ทำงานจิปาถะ ทั้งขนผัก ขนปลา ขนผลไม้ต่าง ๆคามคลาดสดพอได้ค่าจ้างรวมกันมากพอ ก็จะผละออกไปขายถั่วทอดต่อเพราะถนัดกว่า ไม่เหนื่อยยากด้วย แม้ผมจะดูต่ำต้อยในสายตาคนไทย แต่ผมเป็นคนรู้คุณคนไม่ลักเล็กขโมยน้อย หรือคดโกงรังแกใคร วันหนึ่ง ผมไปขายถั่วฝั่งธนบุรี ย่านตรอกวังหลังไปทางวัดระฆังเช่นเคย เป็นตอนเย็นช่วงคนกลับจากทำงาน ผมขึ้นจากเรือข้ามฟากเดินเข้าในตรอกวังหลังไปทางวัดระฆัง ไปได้สักพักถึงบริเวณเปลี่ยวหน่อย ทันใด ผมได้ยินเสียงร้องไกล ๆ จากช้างหลังว่าช่วยด้วย ช่วยด้วย วิ่งราว แล้วมีเสียงวิ่งตึกๆ ตามมาข้างหลัง ไม่ทันได้หันไปดูว่า มีอะไรกัน ก็ถูกคนวิ่งมาชนข้าง หลังอย่างแรงจนหกล้ม กระจาดใส่ถั่วที่เทินบนหัวหล่นลงพื้น ถั่วต่าง ๆ ในนั้นหกกระจายไปทั่วบริเวณ ผมนอกจากล้มแล้ว หัวแม่เท้าข้างซ้ายยังแกว่งไปถูกสังกะสีรั้วข้างซอยที่เป็นแง่แหลมคมอยู่อย่างแรง บาดเป็นแผลลึกเลือดสาดออกมาก ที่เกิดเหตุนั้น เป็นตรงหน้าประตูไม้เข้าบ้านหลังหนึ่งพอดีจำได้ว่าเป็นเลขที่ 814 และก็พอดีชายหนุ่มที่อยู่ในบ้านนั้น ที่มาเรือเที่ยวเดียวกันและเดินตามผมมาอย่างบังเอิญ ทราบภายหลังว่าถูกคนที่ชนผม ชนด้วยเหมือนกันแต่เขาไม่ล้ม เขา เห็นเหตุการณ์ที่ผมถูกชนหกล้ม มีเลือดออกที่หัวแม่เท้า ชายหนุ่มเจ้าของบ้านผู้นั้นมีน้ำใจอันอีงามช่วยดึงข้าฯขึ้น พาข้าฯเข้าไปในบ้านทำแผลให้ข้าฯ ให้ข้าวเย็นข้ากิน พาข้าฯไ ฉีดยากันบาดทะยักที่ โรงพยาบาล......( โปรดรออ่านตอนที่ 16 ในตอนต่อไป )
ไม่มีความเห็น