ช่วงนี้ผมได้ไปงานนวัตกรรม มาหลายงานเลย คือ ตอนนี้โลกกำลังเห่อ นวัตกรรมครับ อะไรๆ ก็นวัตกรรม ถือเป็นความเจริญรุ่งเรืองอย่างมากมายอย่างก้าวกระโดด นวัตกรรม –สตาร์ทอัพ - แอ้ปพริเคชั่น คำพวกนี้พูดกันทั่วโลก
.
จริงๆ ผมก็เป็นพวกครีเอทีฟ ชอบคิดสร้างสรรค์ เรื่องนวัตกรรมนี่เข้าทางผมมากๆ ผมก็ได้สอนการคิดเชิงนวัตกรรมด้วย.
แต่...
สิ่งนึงที่ผมรู้สึกว่า เรากำลังมองข้ามกันไป...ซึ่งผมจะเฉลยให้ทราบในภายหลังว่าคืออะไร..
.
ก่อนอื่น ผมขอถามก่อนนะครับ ถามจากใจเลยว่า เรารู้กันจริงๆ ไหมครับว่า ที่เราพูดกันว่ายุค 4.0 นี่นะ
ไอ้ 4.0 มันคืออะไร? และมีที่มายังไงถึงได้เป็นยุค 4.0
.
มาดูกันครับ...
เริ่มต้นยุค 1.0 เค้านับตอนที่เครื่องจักรไอน้ำกำลังพัฒนาจนทำงานได้ดีมากๆครับ คนที่โด่งดังเรื่องนี้ คือ เจม วัตต์.
พอเครื่องจักรไอน้ำพัฒนาได้ดี ก็เกิดการพัฒนาต่อยอดตามมามากมาย เช่น รถไฟ เรือกลไฟ.
การคมนาคมและการขนส่งสะดวกขึ้นมาก แน่นอนความเจริญ(ทางวัตถุ) ย่อมแผ่กว้างไปมากกว่าการขี่ม้าหรือเกวียน
จากสังคมที่เป็นเกษตรกรรม ก็เริ่มเข้าสู่ยุคที่เป็นอุตสาหกรรมเริ่มจากครัวเรือนก่อน
นี่นับเป็นยุค 1.0 โลกทางตะวันตกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก สังคมเปลี่ยนแปลงจนนับเป็นยุคที่หนึ่ง
ช่วงนี้ตรงกับยุคพระเจ้าตากสินกำลังกู้บ้านกู้เมืองครับ จนเรามีกรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ตามลำดับ ก็ยังไม่ได้รับผลจาก 1.0 อะไรนัก
.
พอยุค 2.0 ไฟฟ้าและเครื่องจักรที่มีความซับซ้อนมากขึ้นก็มีบทบาท
โทมัส อัลวา เอดิสัน เป็นคนดังยุคนี้ครับ เรามักจะรู้ว่าเขาประดิษฐ์หลอดไฟ แต่จริงๆ เขาพัฒนาทั้งระบบการจ่ายไฟให้เมืองเลย และยังพัฒนาเครื่องจักรอีกมากมาย พอไฟฟ้าแพร่หลาย การทำงานก็ขยายตัว ทำงานกลางคืนก็ได้ งานก็เพิ่มขึ้น
และเครื่องจักรต่างๆ พัฒนามากขึ้น ทั้งเครื่องโทรเลข เครื่องบันทึกเสียง และเครื่องบันทึกภาพ เริ่มเกิดมีในยุคนี้ แน่นอนการสื่อสารง่ายขึ้น กว้างขึ้น ที่สำคัญที่สุด ระบบอุตสาหกรรมครับ จากครัวเรือนก็เป็นโรงงาน แพร่หลายมากๆ สามารถผลิตสินค้าได้เร็ว และเป็นจำนวนมาก
.
เรียกว่าการปฏิวัติเลย ปฏิวัติอุตสากรรมครับ และเบื้องหลังอุตสาหกรรม คือระบบนายทุน ระบบนายทุนก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมระบบกษัตริย์เคยเป็นใหญ่ ทีนี้นายทุนเริ่มเป็นใหญ่ไม่แพ้กษัตริย์แล้ว วอลสตรีทก็เกิด คนรวยเกิดขึ้นราวดอกเห็ด ทางตะวันตกสินค้าผลิตจนเพียงพอ คนอดอยากก็ลดลง สินค้าเหลือส่งออกขายตามประเทศต่างๆ รวมทั้งไทยด้วย
แต่ประเทศทางตะวันตกติดขัดอย่างหนึ่ง คือการค้าของไทยผูกขาดกับจีนครับ ชาติตะวันตกเองพยายามส่งฑูตมาเจรจาหลายครั้ง เพราะสินค้าเริ่มผลิตออกมาเยอะ ต้องหาที่ระบายไง ....แต่ก็ไม่สามารถชนะความสัมพันธ์ของจีนได้
พอเจริญทางวัตถุมากเข้า สิ่งที่เลวร้ายตามมาคือการพัฒนาอาวุธครับ แสนยานุภาพที่สำคัญคือ เรือรบ พอสามารถเอาเหล็กติดเครื่องกลไฟลงน้ำได้ ทีนี้เปลี่ยนวิธีแล้วครับ ค้าขายไม่ดีใช่ไหม ล่าอาณานิคมมันซะเลย เทคโนระดับนี้ ประเทศกระจอกๆ ไม่มีทางสู้ได้อยู่แล้ว
.
