตได้ที่ต้องการคนไทยที่มีคุณภาพ...และเป็นไปตามที่ต้องการให้เป็นจริง ๆ เสียที...สิ่งที่สำคัญ นั่นคือ มีนโยบายและเครื่องมือที่ชัดเจน...

มันดูเหมือนยาก...หากไม่เริ่ม มันก็จะวัด Competency ที่แท้จริง...คุณภาพของคนที่จริงๆ ไม่ได้เสียที...ที่เขียนมา เพราะภาครัฐนำเครื่องมือมาให้ฝ่ายบุคคลปฏิบัติกันในปลายเหตุมากกว่าต้นเหตุ...ก็แล้วทำไม? ไม่แก้ไขกันเสียตั้งแต่ต้นเหตุในการสร้าง Competency ให้กับเด็ก ๆ เสียเลยล่ะ!!! แต่สิ่งที่สำคัญมาก ๆ ในตอนเริ่มแรก นั่นคือ ความรู้ ความเข้าใจ ความเชี่ยวชาญของครูผู้สอนทุก ๆ คน ทุก ๆ ส่วน...ต้องรู้ เข้าใจอย่างแท้จริง

...

ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติเข้ามาอ่านบันทึกนี้

บุษยมาศ  แสงเงิน

๒๒ เมษายน ๒๕๖๑

หมายเลขบันทึก: 646629เขียนเมื่อ 22 เมษายน 2018 09:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 เมษายน 2018 10:18 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท