เสร็จแล้ว บังกาปู หันถามผมว่าคนเข็นรถให้เป็นใคร ผมก็บอกไปว่าเป็นลูกชาย มาบวชถวายกุศลให้ในหลวงพร้อมกันเพื่อคอยดูแลผมด้วย บังกาปูหันไปถามลูกชายผมว่าหลานชื่ออะไรอายุอานามเท่าไหร่ และจบอะไรมา” ลูกชายผมยกมือไหว้บังกาปู บอกไปว่า “ ผมชื่อ กลเดช อายุ 26 จบเอกรัฐศาสตร์จากตูลูส ฝรั่งเศส ทำงานที่สถานทูตไทยนิวเดลี “ บังกาปู ยิ้มพอใจยกมือจับแขนหญิงสาวที่เข็นรถให้ แนะนำว่า “ นี่คือ สาวิตรี ลูกสาวคนเล็กของบังเอง โททางโบราณคดี จากเชนใน รู้จักกันไว้เสีย “ ลูกชายผมยิ้มแป้นยื่นมือไปก่อน หญิงสาวยื่นมืออกมาจับด้วยทั้งสองต่างมองตากันจากนั้นบังกาปูหันไปจับแขนชายที่เข็นรถอีกคันบอกลูกชายผมว่า “นี่คือกาปูระทาน ลูกชายคนโตของบัง ลูกชายผมก็ยื่นมือไปหาเขา กาปูระทานก็ยื่นมือมาจับด้วย “ อีกคนหนึ่ง “ บังกาปูเอ่ยต่อ หันไปทางชายที่แสดงตัวเป็นเจ้าของสถานที่แต่แรก เอ่ยว่า “ นี่คือน้องชายบังเอง “ลูกชายผมยกมือไหว้แทนการจับมือเพราะเขามีวัยวุฒิแก่กว่า จากนั้น กาปู พาทุกคนไปที่ลานกว้างนั่ง ณ ที่ ๆจัดไว้ให้ในช่วงนี้ ลูกชายผมไม่เห็นสาวิตรีมาด้วย ก็ได้แต่หวังว่าจะได้เห็นอีก บังกาปูพยักหน้ากับน้องชาย น้องชายยิ้มรับพยักหน้าตอบ แล้วตบมือ 3 ครั้ง อีก สิ้นเสียงตบมือ มีเสียงม่านด้านหลังลานกว้างนั้น รูดขึ้น มีเสียงดนตรีพื้นบ้านพร้อมกลุ่มสาวสวยๆร่ายรำออกมาอย่างสวยงามอยู่พักใหญ่แล้วขบวนสาวงามเหล่านั้นก็เคลื่อนมาใกล้ ๆ หนึ่งในพวกนั้น รำออกมาโรยดอกไม้หอมลงที่บังกาปู และ ผม กับลูกชาย ผมจำได้ว่านางรำคนนั้น คล้าย สาวิตรีมาก ส่วนลูกชายผมจะจำได้หรือไม่ ไม่ทราบจึงหันไปกระซิบบอก เขาทำตาโต หันไปมองตามแต่ก็เป็นตอนที่บรรดาเหล่านางรำกำลังจะกลับเข้าฉากแล้ว เมื่อนางรำอวยพรเข้าฉาก แล้ว บังกาปู..........โ ปรดรออ่านตอน 16 ในตอนหน้า )
ไม่มีความเห็น