ยุค 2.0 โลกเรียกว่าความเจริญ แต่ผมเรียกว่าหายนะครับ มนุษย์ถูกความโลภเข้าครอบงำ แทนที่จะนำความเจริญไปในทางที่สร้างสรรค์ กลับนำไปหาผลประโยชน์ เพราะอยากรวยและมีอำนาจครองโลก ความเจริญทางวัตถุที่ว่านี้เหมือนเอาปืนใส่มือเด็ก ทำเอาประเทศแถบเอเชียตกเป็นเมืองขึ้นพวกมันเกือบหมด
.
ประเทศเราเคยรุ่งเรืองด้วยศิลปะและวัฒนธรรมในอดีต บ้านเมืองสงบ ถึงเคยเกิดสงครามก็ไม่รุนแรงขนาดจะแพร่กระจายหนักครอบไปทั้งประเทศ คราวนี้ถูกมันรุกรานจะกินรวบ จนเกือบเสียอิสรภาพ ยังดีที่พระบารมีและพระสติปัญญาของบูรพกษัตริย์ไทยเราทรงพาสยามประเทศให้พ้นเงื้อมมือของไอ้ชาติที่เรียกตัวเองอย่างหน้าไม่อายว่าผู้เจริญ
ตั้งแต่รัชกาลที่ 5 เราต้องยอมเสียดินแดนบางส่วน และเสียเงินจำนวนมาก เพื่อรักษาส่วนใหญ่เอาไว้
.
ยังไม่พอครับ สงครามโลก สงครามแบบที่ไม่เคยเกิดมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ ที่มีอุปกรณ์ฆ่าคน และสร้างความเสียหายได้อย่างมหันต์ เกิดขึ้นถึง 2 ครั้ง คนตายนับไม่ถ้วนครับ เอาศพคนตายมานอนเรียงกันทั้งหมดนี่ พื้นที่กรุงเทพจังหวัดเดียวคงไม่พอ บางประเทศถึงกับสิ้นชาติไปเลยก็มี เพราะไอ้สิ่งที่เรียกว่า ความเจริญนี่ไงล่ะ เป็นไงครับ เด็กมีปืน ...
ไอ้ระบบอุตสากรรม หรือระบอบประชาธิปไตย ที่แท้มันคือทุนนิยมสามานย์ที่ขับเคลื่อนด้วยความโลภโมโทสัน หรือความอยากครองโลก ไม่รู้จักคำว่าพอ หรือคำว่าเมตตา ...มันไม่รู้จักครับ
.
ระบบการศึกษาที่บ่นกันว่าล้มเหลวมาถึงทุกวันนี้ ก็เริ่มจากตรงนี้แหละครับ จากเราเคยเรียนตามศาลาวัด หลวงปู่หลวงตาท่านเน้นคุณธรรมเป็นหลัก และเป็นอยู่อย่างพอเพียง เป็นอยู่กันอย่างไทยๆ โอบอ้อมอารีย์ อย่าตีกัน ก็กลายมาเป็นการเรียนวิชาต่างๆ ตามที่มันบังคับบัญชา การศึกษาที่จะทำให้คนอยู่ใต้อานัติความคิดของมัน กลายแบบเครื่องจักรในระบบอุตสากรรม เรียนเพื่อไปเป็นลูกจ้างโรงงาน เป็นลูกจ้างออฟฟิต และมีแนวคิดแบบมัน คือทำอะไรก็ได้ขอให้รวยๆๆๆ ทำหัวสูง และสร้างภาพดูยิ่งใหญ่ อีโก้กันเข้าไป.... โธ่ ไอ้บ้า
.
แถมมันจัดให้เราเป็นประเทศด้อยพัฒนา ถถถ โถๆ มันจริงหรือครับ ไอ้ Developed ทั้งหลาย พูดคำนี้มา มันน่าอายไหม
อ้อ มันคงไม่รู้สึกหรอก ผมไม่เคยเห็นว่าประเทศเหล่านี้ จะเคยมาแสดงความเสียใจกับการรุกรานคนอื่นของมันในอดีตเลย ไม่มีสักประเทศ เห็นมีแต่พยายามเอาเปรียบและดูถูกเราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
.
นี่แค่ 2.0 นะ ยังไม่ถึงนวัตเวรกรรมเลย เอาไว้ต่อตอนหน้า ผมจะมาแฉให้ตาสว่างเลย
.......
ขอบคุณครับ
วันก่อนไม่ได้พูดเรื่องผลกระทบต่อเมืองไทย เลยมาเขียนแทนครับ