ณ สระว่ายน้ำ แห่งหนึ่ง ขณะที่หลาย ๆ คนกำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน ผู้ใหญ่บางคนก็นั่งรอลูกเล่นขอบสระว่ายน้ำ
แม่คนหนึ่ง ตะโกนบอกลูกว่า“ห่วงยางน่ะ มีไว้ให้เด็กปัญญาอ่อนใช้เท่านั้นแหละ”
ฉันมองไปตามเสียงนั้น คิดว่าแม่นั้นปรารถนาดีอยากให้ลูกได้หัดว่ายน้ำแบบไม่ใช้ห่วงยาง แม่คงมีความต้องการให้ลูกได้ว่ายน้ำเป็น
เป็นความปรารถนาดีที่อาจมีคม ไม่ใช่บาดใจลูกตัวเองเท่านั้น เด็กคนอื่นที่ใช้ห่วงยางอยู่ก็อาจถูกบาดใจไปด้วย
แม่ท่านนี้ไม่ได้มีเจตนาร้่ายเลย ทั้งยังมีเจตนาดี มีหัวใจที่มีความรักมากล้น
แบ่งปันเรื่องนี้ ไม่ได้ชวนมาตำหนิติโทษแม่ท่านนี้ ต้องขอบคุณแม่ท่านนี้ ที่ทำให้แม่ดาวฉุกคิด บางครั้งตัวเราเองก็อาจเผลอพูดจาด้วยเจตนาดีที่มีคมเช่นนี้เช่นกัน อาจเป็นถ้อยคำที่ไพเราะ ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานปานน้ำตาลเดือนห้า
เช่น ลูกครับ ช่วยตั้งใจอ่านหนังสือมากกว่านี้หน่อยนะครับลูก จะสอบเข้าเรียนต่ออยู่แล้ว แม่เห็นก็กลุ้มใจมาก หากลูกยังเล่นๆ แบบนี้ จะสอบติดได้ยังไง (ลองเอาหัวใจลูกใส่ใจเรา แล้วลองรับรู้ความรู้สึกภายใน ว่าสบายใจ มีกำลังใจ หรืออย่างไร)
หรือ ถ้าลูกไม่ขยันหนังสือ โตมาลูกก็ต้องมาเก็บขยะขายนะครับ หรือไม่ก็เลี้ยงวัว เลี้ยงควาย (คุ้นๆ หูไหม แม่ดาวได้ยินตั้งแต่สมัยตัวเองเป็นเด็กจนแก่นี้ก็ยังได้ยินเรื่อยๆ?)
แม้ถ้อยคำจะฟังแล้วอาจไพเราะ ก็ไม่ได้แปลว่ามันไม่บาดใจ หลายคนมักบอกว่า ก็ต้องพูดแบบนี้แหละเพื่อปลุกพลังในใจลูก อันที่จริงเราสามารถปลุกพลังใจใครได้จริงหรือ เราทำได้คือเป็นกำลังใจหรือเปล่า
คำพูดที่เคยชิน ติดหู ติดปาก อาจไม่ใช่คำพูดที่ใช้ได้ผลดี อีกทั้งอาจได้ผลไม่ดีก็เป็นได้
การคำพูดเช่นนี้ ลองคิดถึงใจเขาใจเรา หากตัวเรามีลูกที่มีสภาวะเช่นนี้ ดาวซินโดม เราได้ยินเราจะรู้สึกอย่างไร คงเจ็บปวดใจมากใช่ไหม ในสังคมมักมีคำพูดติดปากเช่นนี้มากมาย
ชวนกันทบทวนตัวเอง และโปรดระวังคำพูดตัวเอง
ด้วยรักและห่วงใย เตือนเขาไม่ได้ เลยเตือนตัวเองและอยากเตือนเพื่อนๆ ด้วยค่ะ
คำพูดของคนเราเปรียบเสมือนดาบสองคมค่ะ ควรตระหนักคิดกันก่อนพูดอะไรออกไป โดยเฉพาะการพูดในที่สาธารณะที่มีคนอยู่รวมกันเยอะ ๆ แม้แต่พูดกับคนใกล้ตัว บางครั้งก็ไม่ทันคิดกัน ซึ่งอาจจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม จึงมีคำกล่าวว่า "ให้คิดทุกคำที่พูด แต่อย่าพูดทุกคำที่คิด"
มาให้กำลังใจ แม่ดาว และชื่นชมค่ะ